เคาะวันซักฟอก เริ่ม31สค.60ชม. รบ.ผุดวอร์รูมโต้


เพิ่มเพื่อน    

เคาะแล้วเปิดซักฟอกรัฐบาล 31 ส.ค.-4 ก.ย. ให้พ่นน้ำลายกันร่วม 60 ชั่วโมง เพื่อไทยตีปีกจับมือม็อบเล่นทั้งนอก-ในสภา ดีใจคนเข้าชื่อไล่ "บิ๊กตู่" แล้ว 2 หมื่นคน จัดแคมเปญแต่งชุดดำ ผูกริบบิ้นดำ  เปลี่ยนรูปโปรไฟล์โซเชียลเป็น “ไล่ประยุทธ์” ด้าน "เสกสกล" สวนกลับเจอกันแน่ทีมงานวอร์รูมนอกสภา ซัดฝ่ายค้านใช้ภาษาทุเรศ ฟันธงถึงคราวอาถรรพ์ที่จะพบจุดจบและความหายนะของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน นายใหญ่ทั้งสองต้องระเหเร่ร่อนพเนจรต่อไป
    เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหารือการกำหนดกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 
    จากนั้น น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ  ในฐานะตัวแทนนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดกรอบระยะเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ระหว่างวันที่  31 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน และลงมติในวันที่ 4 กันยายน ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึงวันที่ 2 กันยายน จะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 09.00-00.30 น. ส่วนวันที่ 3 กันยายน จะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. และวันที่ 4 กันยายน จะเริ่มลงมติในเวลา  10.00 น. 
    ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการกำหนดเวลาในการอภิปรายทั้งหมด 58  ชั่วโมง 30 นาที แบ่งเป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 40 ชั่วโมง ส่วนของฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี 18 ชั่วโมง 30 นาที 
     ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบว่า ตามที่ที่ประชุมวิปรัฐบาลร่วมกับวิปฝ่ายค้านกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีรวม 4 วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึงวันที่ 3 ก.ย. และลงมติวันที่ 4 ก.ย. ดังนั้นจึงเลื่อนวันประชุม ครม.วันอังคารที่ 31 ส.ค.ไปเป็นวันจันทร์ที่ 30 ส.ค.นี้  
    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ด้วยความล้มเหลวในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดที่ผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ พรรคฝ่ายค้านทนเห็นรัฐบาลชุดนี้บริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์โควิดล้มเหลวต่อไปไม่ได้ ทนเห็นชีวิตผู้คนต้องเจ็บป่วยล้มตายรายวันไม่ได้ รัฐบาลยิ่งอยู่นาน จึงตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายเป็นการทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น และเชื่อมั่นว่าจะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
         “รัฐบาลไม่ควรจะคิดมีนอกมีใน เพราะเรื่องนี้คือชีวิตของประชาชน  รัฐควรทำด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เมื่อรัฐบาลเคยบอกว่าสามารถตอบคำถามทุกอย่างได้ ถามเมื่อไหร่ก็ตอบได้ ฝ่ายค้านก็พร้อมจะอภิปรายเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ผมมั่นใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลแน่นอน  และขอร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์นอกสภาไปพร้อมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ที่พรรคเพื่อไทยเชิญชวนพี่น้องประชาชน ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์ ร่วมลงชื่อโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผ่าน https://www.change.org/prayutgetout"
    ด้าน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เผยว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยเปิดตัวกิจกรรมไป 24 ชั่วโมง พบว่ามีผู้ลงชื่อไล่พลเอกประยุทธ์ร่วม 20,000 คนแล้ว ในจำนวนนี้เป็นประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศไม่อาจรับได้กับการมีอยู่ของนายกรัฐมนตรีคนนี้อีกต่อไป เพราะไร้ซึ่งความสามารถทุกด้าน หมดแล้วซึ่งอำนาจความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศ 
    เธอกล่าวว่า ต่อจากนี้ไปจะมีการรณรงค์และเชิญชวนพี่น้องประชาชน ให้มาร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในหลากหลายกิจกรรม คู่ขนานไปพร้อมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาอย่างต่อเนื่อง เช่น การแต่งกายด้วยชุดดำ การผูกริบบิ้นสีดำที่รถที่ใช้ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนของ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย การเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ด้วยเฟรม “ไล่ประยุทธ์” ในโซเชียลมีเดียของ ส.ส. ผู้สมัคร ส.ก. และสมาชิกพรรค รวมทั้งขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์แคมเปญที่บริเวณที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อสะท้อนพลังทางสังคมที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
