ฟาด‘บิ๊กตู่’สิ่งไร้ค่า! ฝ่ายค้านเปิดฉากซักฟอกเงินทอนซิโนแวค/นายกฯโต้ค้าความตาย


เพิ่มเพื่อน    

เปิดศึกน้ำลายอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก ดาหน้าถล่ม “ประยุทธ์” พ่วงตอดอนุทิน “สมพงษ์” ปล่อยไก่เปิดญัตติซักฟอก “ลุงจิ๋ว” ก่อนสับลุงตู่เป็นความอับอายของประเทศ เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่า “ประเสริฐ” ข้องใจเงินทอนวัคซีนซิโนแวค 2 พันล้าน นายกฯ ลั่นสวดมนต์ทุกวันไม่ทำผิดแน่ ปัดค้าความตายเสียใจกับความสูญเสีย “ประวิตร” ขึงขังเรื่องยกมือโหวต “จุรินทร์” ยันประชาธิปัตย์ไม่มีแตกแถว “ธรรมนัส” เดินสายพบพรรคเล็ก 
    เมื่อวันอังคารที่ 31 สิงหาคม ถือเป็นวันแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล     โดยในเวลา 08.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายสื่อมวลชนตามปกติ โดยเมื่อถามถึงการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีมีกระแสข่าวไลน์ถึง พล.อ.ประวิตร เพื่อสอบถามข่าว ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตคว่ำ โดยพ ล.อ.ประยุทธ์ได้แต่พยักหน้าหลายครั้งในเชิงยอมรับ และเมื่อถามว่ามีความพร้อมชี้แจงอภิปรายแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ก็พร้อมนะ"
    นายสุชาติ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน กล่าวในเรื่องนี้ว่า พร้อม ไม่ได้มีการเตรียมตัวหรือฝึกซ้อมอะไรเป็นพิเศษ เพราะทำงานทุกวัน ส่วนกระแสข่าวภายใน พปชร. ไม่มีปัญหา ตราบใดที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค 
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเตรียมตัวมา ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ก็ได้โทร.ไปหา พล.อ.ประวิตรเอง ไม่ใช่เสียงนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยโทร.เช็กกันว่าเรียบร้อยหรือไม่ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์พรรคร่วมมีรัฐบาลนั้น ไม่มีอะไร เราทำงานร่วมกันเต็มที่ 
“มีความมั่นใจ เพราะ พล.อ.ประวิตรบอกว่าเชื่อพี่คนเดียว ไม่ต้องคุยกับใคร เราต่างเป็นหัวหน้าพรรคด้วยกัน ก็ต้องเชื่อกัน ถ้าไม่เชื่อหัวหน้าพรรคแล้วจะไปเชื่อใคร” นายอนุทินกล่าว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมกล่าวย้ำว่า พร้อมชี้แจง เช่นเดียวกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แม้ไม่ได้ตอบคำถามว่าพร้อมหรือไม่ แต่ได้ชูสองนิ้วแสดงความมั่นใจพร้อมยิ้มให้ผู้สื่อข่าว
    รายงานข่าวจากพรรค พปชร.แจ้งว่า ในการประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ นั้น ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้อ่านข้อความในไลน์ ซึ่งเป็นคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ฝากมาถาม ส.ส.ให้ทุกคนได้ฟัง อาทิ ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม มีเหตุผลอะไร ผมผิดอะไร, แล้วถ้าจะไม่สนับสนุน จะหาใครมาเป็นนายกฯ, ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะให้ใครมาเป็น ซึ่งเมื่ออ่านคำถามเสร็จ พล.อ.ประวิตรได้พูดกับ ส.ส.ว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นมาก็เป็นกระแสที่เปิดขึ้นมา ซึ่งไม่มีอะไร และที่นายกฯ ต้องถาม เพราะตอนนี้มีการเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีและ ส.ส.หลายส่วน พล.อ.ประวิตรจึงย้ำให้ทุกคนเข้มแข็งและให้โหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 6 คนเท่ากัน ส่วนเรื่องการจ่ายเงินให้พรรคเล็กนั้น ยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงิน 10 ล้าน โกหกสร้างราคา และขออย่าให้ใครไปจ่ายด้วย ซึ่งบรรยากาศการประชุม พล.อ.ประวิตรมีท่าทีขึงแข็งและดูจริงจังเป็นพิเศษ
    ทั้งนี้ ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะพูดคุยกับ ส.ส. ได้เรียกรัฐมนตรีและแกนนำของพรรคพูดคุยเป็นวงแรกก่อน โดย ร.อ.ธรรมนัสได้เปิดใจสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรค รวมถึงกระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมาซึ่งพุ่งเป้ามาที่ตัวเองว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว โดยปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่าได้รับความคิดเห็นจาก ส.ส.หลายคนที่ไม่พอใจถึงการทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ลอยตัวไม่เห็นส.ส.ในสายตา จึงควรดึงโควตา มท.ให้กลับมาเป็นของพรรค ส่วนโควตากลาง​ เช่น กระทรวงการคลัง และพลังงาน ถ้ารัฐมนตรีคนใดยังทำงานได้และตอบสนองต่อประชาชน จะไม่เข้าไปยุ่ง
    รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตรได้แต่รับฟังโดยไม่ได้แสดงความเห็นเมื่อมีการพูดถึง พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าเสียงโหวตไม่น่ามีปัญหาอะไร
ปชป.ย้ำโหวตทิศทางเดียวกัน
    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ปชป.และนายเฉลิมชัยมีความพร้อม และไม่มีประเด็นอะไรที่น่ากังวลทั้งสิ้น และสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนเรื่องปรับ ครม.ตอบไปหลายครั้งแล้วว่าเป็นอำนาจของนายกฯ และขณะนี้นายกฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ขณะที่การโหวตนั้น จะมีการคุยกัน พรรคมีหลักชัดเจนอยู่แล้วว่าเมื่ออยู่ร่วมรัฐบาลด้วยกันต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต้องตัดสินในทิศทางเดียวกัน เรายึดถือปฏิบัติกันมาในระบบรัฐสภา 
    ทั้งนี้ เพจศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ได้นำภาพผลงานด้านต่างๆ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาเผยแพร่ควบคู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุหัวข้อ "เดินหน้าประเทศไทย โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน" พร้อมระบุมีอะไรดีๆ เช่น การพัฒนาการรถไฟไทย สร้างรางขยายทั่วไทย การทำมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่ปี 2557-2564, รถไฟทางคู่ เช่น ช่วงนครปฐม-หัวหิน, ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ เป็นต้น พร้อมระบุด้วยว่า ยังมีอีกเยอะใน 7 ปี ที่สร้างไทยไปด้วยกัน
ส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยัน ว่าพรรคฝ่ายค้านมีความพร้อมที่สุด โดยจะเริ่มต้นด้วยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน จากนั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยจะขยายความต่อ ส่วนตนเองจะอภิปรายสรุปเป็นคนสุดท้าย ซึ่งคิวรัฐมนตรีเริ่มต้นจาก พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน เชื่อว่าจะใช้เวลาเกือบ 3 วัน จากนั้นก็เป็นรัฐมนตรีรายอื่นๆ เนื้อหาจะเริ่มตั้งแต่เรื่องโควิด-19 จนถึงการทุจริตต่างๆ 
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะถูกยืมมือไปใช้ในการเลื่อยขากันเองในพรรคใหญ่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ในการอภิปรายทุกครั้งรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เล่นงานกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่สุดวิสัย ถ้ามองในแง่ดีใครเป็นจุดอ่อนก็ถูกอภิปราย ซึ่งเราก็มองแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นก็ไม่เหนือความคาดหมาย
    ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 กล่าวถึงหนังสือของพรรคเพื่อไทย ที่ พท 0762/2564 ขอให้ ส.ส.พรรคทุกคนลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ซึ่งข้อความในหนังสือน่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2542 การออกหนังสือดังกล่าว ในเชิงบังคับล่วงหน้าว่า ส.ส. จะต้องลงมติตามความในหนังสือส่อเข้าข่ายอาจเป็นปฏิปักษ์ ตามแนวที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 3/2562 ด้วย ดังนั้นจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า จะมีคำสั่งยุบพรรค พท.หรือไม่ และจะเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค พท.หรือไม่
    และในเวลา 09.45 น. ได้เริ่มเข้าสู่ญญัติอภิปราย โดยนายสมพงษ์ได้กล่าวเปิดญัตติอภิปรายทั่วไป แต่เมื่ออ่านถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปรากฏว่านายสมพงษ์อ่านออกเสียงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และผิดซ้ำเป็นครั้งที่สองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยงใจยุทธ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้กล่าวขอโทษ และอ่านแก้จนถูกต้อง  
    โดยนายสมพงษ์ได้อภิปรายตามญัตติที่ได้เสนอต่อสภา โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 
ซัดบิ๊กตู่เป็นสิ่งไร้ค่า
“พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะค้าความตาย เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องไม่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ใจดำทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน เป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ (Hubris Syndrome) ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป” นายสมพงษ์อภิปราย
    นายสมพงษ์ยังได้ไล่เรียงอ่านตามญัตติที่ได้ยื่นไปอีก 5 รัฐมนตรี ก่อนย้ำว่า ไทยมาถึงจุดวิกฤตอีกครั้ง นั่นคือการแพร่ระบาด แต่ที่ร้ายกว่าคือวิกฤตผู้นำรัฐบาลที่โอหัง ขาดความรู้ ความสามารถในการจัดการปัญหา บริหารประเทศไร้ระบบ ไร้ศักยภาพการเชื่อมโยง ทุกวันนี้ประชาชนต้องด่าออกมาจากความคับแค้นใจ แต่ผู้นำก็ยังจ๊ะจ๋าอยู่ทุกวัน ท่านจะยอมรับหรือไม่ว่าท่านใจดำ ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์ โอหัง คลั่งอำนาจ แต่เชื่อว่าท่านไม่ยอมรับ แต่นี่เป็นคำอธิบายตัวท่านที่ชัดเจนที่สุดในเวลานี้ ฝ่ายค้านยังยืนยันว่าท่านเป็นรัฐบาลที่จะกล้าค้าความตายกับประชาชน ทางที่ดีนายกฯ ต้องพิจารณาลาออก
    “ผู้นำเช่น พล.อ.ประยุทธ์ คือความอับอายของประเทศโดยแท้ ผู้นำเช่นนี้ไม่สามารถนำประเทศพ้นวิกฤตได้อีกต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำของอนาคต และไม่ใช่ความหวังของลูกหลาน แต่เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อๆ ไปเท่านั้น” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวทิ้งท้าย  
    ทั้งนี้ ในระหว่างนายสมพงษ์อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ประท้วงขัดจังหวะเป็นระยะ ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า ฟังและอ่านข้อความตามผู้นำฝ่ายค้านอยู่ ซึ่งอ่านข้อความตามญัตติที่เสนอไว้ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นตำหนินายไพบูลย์ว่า ขอสอนมารยาท ตามปกติเวลาที่ผู้นำฝ่ายค้านอ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ค่อยมีประท้วง เพราะต้องให้เกียรติ แต่ผู้แทนประเภทก้าวเขย่ง ไม่ค่อยรู้มารยาท       
    จากนั้นเวลา 10.55 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรค พท. อภิปรายตอนหนึ่งว่า ได้หลักฐานจากข้าราชการ สธ. ที่ทนต่อการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทินไม่ไหว โดยได้มอบข้อมูลการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่แสดงให้เห็นถึงแผนการนำเข้าราคาซื้อต่อโดส และราคาที่ ครม.อนุมัติ ซึ่งการจัดซื้อโดยราคาตามที่ ครม.อนุมัติในการจัดซื้อทั้ง 5 ครั้ง คือ 331,500,000 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 10,846,680,000 บาท ส่วนราคาที่จัดซื้อจริงคือ 267,364,000 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 8,748,150,080 บาท ทำให้เกิดส่วนต่างในการจัดซื้อทั้งสิ้น 2,098,529,920 บาท
    “บันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อการแก้ไขปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ในคณะ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค เมื่อวันที่ 15 ส.ค.64 ที่ระบุว่ามีการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค 5 ครั้ง พบว่าราคาที่ ครม.อนุมัติทั้ง 5 ครั้ง คือ 17 เหรียญสหรัฐต่อโดส แต่ราคาซื้อจริงครั้งที่ 2-5 ราคาลดลงตามลำดับตรงกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ให้มา จึงอยากถามถึงเงินส่วนต่างว่าหายไปไหน”
    นอกจากนี้ นายประเสริฐยังกล่าวถึงการทำสัญญากับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ว่าเป็นการสัญญาที่ผูกขาด ตัดตอน ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้รัฐเสียเปรียบ และยังมีหลักฐานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระทำการมิบังควร แอบอ้างพาดพิงสถาบันในการจัดซื้อวัคซีนด้วย ซึ่งข้อสังเกตความผิดพลาดในวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ประการแรก รัฐบาลแทงม้าตัวเดียว ประการที่สอง สัญญาซื้อขายเสียเปรียบบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า UK เพราะต้องสั่งซื้อล่วงหน้า และประการที่สาม ความสับสนในการทำสัญญาระหว่างบริษัท แอสตร้าฯ กับทางการไทย 
“บิ๊กตู่”สวดมนต์ทุกวัน               
“ผมขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทินจงใจปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ส่อไปในทางทุจริต ไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง แสวงหาประโยชน์จากการจัดซื้อวัคซีนบนความตายของประชาชน ทั้งยังกีดกันวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า” ส.ส.นครราชสีมากล่าว และว่า ข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพราะท่านไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ได้ ถ้าอยู่ต่อ เกรงว่าประเทศจะเสียหายมากกว่านี้ 
    ต่อมาเวลา 13.48 น. พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงกรณีจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ว่าขอให้ไปหามาว่าใครได้ เพราะยอมรับการตรวจสอบทุกชนิด อย่าบอกว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ถูกตรวจสอบ ที่ผ่านมามีการตรวจสอบทั้งหมด คิดว่าท่านเข้าใจอะไรไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ และที่บอกว่าท่านใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือประชาชนมากว่าตนเอง ทุกวันนี้รับแต่เงินเดือน ไม่มีลูกหลานทำธุรกิจอะไรใช้แต่เงินเดือนเท่านั้น
     “ผมสวดมนต์ทุกวัน ดังนั้นจะไม่ทำอะไรที่ผิด อยากฝากไปถึงประชาชนที่ฟังอยู่ ให้ดูหน้าผม ผมพูดจากหัวใจ จากสมองที่ท่านบอกว่าน้อยนิดของผม แต่ท่านอย่าลืมว่าผมมีประสบการณ์ 6-7 ปีมาแล้ว นี่คือความแตกต่างที่ผมอาจรู้มากกว่าท่าน ส่วนเรื่องโควิดกับเศรษฐกิจก็ต้องว่ากันต่อไป ส่วนเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน เราพยายามแก้ปัญหามาตลอด รายละเอียดต่างๆ รองนายกฯ พร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ผมยืนยันรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นห่วงเป็นใยประชาชน และพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะมาตลอด ตอนที่รองนายกฯ ชี้แจง ขอให้ท่านฟังด้วยก็แล้วกัน ถ้าไม่ใช่ก็ตรวจสอบ แต่ถ้าไปพูดข้างนอกอาจมีปัญหา ผมไม่ได้ขู่ เพราะแม้จะเป็นการพูดในสภาก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน” นายกฯ กล่าว
จากนั้นเวลา 14.40 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์และนายเฉลิมชัยในปัญหาเรื่องราคายาง ว่าตอนนี้มีปัญหา โดยทุจริตเชิงนโยบาย ด้วยการแต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยคนใหม่ขึ้นมา รัฐบาลไม่จริงใจแก้ไขปัญหาราคายางที่แท้จริง เปรียบเป็นการใช้คำสั่งบ่งการจ้างวานโดยนำมติ ครม.มาใช้ที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายหลายประการด้วยการทุบราคายาง รวมทั้งมีกระบวนการกีดกันเอารัดเอาเปรียบสกัดกั้น 
     ต่อมา นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า นายกฯ เลือกที่รักมักที่ชัง คนอยู่ใกล้ศูนย์กลางอำนาจได้รับการจัดสรรวัคซีน ปล่อยให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง การจัดซื้อชุดตรวจโควิดแบบ ATK กลับไปเลือกซื้อยี่ห้อที่ไม่ได้รับความนิยม คุณภาพด้อยกว่า รวมไปถึงการเลือกบุคลากรที่เข้ามาทำงานใน ศบค. นายกฯเลือกแต่คนที่มีความใกล้ชิดมาทำงาน ขอให้ ส.ส.พรรครัฐบาล ร่วมกันโหวตออกเสียงไล่ประยุทธ์ จะได้ทำลายระบบประยุทธ์ บ้านเมืองจะดีขึ้นกว่าเดิม ประเทศไทยจะได้เจริญขึ้น เวลา 16.10 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่การใช้คำกล่าวหาเสียดสี และโวหารทำให้มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายคนประท้วงให้ถอนคำพูดต่างๆ ซึ่งประธานก็ให้มีการถอน อาทิ น่าทุเรศ, ค่าคอมมิชชันชั่นสูง, หน้าด้านหน้าไม่มียางอาย
    จากนั้นเวลา 16.50 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ จะไม่เกิดขึ้นถ้า พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทิน มีสำนึกรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชน และประเทศชาติบ้านเมือง ตัวเลขผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้นในแต่ละวันน่าหดหู่มาก 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปราย นพ.ชลน่านนำ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พร้อมใจกันสวมใส่ชุดดำ ผูกเนคไทดำกันทุกคน เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดร้ายแรง ร่วมทำพิธียืนไว้อาลัยพร้อมแผ่เมตตาแด่ดวงวิญญาณทุกดวงที่สูญเสียจากโควิด-19 เป็นเวลา 1 นาที 
