ตั้งอัยการ917ตำแหน่ง‘บิ๊กตู่’เลื่อนถกโผทหาร


เพิ่มเพื่อน    

ก.อ.ตั้งอัยการล็อตใหญ่ 917 ราย “ชาติพงษ์” มือปราบคดีทุจริตผงาดรองอัยการสูงสุดเบอร์หนึ่ง ทีมโฆษก-เลขาฯ อสส.เก่าใหม่ขยับกันพรึ่บ ศาลยุติธรรมชง ก.ต.เคาะบัญชีแต่งตั้งผู้พิพากษาระดับศาลอุทธรณ์ 30 ส.ค. "บิ๊กตู่" เลื่อนถก "โผทหาร" ทบ.ยังไม่ลงตัว จับตาหัวโต๊ะประชุม สมช.ไฟเขียว “เสธ.ไก่” ข้ามห้วยนั่งเลขาฯ คนใหม่ 
    ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เวลา 09.00 น. นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 8/2564 โดยมีวาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการตั้งแต่ระดับรองอัยการสูงสุด จำนวน 6 ราย, ผู้ตรวจการอัยการ 9 ราย, อธิบดีอัยการ 75 ราย, รองอธิบดีอัยการ 104 ราย, อัยการพิเศษฝ่าย 152 ราย, ข้าราชการอัยการชั้น 6 จำนวน 98 ราย, ข้าราชการอัยการชั้น 5 จำนวน 109 ราย, ข้าราชการอัยการชั้น 4 จำนวน 117 ราย, ข้าราชการอัยการชั้น 3 จำนวน 120 ราย, อัยการอาวุโส 21 ราย และอัยการอาวุโส (ตั้งใหม่) 106 ราย รวม 11 บัญชี 917 ราย ซึ่งมีการพิจารณาเสร็จในช่วงบ่าย 
    โดยมีอัยการชื่อดังที่ได้ขยับมีรายชื่อน่าสนใจ ดังนี้ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอัยการสูงสุดลำดับอาวุโสที่ 7 เป็นรองอัยการสูงสุดลำดับที่ 1 สำหรับนายชาติพงษ์ขึ้นชื่อในฝีมือเรื่องปราบการทุจริต มีประสบการณ์มาก เคยนั่งรองอธิบดีคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี เช่น คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร คดีทุจริตสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครโดยทุจริต เเละยังมีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน พัวพันถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร รวมถึงคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยก่อนขึ้นรอง อสส. ได้เข้ามาคุมคดีเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อน ถือเป็นอัยการมีฝีมือ ประสบการณ์มาก ขึ้นชื่อเรื่องเป็นคนเที่ยงตรง
    นายบัณฑูร ทองตัน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงานภาค 8 อดีตอัยการคดีทวงคืนหาดเลพังมูลค่านับหมื่นล้านคืนจากกลุ่มนายทุน เป็นอธิบดีอัยการภาค 8, นายสุวิช ชูตระกูล อธิบดีอัยการปกครองเพชรบุรี เป็นอธิบดีอัยการภาค 7, นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง ซึ่งมีขอบเขตอำนาจพิจารณาสั่งคดีเเขวงทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ, นายศักดา ช่วงรังษี อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองภูเก็ต เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาตลิ่งชัน 
    นายอิทธิพร เเก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ เป็นอธิบดีอัยการคดีอาญา, นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ขยับขึ้นเป็นอธิบดีอัยการสำนักงาน ก.อ., นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เเละรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาพระโขนง, นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งเคยเป็นเจ้าของสำนวนคดี กปปส.ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษเเกนนำหลายคน ขึ้นเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ 
    ในส่วนระดับอธิบดีอัยการสำนักงานสำคัญ มี น.ส.นารี ตันฑเสถียร อธิบดีอัยการสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย และนายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งทั้งสองคนเป็น ก.อ.ทั้งคู่ยังอยู่ในตำเเหน่งเดิม จึงไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีเเต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ โดย น.ส.นารีมีคิวที่จะได้ขึ้นเป็น อสส.หญิงคนเเรกของประเทศ ต่อจากนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุดคนต่อไป 
    ระดับรองอธิบดีอัยการที่น่าสนใจ มีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 เป็นรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง, นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 ขึ้นเป็นรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ส่วนบัญชีอาวุโสตั้งใหม่ที่น่าสนใจ ได้แก่ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ที่นั่งในตำเเหน่ง 2 ปี ไปเป็นอัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด นายชัชชม อรรฆภิญญ์ รอง อสส. ไปเป็นอัยการอาวุโสสำนักงานวิชาการ โดยขั้นตอนหลังจากนี้เมื่อ ก.อ.มีมติเเต่งตั้ง จะมีการนำเสนอเพื่อโปรดเกล้าฯ เเต่งตั้งให้มีผลวันที่ 1 ต.ค.นี้ 
     เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เผยแพร่บัญชีที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาบัญชี 5 ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำเเหน่ง 181 บัญชี และชั้น 3 เลื่อนเป็นชั้น 4 จำนวน 106 บัญชี โดยเป็นระดับผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ รองอธิบดีศาลชั้นต้น หัวหน้าคณะในศาลชั้นต้น ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา, อุทธรณ์ เเละบัญชี 6 จำนวน 1 บัญชี
    โดยมีบัญชีรายชื่อที่น่าสนใจ ดังนี้ นายนาวี สกุลวงศ์ธนา รองเลขานุการศาลฎีกา ดำรงตำเเหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (เยาวชน), นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ดำรงตำเเหน่งเลขานุการศาลอุทธรณ์, นายชาติชาย เหลืองอ่อน ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา ดำรงตำเเหน่งเลขานุการศาลฎีกา, นายสิทธิพงศ์ ตัญญพงศ์ปรัชญ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา, นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา ขึ้นเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 1
    โดยรายชื่อทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปยังอนุกรรมการตุลาการกลั่นกรอง เพื่อเสนอยัง ก.ต.เเต่งตั้งโยกย้ายต่อไป โดยจะมีนัดประชุม ก.ต.ครั้งต่อไปวันที่ 30 ส.ค.นี้
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดย พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับหน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพให้ความสำคัญในการปรับย้ายและคัดเลือกกำลังพลที่มีความรู้ความสามารถเป็นคนเก่งและคนดี ที่ได้รับการยอมรับเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้บริหาร หรือผู้นำหน่วยงานในทุกระดับ เพื่อยกระดับหน่วยงาน และขับเคลื่อนกองทัพให้ไปสู่ความทันสมัย โปร่งใส ไม่สร้างปัญหา ได้รับการยอมรับร่วมกันภายในกองทัพ และได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน 
    เมื่อถามว่า ขณะนี้ความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่ออยู่ในขั้นตอนไหน พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ตามกรอบเวลาต้องให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ เพื่อนำส่งนายกรัฐมนตรี และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป แต่ยืนยันว่าในที่ประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว ส่วนจะเป็นการหารือนอกรอบหรือไม่นั้น ไม่ทราบ  
    ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เลื่อนการประชุมกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลที่เดิมจะประชุมวันนี้ออกไปในสัปดาห์หน้า โดยเหลือการปรับย้ายในส่วนของกองทัพบกที่ยังไม่ลงตัว 
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 26 ส.ค. เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีวาระที่ต้องจับตา คือการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แทน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยมีรายงานว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหารบก เป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ ซึ่งหากที่ประชุมให้ความเห็นชอบจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี​ต่อไป
    สำหรับ พล.อ.สุพจน์ยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 66 ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน สมช.ว่าเป็นอีกครั้งที่มีการโยกบุคคลจากภายนอกข้ามห้วยมาตัดโอกาสคนในองค์กรที่จะเติบโต เพราะนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา มีการโยกนายทหารมาดำรงตำแหน่งเลขาฯ สมช.มาโดยตลอด ขณะที่ปีนี้พบว่ารองเลขาฯ สมช.ที่อาวุโสสูงสุดคือ นางศิริวรรณ สุคนธมาน ซึ่งเหลืออายุราชการอีกเพียง 1 ปี โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มักจะใช้วิธีปลอบใจคนใน สมช.ด้วยการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าซี 11 เพื่อลดแรงกระเพื่อมใน สมช.เหมือนที่เคยทำมาหรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"