โควิดทุบเชื่อมั่น ดิ่งสุดรอบ23ปี หวังปีหน้าดีขึ้น


เพิ่มเพื่อน    

ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 275 เดือน หรือ 22 ปี 11 เดือน กังวลในวิกฤตโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย  ลุ้นฉีดวัคซีนทั่วประเทศ การผ่อนคลายล็อกดาวน์ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
    เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 40.9 เป็น 39.6 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 275 เดือน หรือ 22 ปี 11 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือน ต.ค.41 เป็นต้นมา
    นายธนวรรธน์ระบุว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป  และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
        สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 33.8, 36.3 และ 48.6 ตามลำดับ โดยปรับตัวลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือน ก.ค.ที่อยู่ในระดับ 35.3,  38.0 และ 49.6 ตามลำดับ
      อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตอย่างมาก เพราะมีความกังวลในวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศไทยและทั่วโลก ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสปรับตัวแย่ลงได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคลดลงในที่สุด
     นอกจากนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอีกครั้ง สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทยและทั่วโลกว่า จะส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ โดยต้องติดตามเรื่องการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ การแพร่ระบาดโควิดรอบที่ 4  ตลอดจนรัฐบาลจะมีการประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติมหรือไม่  รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคต เหล่านี้จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
     อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นจากระดับที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ที่คาดว่าขยายตัว 0 ถึง -2% มาอยู่ที่ขยายตัว 0 ถึง 2%
     “สัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้เชื่อว่าจีดีพีปีนี้จะกลับมาเป็นบวกได้  หรืออยู่ในกรอบ 0.8-1.2% โดยมาจากการที่โควิดคลายตัวลง และต้องไม่มีการล็อกดาวน์ซ้ำ เพราะสิ่งที่ประชาชน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการมีความกังวล คือการล็อกดาวน์และไม่สามารถเปิดเมืองได้ แต่หากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในไตรมาส  4 นี้ประมาณ 3.5-5 หมื่นล้านบาท” นายธนวรรธน์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"