‘เขต ธาราเขต’เผยวัยเด็กสุดลำบาก พ่อแม่แยกทางต้องกินข้าวกับน้ำปลา โดนจี้ในห้องน้ำ!


เพิ่มเพื่อน    

 

          นักแสดงหนุ่ม เขต-ธาราเขต เพ็ชร์สุกใส ที่ล่าสุดผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว และวันนี้จะมาเปิดเผยเส้นทางชีวิตวัยเด็กสุดลำบาก พ่อ แม่ แยกทาง ตัวเองเป็นเด็กปั๊ม พร้อมเปิดวีรกรรมความเกเรสุดขีด โดนเรียน ยกพวกตีกัน แถมตอนนี้เจ้าตัวเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างอาชีพใหม่ขายต้นไม้ รายได้กว่าแสนบาท โดยทั้งหมดนี้หนุ่มเขตจะมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เป็นยังไงบ้างผลกระทบจากโควิด?
ธาราเขต : ผมว่าโดนหลายๆ คนแหละครับ ส่วนตัวเขตเองในเรื่องงานครับ เพราะว่ากองถ่ายก็หยุด หลายๆ อย่างหยุดหมดเลยทั้งรายการ หลักๆ ก็เป็นละครครับ มันโดนตั้งแต่ปีที่แล้วที่ทุกอย่างชะงักแบบเราไม่ได้ตั้งตัวเลย ถ้าเราไม่มีเงินเก็บจากละครเก่าๆ ที่เราทำไว้ ก็เหนื่อยเหมือนกัน แล้วเรายอมรับว่าหมุนเงินไม่ค่อยทัน ก็จำเป็นต้องระบายของบางอย่างทั้งรองเท้า เสื้อผ้าที่เราใส่ถ่ายรายการแล้ว เมื่อก่อนเป็นคนชอบรองเท้ามาก ตอนนี้ก็เบาลงแล้วครับ บางคู่มีถึง 20,000 บาทครับ แต่เวลาขายก็ขายต่ำกว่าทุน ขายในราคาของร้อน ตอนนั้นไปประมาณ 6-7 คู่ได้ครับ ก็เสียดายครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ถ้าคนรักรองเท้าจะรักมาก แล้วพอจะไป คือแบบ...กว่าเราจะได้คู่นี้มามากนะบางคู่เราต้องต่อแถวบ้าง ฝากคนซื้อมาจากต่างประเทศบ้าง แต่ช่วงนั้นก็ต้องยอม เพื่อความอยู่รอด

 
เห็นว่านอกจากเอาในบ้านมาระบายแล้ว ธุรกิจที่เราทำไว้ก็ไปไม่รอดหมดเลย?
ธาราเขต : ตอนนั้นก็มีขายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพวกครีม คอสเมติก ก่อนช่วงโควิดเขตเคยทำเกี่ยวกับร้านชานม ด้วยคู่แข่งหลายๆ อย่าง เราเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างเล็ก เราสร้างแบรนด์ขึ้นมาเองเรารู้สึกว่าเราสู้แบรนด์ใหญ่ไม่ได้ มันก็ปิดตัวลงไป ในเรื่องของพวกคอสเมติกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด มาร์กหน้า ที่คีย์แบรนด์ขึ้นมาใหม่พยายามอยากเป็นเจ้าของแบรนด์เอง คิดสูตรเองต่างๆ คุยกับโรงงาน นำเข้ามาบ้าง มันก็ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สุดท้ายมันก็ต้องพับโปรเจกต์เก็บไป

แล้วเงินที่ลงไปทั้งหมดกับธุรกิจแต่ละอย่าง จำนวนเท่าไหร่?
ธาราเขต : ผมว่ารวมๆ ทั้งหมดมีเป็นล้านนะครับ

ตอนเราต้องตัดใจปิดกิจการแต่ละอันไปเราบอกตัวเองยังไง?
ธาราเขต : มันเป็นอีกหนึ่งอย่างให้เราได้เรียนรู้ ผมทำในช่วงอายุที่ค่อนข้างน้อย แล้วไม่ค่อยมีประสบการมากพอ มันทำให้เรารู้ว่าการตลาดของแต่ละอย่างมันเป็นแบบไหน การจะไปซ้ายไปขวาต้องทำยังไงบ้าง ตลาดคอสเมติกต้องมีการวางแผนยังไงบ้าง เพราะว่าพอเราได้ล้ม เราก็ได้เรียนรู้จากสิ่งที่เราล้ม ผมว่าต้องพลาดก่อน แล้วมันจะทำให้เรารู้ว่าต่อไปเราจะไม่ผิดพลาดเรื่องแบบนี้