4 ข้อหาจับนายกฯ ติดคุก
    หลังจากนั้น นพ.ชลน่านได้อภิปรายต่อถึงการบริหารงานที่ผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว เสียหายอย่างร้ายแรง ทุจริตหากินบนความตายของประชาชน เรียกได้ว่า “โง่ บ้า โกง” ซึ่งเรื่องที่จะเอา พล.อ.ประยุทธ์เข้าคุก ข้อกล่าวหาที่ 1 คือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และไม่สุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม. และข้อสั่งการนายกฯ เช่น วันที่ 21 พ.ค.64 ที่ระบุว่าประชาชนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนทุกคนต้องได้ฉีด ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 47 และ 55 กรณีการฉีดวัคซีน การรักษาพยาบาล ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการบริการสาธารณสุขของรัฐ และการไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ เป็นต้น, ข้อกล่าวหาที่ 2 ทำระบบสาธารณสุขล้มเหลว ล้มละลาย, ข้อกล่าวหาที่ 3 เลือกปฏิบัติ ไม่สร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน และข้อกล่าวหาที่ 4 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม. และข้อสั่งการของนายกฯ ในการจัดหาจัดซื้อชุดตรวจ ATK หลังการอภิปรายเสร็จสิ้น เราจะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังจะร้องไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย ถ้าท่านลาออก 3 เดือนหลังจากนี้ ท่านจะเป็นวีรบุรุษต่อพวกเราทุกคน
     เวลา 18.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงทันทีว่า ระบบสาธารณสุขไทยไม่ได้ล้มเหลว ไม่มีใครต้องการละเว้นในสิ่งที่ต้องกำกับดูแล มีมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุมโรค การสุ่มตรวจเชิงรุก ส่วนเรื่องชุดตรวจ ATK นั้น รัฐบาลจัดหามา 8.5 ล้านชิ้น ให้สอดคล้องสถานการณ์ ยืนยันไม่เคยสั่งการให้ซื้อชุดเอทีเคที่ผ่านการรับรองจาก WHO จำได้ว่าไม่ได้พูด ถอดเทปการประชุมดูก็ไม่มี เรื่องโควิด จะไม่โทษใคร เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน ช่วงแรกอาจมีการตกหล่น เพราะโรงพยาบาลเต็ม แต่แก้ปัญหาจนสถานการณ์ดีขึ้น ไม่มีการปกปิดยอดตามที่พูด เสียใจที่มีการสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่อาจไปค้าความตาย อย่าใช้คำพูดเวอร์เกินไป เข้าใจหัวอกครอบครัว ตนก็มีพ่อแม่ ไม่สามารถไปสั่งการให้ฉีดวัคซีนอย่างไรก็ได้ ขอให้ฟังหมอด้วย วันนี้เราต้องอยู่กับโควิดให้ได้ การตัดสินใจของตน ยึดหลักการ สถิติ ไม่ได้ตัดสินใจอะไรเอง ไม่เคยสั่งการอะไรลับ ไม่เคยทุจริต 
    “ที่บอกรวบอำนาจ ก็เป็นการโอนอำนาจแค่ชั่วคราว ไม่ใช่อะไรเป็นเรื่องฉุกเฉินตลอด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็บ้าแล้ว เรื่องแทงม้าตัวเดียว วัคซีนล่าช้า ไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ไปดูประเทศที่เป็นสมาชิก ในวันนี้ยังไม่ได้วัคซีนตามจำนวนที่ต้องการ เราไม่ได้ร้องบริจาคใคร เขาบริจาคให้เราเองด้วยความเป็นมิตรประเทศ คิดว่าจะไปร้องขอใครเหรอ สิ่งที่ได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ให้พูดจาสุภาพเรียบร้อย ไม่พูดหยาบคาย เหยียดหยาม ดูถูก สอนไว้ว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล พยายามจะทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของผู้ทรงเกียรติอย่างแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
มีรายงานว่า ช่วงเย็นระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัสได้เดินเข้าไปนั่งกลางวงพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ นายพิเชษฐ สถิรชวาล  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า มานั่งดื่มกาแฟร่วมกัน เนื่องจากไม่ได้พบปะกันมานาน แต่ไม่ได้มาขอคะแนนให้ใคร เพราะการลงมตินั้นพรรคเล็กตกลงกันว่า จะฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านและคำชี้แจงของรัฐมนตรีก่อน จึงจะตัดสินใจ  ด้านนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวเช่นกันว่า ไม่ใช่ล็อบบี้พรรคเล็กลงคะแนน ซึ่งการลงมติของพรรคเล็กในส่วนของนายกฯ จะโหวตไว้วางใจไปในทางเดียวกัน ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะลงคะแนนเองตามใจชอบ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"