    "แคมเปญลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์ ได้มีผู้มีชื่อเสียงร่วมด้วยมากมาย อาทิ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นต้น" โฆกษพรรคเพื่อไทยกล่าว 
    ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยถึงการตั้งวอร์รูมนอกสภาเพื่อรับมือญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า การทำงานครั้งนี้เป็นการรวมตัวของคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวง ทุกพรรคการเมืองในซีกรัฐบาลอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อทำงานเตรียมการสู้ศึกซักฟอกของฝ่ายค้านในนามทีมงานวอร์รูมนอกสภา
    ทั้งนี้ วอร์รูมดังกล่าวมีหน้าที่ในการหาข้อมูลสนับสนุนและพิทักษ์ปกป้องนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีนักกฎหมายเตรียมการดำเนินคดีกับ ส.ส.ฝ่ายค้านที่บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี ใช้หลักฐานอันเป็นเท็จและโจมตีจาบจ้วง ก้าวล่วง ดูหมิ่นดูแคลนสถาบันเบื้องสูง โดยวอร์รูมนอกสภาจะจัดทีมแถลงตอบโต้ทันที โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีม จะทำงานเชิงรุกตอบโต้ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นการคุกคามหรือข่มขู่ฝ่ายค้าน แต่ต้องการป้องปรามและส่งสัญญาณเตือนถึงฝ่ายค้านว่าอย่าได้อภิปรายนอกลู่นอกทาง หรือสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ  ตลอดจนอย่าก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันอย่างเด็ดขาด อาจจะโดนดำเนินคดีมาตรา 112 ได้
    ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การที่ฝ่ายค้านเขียนญัตติใช้ภาษาที่ทุเรศอัปยศอดสูที่สุด เสมือนดูถูกประชาชน ซึ่งไม่เคยมีฝ่ายค้านยุคไหนที่ใช้ภาษาดูหมิ่นดูแคลนผู้นำประเทศเยี่ยงนี้ และไม่ยอมใช้วิธีเล่นการเมืองยึดกติกาในสภาตามระบอบประชาธิปไตย แต่กลับหันมาเล่นการเมืองเถื่อนนอกสภา
    "คงถึงคราวอาถรรพ์ที่จะพบจุดจบและความหายนะของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน จึงคิดวิธีการชั่วช้าออกมาได้เช่นนี้ เพียงเพื่อหวังทำลายนายกฯ จ้องล้มรัฐบาลจนหน้ามืดตามัว กิเลสตัณหาโลภะสูง ขอเพียงเพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ช่วยให้นายใหญ่ นายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์กลับมาฟอกตัวให้พ้นคดีทุจริตให้ได้ จึงกล้าทุ่มเท ยอมทุบหม้อข้าวหม้อแกง ถล่มโจมตีนายกฯ และรัฐบาลทุกรูปแบบอย่างถวายชีวิต จึงไม่แตกต่างอะไรกับหมาบ้าที่เที่ยวไล่งับไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว สุดท้ายก็ต้องถึงจุดจบเพราะพิษหมาบ้าของตัวเองที่จะโดนประชาชนลงทัณฑ์ จนทำให้นายใหญ่ทั้งสองก็คงต้องระเหเร่ร่อนพเนจรต่อไปอีก เพราะความคิดการเมืองแบบเพี้ยนๆ จิตวิปริตเช่นนี้ของคนบางคนในพรรคเพื่อไทย เหมือนกับที่เคยคิดจะออก พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอยช่วยนายทักษิณกลับบ้านในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์" นายเสกสกลกล่าว
    ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า หากฝ่ายค้านมั่นใจว่ามีข้อมูลเพียงพอก็สามารถนำมาแสดงและอภิปรายต่อที่ประชุมสภาได้ จากนั้นก็ยังสามารถยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อตามขั้นตอนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อยากให้การอภิปรายนั้นเป็นไปด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ใช้เป็นเวทีสาดโคลนใส่กัน โดยรัฐบาลจะถือโอกาสนี้ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน
    ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า เสียงข้างมากของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในสภารวมกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภา ช่วยค้ำจุนการอยู่รอดของรัฐบาลและการดำรงอยู่ในตำแหน่งของนายกฯ นั้น ขอชี้แจงว่า การกล่าวหาดังกล่าวถือเป็นการไม่ให้เกียรติสมาชิกวุฒิสภาและเพื่อน ส.ส.ในซีกรัฐบาลเกินไปหรือไม่ เพราะสมาชิกวุฒิสภาย่อมมีดุลพินิจของท่านเอง  ไม่มีใครไปบังคับหรือสั่งการใดๆ ได้ ขณะที่ ส.ส.รัฐบาลนั้นก็เป็นตัวแทนของประชาชนเช่นเดียวกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน ศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่วันนี้สิ่งที่ค้ำจุนรัฐบาลอยู่ก็คือความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คิดนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม วันนี้ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลทุ่มสรรพกำลังแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ เชื่อว่าเมื่อพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอย่างทุกวันนี้ เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้โดยเร็วอย่างแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"