เต้นผวาหมายจับ ถอยงดม็อบอโศก ตร.ฟันอีก195ราย


เพิ่มเพื่อน    

 ม็อบเจอหมายเรียกถ้วนหน้า "ตำรวจ" แถลงชุมนุมเดือน ส.ค.โดนเพิ่มอีก 195 หมาย เป็นแกนนำ 31 หมาย เรียกผู้ปกครองเยาวชนให้ข้อมูลอีก 8 หมาย เตือนต่างด้าวร่วมชุมนุมอาจถูกเนรเทศ ผงะ! เจอผู้ชุมนุมใช้รถพยาบาลปลอมขนอาวุธเข้าพื้นที่ปะทะ "แรมโบ้" แจ้งจับชุมนุมแยกอโศก "ศาลเเขวงใต้" ยกคำร้องขอหมายจับ "ณัฐวุฒิ-บ.ก.ลายจุด" ให้ออกหมายเรียกก่อน "เต้น" ถอยตั้งหลักงดชุมนุม

    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 8 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงการชุมนุมว่า การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ ใช้พลุเพลิง พลุไฟ จุดไฟเผาทรัพย์สินของทางราชการเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คันและทรัพย์สินของเอกชน ทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์ โดยตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี 15 คน ยึดระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่องและอาวุธที่ใช้ในการทำความผิด แจ้งข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง นอกจากนี้ยังแจ้งข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคอีกส่วนหนึ่ง
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กรณีที่เด็กและเยาวชนมาร่วมกระทำความผิดพนักงานสอบสวนได้รับตัวไว้ดำเนินคดี 5 คน ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กมาทำผิดอาจถูกตั้งข้อกล่าวหา โดยช่วงเดือน ส.ค.ได้ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมอีก 195 หมาย เป็นแกนนำ 31 หมาย และกลุ่มผู้ชุมุนมอื่นๆ อีก 164 หมาย ส่วนผู้ปกครองของเด็กเยาวชนได้ออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 8 หมาย เพื่อสอบสวนหากมีส่วนให้เด็กมากระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีต่อไป
    "การเผยแพร่ข่าวเท็จเด็กอายุ 14 ปี ถูกรถควบคุมฝูงชนชนได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นข้อมูลเท็จ การเข้าจับกุมวันที่ 7 ก.ย.เป็นการจับกุมตามปกติโดยใช้รถยนต์ปิดการจราจรบนถนนก่อนเข้าทำการจับกุมผู้กระทำความผิด ไม่ได้ใช้รถยนต์เฉี่ยวชนแต่ประการใด มีคนได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียวเป็นชายอายุ 45 ปี จากรถจักรยานยนต์ล้มเป็นเหตุให้ไหปลาร้าหลุด และถูกส่งรักษาที่ รพ.ตำรวจ อาการปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข่าวบิดเบือนตาม พ.ร.บ.คอมพ์ต่อไป" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    โฆษก บช.น.กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ พบหนึ่งในจำนวนผู้ถูกจับเป็นชายชาวกัมพูชา จึงขอเตือนไปยังพี่น้องต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ถ้ามาทำผิดหรือร่วมชุมนุมหากถูกจับกุมตัวได้จะถูกส่งกลับประเทศตามหลักของกองตรวจคนเข้าเมือง หรืออาจมีคำสั่งให้เนรเทศจากกระทรวงมหาดไทย และอาจขึ้นแบล็กลิสต์เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่สามารถกลับมาทำงานในประเทศไทยได้อีก
    "ฝากไปยังผู้สื่อข่าวและบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากผู้ชุมนุมพยายามใช้สัญลักษณ์ของสื่อมวลชนและบุคลากรทางแพทย์ปลอมมาเป็นเจ้าหน้าที่และสื่อ ขอให้สอดส่องช่วยกันดูแล ถ้าบันทึกภาพได้ขอให้บันทึกไว้เราจะได้ดำเนินคดี อย่างเช่นครั้งที่ผ่านมามีการปลอมเป็นรถพยาบาลนำอุปกรณ์การก่อเหตุมาใช้ในการชุมนุม ก็เป็นข้อมูลจากสื่อที่ให้ข้อมูลมาถึงจับได้" โฆษก บช.น.กล่าว
