ไม่เปลี่ยน "กก.บห.พปชร." "บิ๊กตู่" กล้ายึดพรรคหรือไม่


เพิ่มเพื่อน    

ภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่ง รมช. เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวเป็นความต้องการของ "พี่น้อง 2 ป." คือ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ และ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หลังเกิดความไม่วางใจขาใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้ก๊วน 4 ช. ต้องการท้าทายอำนาจ กดดันนายกฯ ให้ปรับ ครม.ในช่วงศึกซักฟอก  
    การสั่งปลด รมช. 2 คน ส่งผลให้พี่ใหญ่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ควันออกหู เพราะไม่มีการปรึกษาใดๆ แต่เป็นการแจ้งเพื่อทราบ จนทำให้เกิดกระแสรอยร้าวขึ้นระหว่าง "พี่น้อง 3 ป." ด้วยกัน ว่ากันว่างานนี้ "พี่ใหญ่" เกิดอาการนอยด์และน้อยใจบรรดาน้องๆ เป็นอย่างมาก      
    ก่อนข่าวจะบานปลาย เกิดการสร้างภาพของ "บิ๊กตู่" เดินประคอง "บิ๊กป้อม" มาส่งที่รถประจำตำแหน่ง ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ให้สื่อมวลชนได้เห็น เพื่อสยบกระแสข่าวเกาเหลา 
    ด้วยภาพที่ออกมาเบื้องต้น จึงมีการวิเคราะห์กันว่า พี่น้อง 3 ป. อาจทำความเข้าใจกันได้แล้ว และมีความเป็นได้ว่าสถานการณ์การเมืองช็อตต่อไป "พี่ป้อม" ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจต้องยอมกลืนเลือด ลดอำนาจของกลุ่ม 4 ช.ในพรรคลง หรือขับออกจากพรรคขจัดความหวาดระแวงของ "น้องตู่" และ "น้องป๊อก" ให้ทำงานได้สะดวก ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง 
    แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ หลัง "พล.อ.ประวิตร" เรียกประชุม ส.ส.พปชร. ชั้น 6 ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา กลับไม่มีประเด็นดังกล่าว แต่กลับเป็นเรื่องกำชับให้ ส.ส.ทุกคนรักกัน ร่วมกันทำงาน และให้สลายกลุ่มก้อนให้ได้   
    ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ก็ยังมี ร.อ.ธรรมนัส นั่งเลขาธิการพรรค, นางนฤมลยังทำหน้าที่เหรัญญิก และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรค และคนอื่นๆ ยังทำหน้าที่ให้พรรคเช่น 
    สอดคล้องกับที่ "บิ๊กป้อม" ตอบคำถามสื่อว่า ผู้กองธรรมนัสยังจะเป็นแม่บ้านพรรคต่อหรือไม่ ก่อนการประชุมพรรคว่า "เออ!"   
    เท่ากับว่างานนี้ "บิ๊กป้อม" จากเดิมไม่ค่อยได้เข้าประชุมพรรค แต่กลับเรียกนัดประชุมด่วน เพื่อแสดงบารมีว่าพรรคเป็นของใคร และทำให้ "น้องตู่" และ "น้องป๊อก" เห็นว่า "พี่ไม่ยอมนะจ๊ะ"   
    สัญญาณการเมืองเช่นนี้ ย่อมส่งผลไปถึง "บิ๊กตู่" และ "บิ๊กป๊อก" ยังอยู่ในความหวาดระแวงเช่นเดิม การทำงานต่างๆ ก็ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายนิติบัญญัติ และต้องใช้เสียง ส.ส.เป็นเดิมพัน  
    เอาแค่ง่ายๆ ไม่ต้องรอให้ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แค่การพิจารณากฎหมายสำคัญหรือกฎหมายการเงิน หากเสียงใน พปชร.หายไปสัก 20 หรือ 30 เสียง "ลุงตู่" ก็ตกที่นั่งลำบาก จะทนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแจกกล้วย หรือใช้บริการ "งูเห่า" ที่พรรคร่วมรัฐบาลเลี้ยงเอาไว้ เพื่อให้รัฐบาลเดินต่อไปได้ ก็ไม่ทราบว่าจะทนกล้ำกลืนทำได้นานแค่ไหน 
    ฉะนั้นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงใน พปชร.คือ "ลุงตู่" และ "ลุงป๊อก" ลงมาหา และสปอยล์ ส.ส.มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาอาการขาลอยของตัวเอง ซึ่งได้รับบทเรียนจากศึกซักฟอกที่เกือบจะไม่รอด 
    เห็นได้จากความพยายามลดช่องว่างเรื่องความสัมพันธ์กับ ส.ส. เช่น สั่งการให้รัฐมนตรีกลุ่มตึกไทยคู่ฟ้า อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ให้ดูแล ส.ส.ในสัดส่วน เบื้องต้น 1 ต่อ 10 หรือมากกว่านั้น 
    ส่วนกลุ่มสามมิตร ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ยืนตรงข้ามกลุ่ม 4 ช. ให้รับผิดชอบดูแลเกือบ 30 คน หาก ส.ส.ในความรับผิดชอบมีปัญหาต้องการหารือก็สามารถเข้าพบกับนายกฯ ได้โดยไม่มีการปิดกั้น     
    รวมทั้งยังมีการปรับตัว และวิธีการทำงานของ "บิ๊กตู่" ด้วยการลงพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับรัฐมนตรีและ ส.ส.พปชร. เช่น การลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งที่ปกตินายกฯ ไม่ค่อยออกมาทำงานในวันอาทิตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาใช้เวลาราชการแฝงงานการเมือง แต่สถานการณ์ขณะนี้หลีกเลี่ยงมิได้     
    แม้กระทั่งกระแสข่าวจะปรับ ครม.ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะดึง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คนสนิท "บิ๊กป๊อก" ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ มานั่ง รมช.มหาดไทย มาทำงานการเมืองร่วมกับ ส.ส.พปชร.อย่างใกล้ชิด 
    หรือกระทั่งยังมีทางเลือกท้ายสุดคือ ทำรัฐประหารเงียบยึดพรรค พปชร.จากอก "ลุงป้อม" โดยใช้รัฐมนตรีสายตึกไทยฯ เดินเกมเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 26 คน และเมื่อดูรายชื่อ 22 คน ที่เหลือ ยกเว้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิก และนายทะเบียนพรรค ก็เชื่อว่า หากนายกฯ ในฐานะคุมอำนาจฝ่ายบริหาร คุมงบประมาณ นโยบาย และมีอำนาจยุบสภา ก็เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้ง ส.ส.ต่างๆ เข้ามาไว้ในมือได้ 
    แต่เรื่องยากกว่านั้นคือ "บิ๊กตู่" จะกล้าแตกหักกับ "บิ๊กป้อม" หรือไม่ และเชื่อว่านาทีนี้ "นายกฯ" คงไม่เลือกวิธีท้ายสุด เพราะสถานการณ์ยังไม่ถึงแตกหัก แต่จะพยายามหาแนวทางอื่นๆ เพื่อสร้างฐานอำนาจตัวเองและเพิ่มดุลอำนาจใน พปชร.ให้ได้. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"