ยี้สามนิ้ววีไอพี ย้าย‘รพ.’รักษา ยธ.แฉดาวดิน!


เพิ่มเพื่อน    

ตร.ฮึ่มคาร์ม็อบทั่วประเทศ จัดหนักเล็งแจกคดีสาวถึงท่อน้ำเลี้ยง ขณะที่บิ๊กสามนิ้วกระอักรายวัน “เพนกวิน” ฝันสลายนอน รพ.นอกคุก หลังโดนกระแสตีกลับนักโทษวีไอพีสร้างบรรทัดฐานรายอื่น  ด้าน "ไผ่ ดาวดิน" ไม่รอดโควิด ราชทัณฑ์แฉประพฤติตัวไม่เหมาะสมดึงสายวงจรปิดทิ้ง   
    เมื่อวันศุกร์ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการชุมนุมวันที่ 29 สิงหาคม ที่นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับการจัดกิจกรรม Car Mob-Call  Out เริ่มต้นที่อุโมงค์ทางลงแยกเกษตร ก่อนเคลื่อนผ่านจังหวัดนนทบุรี และไปสิ้นสุดที่หน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า ระยะทาง 50  กิโลเมตร ว่าตำรวจจะรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในทุกพื้นที่ ทั้งผู้ประกาศชักชวน ผู้สนับสนุน หรือผู้ที่เปิดบัญชีขอรับบริจาคในลักษณะท่อน้ำเลี้ยง รวมถึงผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมด้วย
    ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบถือว่ารถที่นำมาใช้เป็นทรัพย์สินที่มีไว้ใช้ในการกระทำผิดด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเตือนว่าผู้ร่วมการชุมนุมที่มีภาพปรากฏผ่านสื่อสังคมออนไลน์จะถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญ เจ้าหน้าที่จะสืบสวนหาข่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อกวาดล้างจับกุมต่อไป หลังช่วงที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ที่ประกอบวัตถุระเบิดเพื่อจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และรับสารภาพว่าเตรียมไว้ใช้ก่อเหตุในการชุมนุมวันที่ 29 สิงหาคม 
     นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนายณัฐวุฒิและนายสมบัติ ตนเองยังยืนยันว่าหากแกนนำทั้ง 2  คนยังเคลื่อนไหวอยู่ก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะมองว่านายณัฐวุฒิและนายสมบัติไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ก็เพราะว่าการออกมาเคลื่อนไหวแต่ละครั้งเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้สนใจประเทศชาติและประชาชนอยู่แล้ว หากคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองก็คงไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวใดๆ อีก 
    ที่รัฐสภา นายปราโมทย์คริษฐ ธรรมคุณากร กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสิระ  เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยขอให้นายสิระในฐานะประธาน กมธ.เรียกผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมาทำความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของการเป็นทนายความ ว่าต้องคอยชี้แนะลูกความ ให้การดูแลไม่ให้ไปละเมิดผู้อื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 4 
    วันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-​19 และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายสิริชัย นาถึง หรือนิว, นาย Sam  Samart หรือแซม สาแมท, นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายชาติชาย  แกดำ ในวันนี้แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่าทั้ง 6 รายอาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ อาทิ นายพริษฐ์รู้ สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตนเองได้ หายใจปกติ ไม่มีเหนื่อยหอบ ไม่มีไอ ไม่มีเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก พักหลับได้ดี สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง แพทย์ให้การรักษาตามอาการ      
    นายธวัชชัยกล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ส.ค.64 ได้รับแจ้งจาก นายสมบูรณ์ ศิลา ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รายงานผลการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขัง 3 รายที่ยังอยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายเวหา แสนชนชนะศึก โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19  ทั้งในรูปแบบ Antigen​ Test​ Kit​ (ATK)​ และ RT-PCR ทั้ง 3 ราย เพื่อยืนยันความถูกต้องชัดเจน 
    "เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูง โดยปรากฏผลตรวจเป็นลบ 2 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย คือนายจตุภัทร์ โดยในส่วนของนายจตุภัทร์ขณะถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง  มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม  โดยได้ทำการดึงสายกล้องวงจรปิด จนทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายจำนวน 2 ครั้ง และขณะนี้ได้ดำเนินการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว"  นายธวัชชัยระบุ 
    วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. และนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อคัดค้านการจะย้ายนายพริษฐ์และนายสิริชัยไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติโดยไม่มีเหตุอันควร
    ทั้งนี้ ภายในหนังสือระบุใจความว่า ขอให้ศาลพิจารณาอย่างรอบคอบในการส่งตัวผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เข้ารับการรักษาที่อื่นระหว่างถูกควบคุมตัวโดยไม่มีเหตุอันควร ถ้าหากมีการอนุญาตให้ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอื่นจะสร้างบรรทัดฐานแบบผิดๆ เพราะฉะนั้นทางกลุ่มจึงเห็นควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้สังคมต่อไป
    นายจักรพงศ์กล่าวว่า สำหรับการยื่นเรื่องถอนการประกันตัว ประเด็นนี้จึงเป็นจุดประสงค์สำคัญ สาเหตุใดถึงต้องให้ความสำคัญกับนายพริษฐ์ ซึ่งถือว่าเป็น VIP ใช่หรือไม่ ชีวิตคนต้องเท่ากัน อย่างที่ตนได้เรียนย้ำว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้สิทธิความสำคัญและสิทธิของผู้ป่วยทุกคน
    ด้านนางแน่งน้อยกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นแม่คนหนึ่ง ขอพูดฝากไปถึงแม่นักโทษทั้งหมดที่อยู่ในทัณฑสถานตอนนี้ ในการเลือกปฏิบัติให้มีการนำนักโทษ ม.112 ออกมารักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แต่ผู้ต้องหาคนอื่นไม่มีอภิสิทธิ์ในการรักษาใดๆ ทั้งสิ้น ที่ผ่านมาแม่ของเพนกวินและทนายสิทธิฯ มีการกดดันศาลและกรมราชทัณฑ์ด้วยวิธีการต่างๆ แต่คราวนี้ตนขอพูดว่าอย่ายอม ถ้าราชทัณฑ์จะปฏิบัติกับแม่เพนกวินอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติให้กับแม่คนอื่นๆ ด้วย ถ้ากรณีนี้มีการโยกย้าย ขอให้นักโทษที่มีลูกติดโควิคในเรือนจำประสานมาที่ ศชอ. แล้วเราจะช่วยเรียกร้อง
    ที่กระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวผู้ต้องหา แม้จะอยู่ระหว่างพิจารณาคดีก็ตาม กรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ต้องควบคุมผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรการอย่างเข้มงวด และเมื่อผู้ต้องขังมีอาการป่วยทั่วไปหรือติดเชื้อโควิด ก็ต้องมีการดูแลรักษาทุกคนอย่างเต็มที่ด้วยความเท่าเทียม เสมอภาค และไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ ตนเองอยากย้ำว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ และการรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข ส่วนที่มีการเผยแพร่ข่าวว่าผู้ต้องขังบางคนมีสภาพที่ยากลำบาก การกินการอยู่ รวมทั้งการรักษาไม่ได้มาตรฐานนั้น กรมราชทัณฑ์ได้เคยยืนยันมาโดยตลอดแล้วว่าไม่เป็นความจริงทั้งสิ้นและพร้อมให้ตรวจสอบได้.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"