เจอร์เกน คล็อปป์ ยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เสียสมาธิไปชั่วครู่ จนโดนไป 2 ลูกติดๆกัน ก่อนจะฮึดพลิกเอาชนะ เอซี มิลาน ได้อย่างใจหายใจคว่ำ แต่พอใจกับภาพรวมที่เห็นจากเกมนัดแรก กลุ่ม บี ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อพุธที่ผ่านมา
    ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ในศึกแรก ของกลุ่มที่อาจเรียกได้ว่าแข็งที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากมีทั้ง เอซี มิลาน, แอตเลติโก มาดริด และปอร์โต้ โดยเมื่อครืนวันพุธที่ผ่านมา เปิดบ้านเชือด เอซี มิลาน ได้หวุดหวิด 3-2 แบบที่โดนทีมเยือน พลิกขึ้นนำ 2-1 ได้ในครึ่งแรก
    เกมที่ แอนฟิลด์ ออกสตาร์ท เพียงแค่ 9 นาที เจ้าถิ่น ได้ประตูขึ้นนำ จากการวิ่งตัดเข้าในพาบอลกระชากเข้าเขตโทษเกือบสุดเส้นหลัง ก่อนสับไกยิงแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลูกนี้ให้เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของนักเตะมิลาน ฟิกาโย โทโมรี หลังจากนั้น ทีมเครื่องจักรสีแดง ยังบดหน้าต่อและมีโอกาสหนีห่างเป็น 2 ลูก จากจุดโทษ ของ โม ซาลาห์ แต่ปรากฎว่า โดนผู้รักษาประตูเซฟได้
    แม้เกมจะเหนือกว่า แต่ ลิเวอร์พูล มาพลาดเสียไป 2 ประตูรวดก่อนจบครึ่งแรกจาก อันเต เรบิช น.42 และ บราฮิม ดิอัซ น.44
    อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล กลับมาครึ่งหลังเปิดฉากลุยต่อทันที และแค่ 3 นาที ก็ทวงประตูตีเสมอได้แล้วจาก ซาลาห์ ก่อนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะฮาล์ฟวอลเล่ย์ส่งบอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสุดสวย ในนาทีที่ 69 และเป็นประตูชัยช่วยให้ทีมชนะไป 3-2
    "เกมน่าตื่นเต้นมาก และเอนเตอร์เทนมาก ในช่วง 10-15 นาทีที่เราเหมือนจะเสียสมาธิไป หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ และไม่เล่นกันรัดกุมแน่นหนาอีกในตอนนั้น" คล็อปป์ กล่าว
    "เราชะล่าใจไปกับการเล่นฟุตบอลในแบบของเรา และบางอย่างที่ซับซ้อน พวกเขาได้ 2 ประตู จากนั้น เราถึงกลับมาตั้งใจเล่นฟุตบอลที่ดีกันได้ และทำประตูที่มหัศจรรย์ 2 ลูก"
    "เราออกสตาร์ทได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว เราเล่นเเกมนี้ได้อย่างสุดยอดมากๆ เป็นเกมเดือดที่สูสีแต่ก็สู้กันด้วยมันสมองด้วย เราใช้ทุกพื้นที่ในการเล่น เราไม่เปิดทางให้พวกเขาเล่นได้กระทั่ง นั่นแหละ ผมไม่แน่ใจว่าคืออะไร เราโดนลงโทษในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แต่มันเริ่มส่งสัญญาณให้เห็นก่อนหน้าแล้ว"
    ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกสตาร์ทเกมแรกกลุ่ม เอ ในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยชัยชนะเช่นกัน หลังเปิดบ้านถล่ม ไลป์ซิก 6-3 แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แสดงความไม่พอใจต่อว่าสั่งการ ริยาด มาห์เรซ กับ แจ็ค กรีลิช ที่ข้างสนาม ที่ไม่ช่วยทำหน้าที่ในส่วนของเกมรับตามที่ได้รับมอบหมาย แม้ทั้งสองคนจะทำได้คนละหนึ่งประตูก็ตาม
    "เราคุยกันตอนพักครึ่งถึงแนวทางที่เราต้องทำและพวกเขาไม่ทำตามนั้น ก็เลยมีการทะเลาะกันนิดหน่อย"
    "ไลป์ซิก เป็นทีมที่ดีมาก พวกเขาใช้ผู่เล่นราว 4 คนในการขึ้นเกมเพื่อดึงผู่เล่นของเราหลังมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก เมื่อบอลออกทางริมเส้น พวกเขาเร็วมากเมื่อโจมตีตัดหลังเข้าใน มันไม่ง่ายที่จะคุมพวกเขา แต่เมื่อคุณได้บอลกลับมา ก็จะมีผู้เล่นฝายตรงข้ามดักข้างหน้าคุณเต็มไปหมด"
    การ์ดิโอล่า อธิบายถึงอารมฌ์โกรธของเขาที่แสดงออกมาตอนคุยกับ กรีลิช คนที่ยิงได้หนึ่งและทำแอสซิสต์ได้อีกหนึ่งในเกมนี้ "มันเป็นเรื่องการช่วยเกมรับ ผมจะไม่ลงรายละเอียดนักเพราะเขาอาจต้องใช้แท็คติกเดียวกันในเกมสุดสัปดาห์"
    เกมนี้ ซิตี้ ขึ้นนำตั้งแต่ น.16 จาก นาธาน อาเก และหนีห่างเป็น 2 ลูกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ นอร์ดี มูคิเอเล น.28 ขณะที่ประตูอื่นๆ ได้จาก ริยาด มาห์เรซ (จุดโทษ) น.45+2, แจ็ค กรีลิช น.56, เชา กันซาโล น.75 และ กาเบรียล เชซุส น.85 ขณะที่ ทีมจากบุนเดสลีกา ได้ 3 ประตูจาก คริสตอฟ เอ็นคุนตู น.42, 51 และ 73 เป็นแฮทริกของกองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่ เอติฮัด