ฮือฮา! ค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลก 'โสกเหลืองแม่เมย' เมล็ดกินได้ ดอกสวยงามแปลกตา


เพิ่มเพื่อน    

2​ ก.ย.64 - นักพฤกษศาสตร์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลก โสกเหลืองแม่เมย (Saracathailandica) ในพื้นที่ป่า อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน หลังลงพื้นที่ทำการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาพื้นบ้านและสำรวจการใช้ประโยชน์จากพืชของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ ต่อมาได้นำเมล็ดพันธุ์มาเพาะขยายพันธุ์ เพื่อจะนำมาปลูกลงดินให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา และชมความสวยงามของโสกเหลืองแม่เมย ที่ออกดอกสีเหลืองอร่ามตามลำต้นสวยงามแปลกตา 

สำหรับการค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลก ‘โสกเหลืองแม่เมย’ ครั้งนี้ นายวิทยา ปองอมรกุล นักพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน (Ethnobotanist) สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่​และคณะ ได้ทำการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาพื้นบ้านและสำรวจการใช้ประโยชน์จากพืชของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ในการวิจัยในท้องที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยได้พบกับชาวบ้านชาติพันธุ์ชนกะเหรี่ยงกำลังนำฝักอ่อนของพืชวงศ์ถั่ว (Fabaceae) ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับฝักของพืชสกุลโสกน้ำโสกเหลือง หรือ​ ศรียะลา (Saraca) แต่ในขณะนั้น ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชนิดใด นำมาย่างไฟ เพื่อรับประทานเมล็ดภายในฝักทางคณะจึงได้สอบถามและทราบชื่อท้องถิ่นของพืชชนิดนี้ว่า ‘ตะนา’ (ภาษากะเหรี่ยง) นอกจากการนำฝักมาย่างไฟแล้ว ยังสามารถนำเมล็ดมาต้มและนำไปตำเป็นส่วนประกอบของน้ำพริกรับประทานได้ด้วย นอกจากนี้เปลือกของต้นพืชชนิดนี้ ยังใช้เป็นสีย้อมผ้า ให้สีแดงสวยงาม

ต่อมา คณะวิจัยซึ่งประกอบด้วย นายวิทยา ปองอมรกุล, ดร.ประทีป ปัญญาดี, นายนัทธี​ เมืองเย็น นักพฤกษศาสตร์จากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อังคณา อินตา จากภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกันศึกษาและตรวจสอบลักษณะของพืชชนิดนี้อย่างละเอียด จึงพบว่า​ เป็นพืชชนิดใหม่ของโลก และได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชชนิดนี้ว่า SaracathailandicaPongamornkul,Panyadee&Inta หรือนามสกุลนักวิจัยที่ค้นพบครั้งนี้มีความหมายว่า พืชแห่งประเทศไทย เรียกชื่อไทยว่า "โสกเหลืองแม่เมย" 

โดยโสกเหลืองแม่เมย​ จะพบเห็นกระจายตามธรรมชาติบริเวณริมน้ำ ตามป่าดิบแล้งและป่าดิบเขา ที่ความสูง 1,000–1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ปัจจุบันพบเฉพาะในประเทศไทย ในท้องที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน​ และ พื้นที่ อ.อก๋อย จ.เชียงใหม่ แต่อาจมีการกระจายพันธุ์ในบริเวณชายแดนฝั่งประเทศเมียนมาร์ซึ่งเป็นพืชที่เหมาะแก่การปลูกสำหรับฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณต้นน้ำในพื้นที่สูงอีกชนิดหนึ่ง​นอกจากจะได้ประโยชน์ในเรื่องของพื้นที่ป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์แล้ว เมล็ดยังสามารถนำมาเป็นอาหารได้อีกด้วย

นายวิทยา ปองอมรกุล นักพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน องค์การสวนพฤกษศาสตร์ เปิดเผยว่า สำหรับโสกเหลืองแม่เมย มีลักษณะแตกต่างจากโสกเหลือง ทั่วไปคือ เกสรตัวผู้ของดอกจะมีประมาณ 7 อัน ส่วนเกสรดอกโสกเหลืองทั่วไปจะมีประมาณ 4 อัน หรือเท่ากับจำนวนของกลีบดอก นอกจากนี้ระยะการออกดอกจะต่างกันโสกเหลืองแม่เมย จะออกดอกในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งจะออกดอกตามลำต้น ส่วนโสกเหลือจะออกช่วงฤดูแล้ง  ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และจะออกดอกตามยอดใบ 

ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เป็นการค้นพบที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาต่อยอดในการอนุรักษ์ ศึกษาวิจัยเพื่อการขยายผลสู่การนำไปใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอนาคตอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน

นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ทีมวิจัยได้ลงพื้นที่สำรวจและทำการศึกษาวิจัย ได้มีโอกาสเก็บเมล็ดพันธุ์ของต้นโสกเหลืองแม่เมย จำนวนหนึ่งนำมาทดลองเพาะขยายพันธุ์ จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เมล็ดพันธุ์ ได้เจริญเติบโตเป็นต้นกล้ามีอายุประมาณ 3 ปี โดยหลังจากนี้ทีมวิจัย จะได้นำต้นกล้าต้นโสกเหลืองแม่เมย ทั้งหมดนำมาเพราะปลูกในพื้นที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาธรรมชาติ และชมความสวยงามของโสกเหลืองแม่เมย ที่ออกดอกสีเหลืองตามลำต้นสวยงามแปลกตาอีกด้วย​


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"