จ่อฟันวินัยร้ายแรง ผกก.โจ้-ผิดไล่ออก


เพิ่มเพื่อน    

 

รองจเรตำรวจ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช เข้าเรือนจำกลางพิษณุโลกเร่งสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง ผกก.โจ้ พร้อมพวก 7 คน โทษไล่ออกจากราชการ พร้อมเผยทุกขั้นตอนทำโปร่งใส ด้านกองปราบฯ รับลูกดูสำนวน ผกก.โจ้ แบ่ง 2 คดี อุ้มซ้อมทรมานผู้ต้องหา-ตรวจสอบทรัพย์สิน ดึง บก.ปอศ.ร่วมคลี่คลาย

    เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเรตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และแจ้งข้อกล่าวหา ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น เพื่อรายงานให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปเรือนจำกลางพิษณุโลก เพื่อทำการสอบสวนผู้กำกับโจ้ พร้อมพวกรวม 7 คนก่อน และจะทำการแจ้งข้อกล่าวหาการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงอีกครั้ง
    หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเรตำรวจ ได้เผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ตนได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ผกก.โจ้ พร้อมพวกรวม 7 คน ตามกฎระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ เพื่อแสวงหาความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น และดูแลให้เกิดความยุติธรรมในกระบวนการสอบสวน ยืนยันว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความตั้งใจที่จะทำงานทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการดำเนินการในคดีนี้
    "ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาตำรวจถูกมองในแง่ลบ ซึ่งคณะกรรมสอบสวนจะเร่งดำเนินการในรูปคดีอย่างตรงไปตรงมา ขอให้ประชาชนเชื่อใจ"
     ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อคดีทางวินัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ก็จะไปแจ้งข้อกล่าวให้กับผู้ต้องหาทั้ง 7 รายอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ได้ หากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหามีความผิดจริงก็จะดำเนินคดีวินัยร้ายแรงโดยจะไล่ออกจากราชการทันที
    ส่วนที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีของผู้กำกับโจ้ พร้อมพวกรวม 7 นาย ที่ร่วมกันซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิตว่า ขณะนี้มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้โอนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม จึงเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้งกองปราบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน
    "เบื้องต้นจะแบ่งสำนวนการสอบสวนออกเป็น 2 คดีคือ คดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ในส่วนนี้ทางกองปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนคดีที่ 2 จะเป็นเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งที่มาที่ไปทรัพย์สินต่างๆ ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนนี้มอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เป็นผู้เข้าไปดำเนินการ
    ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า ในส่วน บก.ปปป.ได้รับคำสั่งจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เนื่องจากเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดฯ ซึ่งหลักๆ ก็คงจะเข้าไปตรวจสอบกรณีรถหรูที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์จับกุมผู้ลักลอบนำเข้ารถจากมาเลเซีย และปั้นคดีว่าจับรถผิดกฎหมาย นำส่งกรมศุลกากรแล้วไปขายทอดตลาดจนได้เงินรางวัลนำจับ จากนั้นยังให้พรรคพวกในวงการรถหรูมาประมูลช้อนซื้อนำไปขายต่อเก็งกำไร จะมาดูกันว่าการนำเข้าเป็นมาอย่างไร และมีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง
    มีรายงานแจ้งว่า กรณีปมทุจริตจับรถหรู มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ถึงสามารถปั้นคดีจับรถหรูเพื่อนำส่งให้กรมศุลกากรได้มากกว่า 300 คัน ทางพนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบย้อนหลังกันอย่างละเอียด และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมาเกี่ยวข้องด้วยก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย
    ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน โดยกล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน หลังสังคมตั้งคำถามว่าอาจเป็นมวยล้มต้มคนดู จะยืนยันในกระบวนการยุติธรรมอย่างไร รวมถึงกระแสเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม บางครั้งก็เป็นเรื่องที่บุคคลขาดจิตสำนึก ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำผิดกฎหมายมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทำผิดวินัยให้ออกหรือปลดออกจากราชการ ส่วนการปฏิรูปกฎหมายตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"