 

 

 

โควิดรอบ2 กับธุรกิจที่มาแรง คุณขายอะไร?
ธาราเขต : ขายต้นไม้ครับ ต้องบอกว่าเมื่อก่อนเขตชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว เมื่อก่อนก็ซื้อเล่นๆ ซื้อต้นไม้มาประกับบ้าน เพราะด้วยความที่เขตเป็นคนต่างจังหวัด เรามากรุงเทพฯ ผมก็ได้ซื้อบ้านไว้เป็นทาวน์โฮม แล้วเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เรากลับไปบ้านที่ชัยนาทเราจะเห็นต้นไม้ที่คุณตาคุณยายเขาปลูก บ้านนอกเราจะเห็นพื้นที่สีเขียว แต่พอเรามากรุงเทพเราอยู่เป็นทาวน์โฮม เขตก็เลยคิดว่าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เราดีไหม ทำงานเหนื่อยๆ มาได้เห็นอะไรที่มันสบายตา ก็เลยซื้อเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นก็เริ่มจากยางอินเดีย

ตอนนั้นเริ่มตั้งแต่มันไม่เป็นกระแสหรือเปล่า?
ธาราเขต : ใช่ครับ  แล้วตอนนั้นราคายังไม่สูง แล้วก็พอมาปีนี้เหมือนเราซื้อเพิ่มมากขึ้น ความที่เราอยู่บ้านมากขึ้น ซื้อไปซื้อมามันเริ่มเยอะขึ้น ถ้าเราลองขายละจะเป็นแบบไหนดี ก็เลยลองโพสต์ขายเล่นๆ ครับ ต้นแรกได้กำไรมา 2500 เราก็เลยแบบเออมาถูกทางแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราลองซื้ออย่างอื่นมาไหม ก็ลองซื้อมาขายไปหลายๆต้น ช่วงที่ทำ คือเห้ย...มันได้ มันมีรายรับเข้าตลอด เพราะว่าช่วงที่หยุดโควิดไปมันมีแต่รายจ่าย เราก็เจอช่องทางละ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ผมก็แยกแล้วไปมีกล้วยบ้าง

เราเอามาชำเอง ปลูกลงกระถางเองด้วยไหม?
ธาราเขต : ใช่ครับ ตอนแรกเขตซื้อมาขายไปค่อนข้างเยอะ คอร์สมันเลยสูงขึ้น ก็เลยมานั่งคิดว่าถ้าเราซื้อมา แล้วเรามาชำเอง มันจะประหมัดมหาศาลมาก ก็เลยอดทนนิดนึงครับ ยอมซื้อเข้ามาแล้วก็ตัดขาย ตอนนี้ทุกต้นของผมคืนทุนหมดแล้ว เหมือนเราซื้อต้นมา 15,000 บาท เราตัดเลย เราได้ 5 ต้น เราขายต้นต่ำๆ ต้นละ 4,000 บาท มันก็เกินทุนแล้ว

แล้วอันไหนที่เป็นแสน?
ธาราเขต : คือกล้วยตานีด่างครับ ยอดที่เขตขายสูงสุดเลย 100,000 บาทครับ

อย่างนี้ต้องมีความรู้ไหม ไม่ใช่คนสุ่มสี่สุ่มห้าไปตัดๆ แล้วปัก?
ธาราเขต : มันไม่ได้ขึ้นทุกต้นครับ ต้องบอกว่าตั้งแต่มาปลูกต้นไม้เป็นคนใจเย็นขึ้นเยอะมาก แล้วก็ตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิม เพราะเราต้องตื่นมาดูต้นไม้ มันปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปหมดเลย

น้องเขตได้รับเงินจากการขายต้นไม้ก็เอาไปบริจาคช่วยโควิดด้วย?
ธาราเขต : ใช่ครับ พอเราทำได้สักพัก เรารู้สึกว่าทุนเราก็ได้กลับมาบ้างส่วนนึง แล้วในสถานการณ์แบบนี้เราเคยตกลำบากมาก่อน แล้วได้ลงพื้นที่ไปแจกอาหารคนในชุมชนบ้าง ที่ผมได้ทำโปรเจกต์ไว้ ไม่ว่าจะทำรถกับข้าว ทำอาหารให้กับพี่ๆ บุคลากรทางการแพทย์ ก็เลยเกิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมา ก็คือนำต้นไม้กับผลิตภัณฑ์จากสยามตานีที่เป็นกระเป๋าทำจากหยวกกล้วยตานีด่าง มาแปรรูปเป็นกระเป๋า แล้วเรานำมาประมูล นำรายได้ทั้งหมดไปซื้อชุด PPE

ที่ผ่านมาคนบอกช่วงนี้ไม่มีงาน มาไลฟ์ขายของ มีคำคอมเมนต์หรือนินทาเข้าหูเราบ้างไหม?
ธาราเขต : ก็มีเยอะนะครับผม เขาคงคิดว่าเรามาจะบเป็นกระแสหรือเปล่า หรือทำแบบฉาบฉวยหรือเปล่า มันก็มีหลายๆ ทางเข้ามา แต่เราพยายามมองข้าม เพราะว่า 1.ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงอยู่แล้ว เราอยู่ข้างหน้า เราทำอะไรเราค่อนข้างคิดเยอะนิดนึง แรงกดดันมันมีทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นวงการละคร วงการต้นไม้มีหมด แต่สิ่งที่จะให้อยู่ได้ยาวๆ คือผมรู้สึกว่าเป็นความอดทน ความเข้าใจ ตอนนี้โซเชียลมันไวมาก เราจะโพสต์อะไร เราก็ต้องคิดนิดนึง

 

สมัยเด็กชีวิตของเขตเป็นยังไงบ้าง?
ธาราเขต : ต้องบอกว่าชีวิตเขตเริ่มจากศูนย์ เพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอก พูดได้เต็มปาก มั่นใจและภูมิใจด้วยเป็นเด็กบ้านนอกหนึ่งคนเลย

คุณพ่อ คุณแม่ แยกทางกัน?
ธานาเขต : คุณพ่อ คุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก ผมประมาณ 6-7 ขวบได้ ผมว่าตอนผมเป็นเด็กผมอาจจะไม่ได้เข้าใจร้อยเปอร์เซต์นะ แต่เราก็เข้าใจสถานการณ์ว่าเราต้องอยู่กับใคร เราเห็นหลายๆ เหตุการณ์ที่คุณพ่อ คุณแม่ทะเลาะกัน ก็เข้าใจ แต่พอโตมาเรามองย้อนกลับไป เรารู้สึกว่าเข้าใจเขานะว่าวันนั้นมันเกิดอะไร

ในมุมของผู้ใหญ่เขาได้อธิบายเราไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?
ธาราเขต : เขาไม่ได้อธิบายครับ เขาแค่สอนเราว่าให้เป็นเด็กดีนะ โตไปให้ทำตัวดีๆ เขตอยู่กับคุณแม่


เห็นบอกว่าอยู่กับคุณแม่ก็ลำบาก ตอนแยกทางใหม่ๆ?
ธาราเขต : เมื่อก่อนคุณแม่ทำงานอยู่องค์กรโทรศัพท์ ก็ออกมาทำเป็นเสมียนปั๊ม ผมตอนนั้นด้วยความเด็ก ต้องปั่นจักรยานไปดูแม่บ้าง ไปช่วยคุณแม่บ้าง มาดูน้องสาวด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดได้ยังไงด้วยความที่อยากจะช่วยคุณแม่แบ่งเบาภาระ ก็เลยอาสาช่วยคุณแม่เติมน้ำมันแล้วกัน

