2พส.ชี้แจงปมไลฟ์ กมธ.ศาสนาฯ9ก.ย.


เพิ่มเพื่อน    

 

ประธาน กมธ.ศาสนาฯ ยันนิมนต์ ‘2 พส.’ เข้าชี้แจงได้ตามข้อบังคับการประชุมสภา ชี้แค่ทำความเข้าใจให้ไลฟ์สดเหมาะสม-ได้รับการยอมรับ เผย 'มหาสมปอง-มหาไพรวัลย์' ตอบรับแล้วในวันที่ 9 ก.ย. ด้านที่ปรึกษาอนุ กมธ.พระพุทธศาสนาชี้ไม่ผิดพระธรรมวินัย ช่วยดึงคนรุ่นใหม่สนใจธรรมะมากขึ้น

วันที่ 7 ก.ย. นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสังคมวิจารณ์คณะ กมธ.ไม่สามารถนิมนต์พระมาชี้แจงใน กมธ.ได้ ว่า ยืนยัน กมธ.สามารถนิมนต์พระมาทำความเข้าใจได้ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรปี 2562 กำหนดให้ กมธ.ศาสนาฯ มีหน้าที่และอำนาจการทำกิจการพิจารณาสอบข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการอุปถัมภ์ ทำนุบำรุง คุ้มครองศาสนา ดังนั้น กมธ.สามารถทำได้ และเมื่อสังคมสงสัยการออกมาไลฟ์สดของพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต วัดสร้อยทอง ทำได้หรือไม่ได้ กมธ.ต้องทำหน้าที่ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น จึงได้นิมนต์พระทั้งสองรูปมา ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องของความเหมาะสม ความพอดี ในวันที่ 9 ก.ย. เวลา 09.00 น. ที่ห้อง CA303 อาคารรัฐสภา
เมื่อถามว่า พระมหาไพรวัลย์ยินดีมาชี้แจงกับ กมธ. แต่ต้องเอารถไปรับ นายสุชาติกล่าวว่า การนำรถไปรับไม่มีปัญหา ได้ให้ฝ่ายเลขาฯ ดำเนินการ ส่วนพระมหาสมปองได้ตอบรับกับตนแล้วว่ายินดีมาชี้แจง เพราะเป็นที่ปรึกษาอนุ กมธ.พุทธศาสนาอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นการมาสอบ ถือเป็นการมาทำความเข้าใจกัน ตนเห็นว่าการไลฟ์สดของพระทั้งสองรูปสามารถทำได้ ไม่ผิด แต่การแสดงออกหรือการพูดจาแต่ละคนมองไม่เหมือนกัน ต้องมาคุยว่าจะลดหรือเพิ่มอะไรหรือไม่ เพื่อให้เกิดการยอมรับมากขึ้น
    ด้านนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาฟังการเทศน์ในรูปแบบใหม่ เพื่อให้เข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายมากขึ้น ไม่มีส่วนใดในการไลฟ์ที่ผิดพระธรรมวินัย การหัวเราะที่ถูกมองว่าไม่สำรวมนั้น มองว่าการหัวเราะไม่ใช่เรื่องผิดบาป และการไม่สำรวมในความหมายตามพระพุทธศาสนาคือ ทำผิดโลกวัชชะ ทำในสิ่งที่ทางโลกติเตียน ไม่ได้หมายความว่าห้ามหัวเราะหรือห้ามพูดด้วยศัพท์ของวัยรุ่น พระทั้งสองรูปยังคงปฏิบัติรักษาศีล 227 ข้อ และในศีล 227 ข้อไม่มีข้อใดที่ห้ามไม่ให้พระหัวเราะ ทั้งยังอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทาทางสายกลาง ดังนั้นการหัวเราะของพระทั้งสองรูปไม่ใช่สิ่งที่ผิดในทางพระพุทธศาสนา  
    “การไลฟ์เทศนาธรรมแบบใหม่ของพระทั้งสองรูปถือเป็นจริต ในทางศาสนาพุทธในสมัยพุทธกาล จริตหมายความว่า เคยเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้น ในพระไตรปิฎกบันทึกไว้ว่า มีพระที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า “ไม่สำรวม” ในการเดิน คือกระโดดข้ามคลองเล็กๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มันเป็น “จริต” ของท่าน เพราะในชาติภพก่อนพระสารีบุตรเคยเกิดเป็นวานร มาชาตินี้บางครั้งจึงมีจริตเดิมได้ ไม่ถือว่าไม่สำรวม ในปัจจุบันหมายถึง เคยเป็นแบบใดก็เป็นแบบนั้น" นายนิยมกล่าว
    ส่วนกรณี กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กำลังขอมติออกหนังสือนิมนต์พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปเข้ามาชี้แจงนั้น นายนิยมกล่าวว่า กมธ.ศาสนาฯ ไม่มีสิทธิ์เรียกพระสงฆ์เข้ามาชี้แจงหรือวินิจฉัยว่าใครผิดถูก ไม่มีอำนาจสอบสวนพระ เพราะคณะสงฆ์มีองค์กรปกครองคณะสงฆ์อยู่ ทั้งมหาเถรสมาคม เจ้าคณะ หรือเจ้าอาวาส สิ่งที่ กมธ.ทำได้คือนิมนต์พระสงฆ์เล่าความจริงให้ฟังเท่านั้น  
“ไม่มีเครื่องวัดว่าหัวเราะแบบไหนสำรวมหรือไม่สำรวม ถ้าจะให้เทศน์ธรรมะแบบโบราณจริงๆ คนรุ่นนี้ไม่ฟังหรอก ใส่ตลกขบขันบ้างเพื่อให้คนสนใจ อาจจะดูหวือหวาบ้างเพราะเป็นถ่ายทอดสด แต่การไลฟ์ไม่มีพระธรรมวินัยข้อใดห้ามไว้ กลับดีเสียอีกที่ในยุค New normal คนไม่ต้องเดินทางไปวัดก็รับธรรมะที่บ้านได้ เผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกทาง” นายนิยมกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"