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2), (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    ที่ สน.ทองหล่อ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก.สอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บ.ก.ลายจุด) และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ไฮโซลูกนัท) และพวก ในความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (ป้องกันโควิด-19) และความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 87, 113, 116 และความผิดอื่นๆ ที่ สน.ทองหล่อ
    นายเสกสกลกล่าวว่า มาแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีที่จัดการชุมนุมบริเวณแยกอโศก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายมาตรา และนอกจากนี้ยังพบว่านายณัฐวุฒิและพวกยังได้มีการเชิญชวนพี่น้องประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ให้เข้าร่วมชุมนุม นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเตรียมการสะสมอาวุธและเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการและพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งสังเกตได้จากการที่บุคคลทั้งสองได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับนายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท ในเวทีการชุมนุมที่แยกเกษตร-นวมินทร์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายธนัตถ์ได้ถูกดำเนินคดีความผิดตาม ม.112 และการที่บุคคลเหล่านี้ได้มาร่วมกันย่อมที่จะมีความคิดในแนวทางเดียวกัน ซึ่งตนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแขวงพระนครใต้มีคำสั่งยกคำร้องในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยื่นคำร้องขอหมายจับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งจัดชุมนุมกันที่บริเวณแยกอโศกมนตรี โดยมีรายงานว่าศาลได้ยกคำร้องขอหมายจับของพนักงานสอบสวนกังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าคดีดังกล่าวมีอัตราโทษไม่เกินสามปีเห็นควรให้ออกหมายเรียกก่อนที่จะขอออกหมายจับให้ยกคำร้อง
    ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่เวลา 10.30 น. นายณัฐวุฒิโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า วันนี้น่าจะเป็นช่วงบ่ายตำรวจจะไปยื่นขอหมายจับ ศาลอนุมัติหรือไม่คงทราบใกล้เวลานัดที่อโศก 4 โมงเย็น ถ้าหมายจับออกคงจับกันที่เวที ยืนยันว่าการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ถ้าจะดำเนินคดีผมพร้อมเข้ากระบวนการ แต่การควบคุมตัวกลางที่ชุมนุมคือการสร้างเงื่อนไขเผชิญหน้า เราไม่เล่นเกมนี้
    "ขอยกเลิกนัดหมายชุมนุมที่แยกอโศกวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์หมายจับให้แน่ชัด ถ้าออกหมายผมกับบ.ก.ลายจุดจะไปมอบตัวทันที หากศาลไม่อนุมัติหมายจับโปรดติดตามนัดหมายครั้งต่อไป รู้ว่าเขามีอำนาจ แต่เขาก็ต้องรู้ว่าเรามีหัวใจ และหัวใจนี้ยังสู้เสมอ"
    นายณัฐวุฒิระบุตอนท้ายว่า "หมายเหตุ : เพื่อนมิตรฝ่ายประชาธิปไตยสั่งอาหารไว้บริการพี่น้องที่แยกอโศก วันนี้ไม่มีการชุมนุมจะแจกจ่ายให้พี่น้องละแวกนั้นตอน 5 โมงเย็นนะครับ"
    ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เวลา 17.50 น. ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊สเริ่มทยอยมารวมตัวกันในพื้นที่ แต่วันนี้จะแตกต่างจากทุกๆ วัน โดยย้ายมาอยู่บริเวณริมถนนแทนที่จะอยู่ในช่วงเกาะกลาง หลังจากมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
    จากนั้นเวลา 18.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่ขี่รถจักรยานยนต์ยังคงกระจายกันตามจุดต่างๆ ริมถนน อย่างไรก็ดี ผู้ชุมนุมยังคงมีปริมาณไม่มากนัก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"