เป็นเด็กปั๊มด้วย ไปเสริมคุณแม่ ตอนนั้นคุณแม่ได้รายได้ประมาณเท่าไหร่?
ธาราเขต : ผมไม่ทราบเลยครับว่าได้เท่าไหร่ แต่วันนั้นผมได้ประมาณ 10-20 บาทต่อวัน ก็โอเคแล้วสำหรับเด็ก ก็พยายามช่วยคุณแม่ให้มากที่สุด ดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด แล้วก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่า เราจะไม่กลับมาเป็นแบบนี้แล้วนะ ผมจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่สบายให้มากที่สุด พูดกับตัวเองมาตลอดเลยตอนนั้น

 

ต้องทานข้าวคลุกน้ำปลา?
ธาราเขต : เมื่อก่อนด้วยความที่เราเด็กเราหิว แล้วคุณแม่ไม่ได้อยู่บ้านด้วย เมื่อก่อนข้าวกับซอสผมก็อร่อยแล้วนะ ข้าวกับแตงโมผมก็ยังอร่อยเลย ด้วยความที่คุณแม่ออกไปทำงานด้วย เราก็ไม่ได้ทำกับข้าว ทำอะไรเป็น ก็พยายามต่อชีวิตตัวเอง ณ เวลานั้น ข้าวซอสก็อร่อยแล้ว

เห็นบอกว่ามีช่วงลำบากที่ครอบครัวมีเงินติดตัวน้อย?
ธาราเขต : มีครับๆ แต่ผมเห็นว่าคุณแม่พยายามเก็บอาการ พอเราโตขึ้น เรามองย้อนกลับไปเห็นความอดทนของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่อยากแสดงอาการให้ลูกเราเห็น มันต้องขอบคุณแม่มากๆ ที่ไม่แสดงอาการให้เห็น พอเราโตมาเราได้เห็นอะไรเยอะแยะ มองย้อนกลับไปคนที่เป็นพ่อ แม่ เขาเก่งมากๆ ครับ ที่ต้องเก็บอะไรหลายอย่าง ผมเชื่อว่าวันนั้นเขาลำบากมาก แต่เขาทำให้เราเห็นเหมือนไม่ลำบาก

ตอนนั้นน้องเขตเรียนอยู่ที่ชัยนาท?
ธาราเขต : ผมเรียนถึง ป.6 ครับ ตอนนั้นตั้งใจด้วยคุณตาเป็นตำรวจ แล้วจะตั้งใจเรียนเป็นนายร้อยตำรวจ

เห็นว่าเพราะครอบครัวลำบากเลยตั้งใจเรียน เพราะไม่อยากกลับมาลำบากแบบนี้?
ธาราเขต : ถูกต้องครับ ตัวน้องสาวเขตด้วยบ้านที่เป็นแบบนี้ เราตั้งใจเรียนกันโดยอัตโนมัติ เพราะว่าคุณแม่จะเคี่ยวเรื่องเรียนมาก เพราะว่าด้วยความที่คุณพ่อเป็นคุณครูอยู่แล้วก็จะโดนความเคี่ยวมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องการเรียนจะไม่มีตกบกพร่องเลย ตั้งแต่ป.1-ป.6 ก็คือจะอยู่ที่ 1,2,3 ไม่เกินนี้

 

 

แล้วชีวิตไปหลงทางจตอนไหน กลายเป็นเด็กเกเร?
ธาราเขต : ม.ต้นครับ มาเรียนอยู่ที่นครสวรรค์ ผมสอบเข้าได้ เมื่อก่อนเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ตอนนี้เขาปรับเป็นโรงเรียนสหแล้ว ตอนนั้นผมอยู่หอคนเดียวตั้งแต่ ม.1 เลยครับ โดนส่งมาให้ใช้ชีวิตตั้งแต่ ม.1 เลย พอม.4 เข้ามากรุงเทพ มาโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า ก็มีเรื่อง มีราวนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนทุกคนน่ารักนะ แต่ด้วยความที่ผมอาจจะไม่เจอสังคมในกรุงเทพก็เลยอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการของพวกเพื่อนๆ อยู่ผิดที่ ผิดทางนิดนึงครับ ผมเป็นคนตัวเล็กก็พยายามตามแก๊งเพื่อนๆ เพื่อนไปมีเรื่องชกต่อยเราก็จะตามๆ แบบเป็นแก๊ง โดดเรียนบ้าง ตอนนั้นสนุกสนาน เราไม่คิดว่าอยากมาทำงานอะไร กำลังหลงแสงสี เพื่อนใหม่ๆ ช่วงนั้นหัวเลี้ยวหัวต่อเลย พอเหมือนมีเรื่องเยอะ เข้าห้องปกครองเยอะ คุณพ่อจับย้ายครับ มาสตรีวิทย์2 ตอนม.5 อาทิตย์แรกโดนลากไปต่อยเลยครับ ด้วยความที่เมื่อก่อนเราแอบไว้ผมยาว ตอนนั้นเริ่มมีโมเดลลิ่ง เลยเริ่มทำงานบ้าง

เขาไปเห็นที่ไหน?
ธาราเขต : สยามครับ ตอนนั้นก็ยังกลัวอยู่นะครับ จะโดนหลอกไหม หนีด้วย

พอเราไว้ผมยาวเพื่อนลากไปต่อยในห้องน้ำเลย?
ธาราเขต : เป็นเด็กจากนอกโรงเรียนครับ เข้ามาถามหาคนไหนเขต เราก็ไปคุยกันในห้องน้ำ ตอนนั้นอยากสู้นะครับ แต่ไม่สู้เพราะว่าเราช่างน้ำหนักแล้วไม่คุ้ม เพราะเขามากัน 2 คน แล้วเราแบบตอนนั้นเราเพิ่งย้ายโรงเรียนมาใหม่มันยังไม่มีพรรค มีพวก

แล้วยังไงต่อ ไปฟ้องใครไหม?
ธาราเขต : ก็ฟ้องปกครองครับ เขาก็เรียกคุณพ่อมาคุย จะโดนเรื่องทรงผมซะส่วนใหญ่

สาเหตุเพราะเราหล่อเกินในช่วงนั้นจริงไหม?
ธาราเขต : ไม่รู้หรือเปล่านะ แต่คือสมัยก่อนการไว้ผมยาวมันเป็นอะไรที่ต้องทำเรื่องขอโรงเรียน

ไม่ใช่ประเด็นไปจีบข้ามโรงเรียนแล้วเขาหมั่นไส้แล้วตามมาต่อยใช่ไหม?
ธาราเขต : ผมว่าอาจจะมีส่วนด้วย ผมคิดลึกๆ นะต้องมีใครไปจุดประกายอะไรแน่นอน ต้องมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาแน่นอน ไม่งั้นไม่น่าต่อยเราไม่มีสาเหตุ มันไม่ได้

แล้วที่โดนจี้ในห้องน้ำละ?
ธาราเขต : ตอนนั้น ม.5 นี่แหละครับ มาเรียนพิเศษแถวลาดพร้าว101 เรียนเสร็จไปเดินเดอะมอลล์บางกะปิ เราเดินเข้าห้องน้ำ เราเห็นคนนั่งอยู่ตรงสะพาน แต่ไม่สนใจเราเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำเสร็จล้างมือ เงยหน้าปุ๊บ โดนแทงเข้ากระเป๋า แล้วผมก็คว้ามีดบาดมือ แล้วก็คุย ตอนนั้นยอมรับตัวเองว่าสติดีมาก ถามว่าพี่จะเอาอะไร เขาบอกเอาเงินมา เราก็ชวนคุยจนเขาผ่อน คืออาการเขาแบบเมา แล้วขอบคุณทุกคนที่อยู่ในห้องน้ำวันนั้นเดินออกหมดเลยครับ

วันนั้นเสียเงินไปเท่าไหร่?
ธาราเขต : 300 บาทครับ พอทีนี้เขาก็หนี ผมก็วิ่งไล่บอกว่าช่วยด้วยครับ ขโมย ยามรวบตัวได้ ผมก็ต้องไปสถานีตำรวจ พอไปสืบสาวเอ้า...มีคดีติดตัวบานเลย วันนั้นเราได้เงินคืนแต่ต้องไปขึ้นศาล แล้วตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 18 ด้วย

 

 

แล้วมาเป็นนักแสดงตอนอายุเท่าไหร่?
ธาราเขต : น่าจะประมาณเกือบๆ ขึ้น ม.6 เริ่มต้นก็ไปแคสงานปกติเลย เขาเรียกไปแคสตลอดเลย เขตก็ไม่ไป เพราะว่ากลัว แล้วเราไม่รู้ระบบของการแคสงานเลย แต่สุดท้ายก็ยอมไป โฆษณาแรกเป็นตัวประกอบ แล้วเริ่มแบบ เด็ก ม.5-ม.6 มีเงินหลักหมื่นมันเยอะมากนะ แล้วเราก็ใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายเลย ตอนนั้นเติมเต็มทุกอย่างที่ขาดในชีวิตเลย ซื้อของ เสื้อผ้า เที่ยวเต็มเหนี่ยวเพราะว่าเราเป็นเด็กบ้านนอกที่ไม่มีอะ พอเรามีเงินเราก็ใช้

เลี้ยงสาวไหม?
ธาราเขต : เลี้ยง เปย์เลยครับผม

เห็นว่าไปถูกตาคุณแดง หมายมั่นอยากให้เป็นแถวหน้าของช่อง7?
ธาราเขต : ตอนนั้นได้เจอพี่กบ พามาแคสติ้งที่ทางช่อง เขาก็โอเค ทำการปรับลุคให้เราหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัว ตอนนั้นผมแต่งตัวไม่เป็นเลย

เราชอบไหมกับการเปลี่ยนแปลงของเรา?
ธาราเขต : ตอนนั้นไม่ได้เลย ค้านสุดพลัง วัยรุ่นเนอะ แบบไม่ได้นี่มันคือเรา ต้องไว้รากไทร ต้องแต่งสีนี้ ซึ่งมันไม่เข้ากันเลย แล้วพอมานั่งดู โอ้โห...เราผ่านมาได้ยังไงเนี่ย

แล้วต้องคุมความประพฤติด้วยไหม?
ธาราเขต : ครับ โดนควบคุมความประพฤติเล็กน้อย เรื่องไปเที่ยวครับ เมื่อก่อนเที่ยวหนักมาก ก็โดนแบบว่าให้เบาๆ ลง

 

แล้วผู้หญิงมีเข้ามาเยอะไหม?
ธาราเขต : ตอนนั้นก็มีเราไปเจอตามสถานที่ท่องเที่ยว มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราไปเที่ยว แต่เราไปเน้นความสนุกกับเพื่อนๆ ซะเยอะ ตอนนั้นจะติดเพื่อนซะส่วนใหญ่

ตอนนั้นเริ่มทำงาน เริ่มถ่ายละครหรือยัง?
ธาราเขต : กำลังครับ แล้วก็ต้องเริ่มเบาลง แต่พอเริ่มมาถ่ายละครแล้วก็แอบมีไปบ้าง ก็มีเรื่อง มีราว เหมือนชกกันกับการ์ด แต่คือผมไม่ได้เข้าไปมีเรื่อง ก็ไปห้ามเพื่อนออกมา ไม่งั้นยาวแน่นอน เพราะว่าเพื่อนๆ ที่ไปก็คนในวงการ

เรื่องไปถึงหูผู้บริหารไหม?
ธาราเขต : ถึงครับ แล้วก็โดนเรียกเข้าห้องเย็น ก็โดนตักเตือน หลังจากนั้นพวกผมปฏิญาณกันเลยว่าจะต้องเบา

แล้วทำไมจู่ๆ กลายเป็นนักแสดงอิสระ?
ธาราเขต : พอเราทำงานมาได้สักระยะนึง อยู่กับทางช่องมาเกือบ 8 ปีได้ ก็เจอทุกบทบาท ทุกการแสดง เราได้ลองทำมาเกือบหมดแล้ว วันแรกที่คิดว่าจะออกหรือไม่ออกเนี่ยเครียดมากๆ ได้ปรึกษาพี่ๆ หลายคน ถ้าผมออกมาจะเป็นแบบไหน เพราะว่าผมมาไล่ๆ กับพวกพี่เขา กลัวออกมาแล้วไม่มีอะไรทำ กลัวไม่รู้ว่าจะต้องไปซ้าย ไปขวา กลัวไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นกับใครก่อน เพราะว่าเราอยู่บ้านหลังนี้มาตลอด ก็ต้องขอบคุณบ้านหลังนี้ที่สร้างเรามาเป็นเขต ธาราเขต ได้ สุดท้ายก็ตัดสินใจเราจะเดินหน้ามันไม่ได้อยู่ที่ขา มันอยู่ที่ใจเรา เราเลยไม่ต่อสัญญา วันนั้นก็เคว้งเลย แล้วก็หายไปเลยเกือบปีครึ่ง สองปี

ตอนนั้นเขาได้มียื้อ หรือบอกอะไรเราไหม?
ธาราเขต : เขาก็ไม่ได้ยื้อนะครับ เพราะว่าเราได้คุยกับเขาจบด้วยกันโอเคครับ เราบอกเลยว่าเขามองเราแบบไหน มองเราในทิศทางไหน เพราะว่าผมโตแล้วนะครับ ผมต้องวางเป้าหมายชีวิตแล้วว่าผมต้องทำอะไรต่อหลังจากนี้ เราได้วางแผนการใช้เงิน การใช้ชีวิตว่าโอเค ฉันละเล่นละครเท่านี้ๆ นะ หรือต้องทำอะไรบ้าง เขาก็อาจจะยังไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัดให้เรา เราก็เลยรู้สึกโอเค งั้นเราออกไปท่องโลกดีกว่า

เกี่ยวกับเราน้อยใจไหมช่วงหลังๆ เราไม่ได้รับบทพระเอก?
ธาราเขต : ผมเคารพในการตัดสินใจของผู้ใหญ่ทุกครั้ง เพราะว่าการที่เขาเลือก 1 ตัวละครมาให้เรา ผมคิดว่าเขาคิดดีแล้ว แล้วผมก็ได้ทำหน้าที่ของสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงต่างๆ ถ้าใครได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นบทอะไรก็ตาม เขตทุ่มเทกับมันแบบ 100% เขตเป็นคนที่รักการแสดงมาก และทุกครั้งที่แสดง เขตทำการบ้านค่อนข้างเยอะ พอเมื่อก่อนเราผิดพลาดเยอะ เรารู้สึกว่าต้องทำการบ้านเยอะขึ้น ผมเลยปรับแนวคิดตัวเองใหม่ทุกตัวละครมีความสำคัญหมด ทำยังไงก็ได้ให้เขาสนใจเรา

 

 

มีภาพนึงที่เขตแฮปปี้มาก คือการที่พ่อ แม่ ได้มาเจอกัน ถ่ายภาพด้วยกัน อันนั้นมาเจอกันได้ยังไง?
ธาราเขต : คือผมไม่มีภาพครอบครัวเลยตั้งแต่จำความได้ ภาพนี้ดีมาก มองทุกครั้งหายเหนื่อย มันเป็นภาพงานวันเกิดผมครับ เป็นวันที่ผมสามารถหลอกล่อพ่อ แม่ ให้มางานทำบุญก็เลยเกิดภาพนี้ขึ้นมา

ตั้งแต่เข้าวงการมาคุณมีแฟนทั้งหมดกี่คน?
ธาราเขต : 4 คนได้ครับ ช่วงนั้นไม่ปิดเลยครับ เราเป็นคนชัดเจนอยู่แล้ว เราก็ให้เกียรติเขาด้วย

คนปัจจุบันนี้เปิดตัวไปแล้ว?
ธาราเขต : ก็เปิดแต่ไม่ได้ปิด น้องเพลง ครับ

ไปเจอกันได้ยังไง?
ธาราเขต : ก็เจอกันตามงานครับ ก็ได้คุย ได้ฟอลโลว์อินสตาแกรมกัน ก็ไดเร็กต์ ทักสตอรี่กันไป หยอดกันไปมา ก็พักใหญ่เลยครับ

ถ้าเขตพูดถึงตัวเอง เขตว่าตัวเองเจ้าชู้ไหม?
ธาราเขต : เจ้าชู้ครับ เพราะว่าเมื่อก่อนเจ้าชู้ ด้วยความวัยรุ่น มันอยากลองทำหลายๆ อย่าง แล้วด้วยความที่มีคนเข้ามา ต้องยอมรับ แต่ในความเจ้าชู้นั้นผมก็ได้เรียนรู้ ว่าผมเกิดจากครอบครัวที่ได้มีประสบการณ์ที่ครอบครัวเลิกกัน ผมบอกกับตัวเองว่าผมต้องมีครอบครัวที่เพอร์เฟคท์ครับ

 





 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"