ทั่นเต้นโหมหนัก ม็อบ19กันยายน ‘สมบัติ’โกนหัว!


เพิ่มเพื่อน    

 "ตำรวจ" กระจายกำลังค้น 20 จุดทั่ว ปท.จับพวกป่วนเมือง "ชาวดินแดง" ร่วมมือ บช.น.คัดกรองกลุ่มก่อเหตุรายวัน "ภาค 4" รวบ 2 นศ.มือเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ขอนแก่น "ครช." ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ร.ก.ฉุกเฉินขัด รธน. "กมธ.พัฒนาการเมืองฯ" แถลงเหตุยิง 2 เยาวชนหน้า สน.ดินแดง พวกลงมืออาจเกี่ยวข้องกับ ตร. "เต้น" โหมโรงคาร์ม็อบ 19 ก.ย.ยึดสันติ เลี่ยงไปพื้นที่เสี่ยง 6 โมงเย็นเลิก "บ.ก.ลายจุด" โกนหัวร่วมอ้างป้องกันโควิด
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 17 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า การชุมนุมกลุ่มหลักๆ คือกลุ่มทะลุแก๊สนัดหมายที่สามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ รวมถึงความผิดหลายข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดย บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรม 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. รวมตัวทำกิจกรรมชุมนุมปราศรัยที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน จนกระทั่งประกาศยุติกิจกรรมเวลา 18.50 น. โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด 2.กลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณแยกดินแดง เวลา 19.00 น. เริ่มมีการขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร จนกระทั่ง  21.30 น. ฝั่งถนนมิตรไมตรี มีการรวมตัวก่อความวุ่นวายอีกครั้ง โดยมีการยิงพลุใส่เจ้าหน้าที่และปาระเบิดขวดบนถนนวิภาวดีขาออก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนในละแวกนั้น และอาจเกิดอันตรายต่อผู้ที่สัญจรผ่านไปมาเป็นอย่างมาก 
    "ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการกระทำและออกจากพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่ยอมเชื่อฟังและยังคงก่อความวุ่นวายเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ต่อมาเวลา 22.00-00.10 น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยทาง บช.น.จะดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความรุนแรงและก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองมาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ซึ่งหากเยาวชนได้กระทำความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย" โฆษก บช.น.กล่าว 
    ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการโอเปอเรชันหรือลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ต้องหากลุ่มเป้าหมายละเมิดกฎหมายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5-6 ราย 
    "การออกมาชุมนุมทางการเมืองจะมีการบังคับใช้กฎหมาย 2 มิติ คือ เพื่อระงับยับยั้ง และออกหมายเรียก ออกหมายจับตามข้อเท็จจริง คัดแยกตรวจสอบกลุ่มก่อเหตุและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุต้องมอบตัวสู้คดีตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะถูกออกหมายเรียก หมายจับ
จับเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ 
    ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินทางไปที่ สน.ดินแดง หลังชาวบ้านย่านดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สต่อเนื่องมานานกว่า 1 เดือน เรียกร้องให้ตำรวจหามาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อคืนความสงบ โดยมีการหารือกับตัวแทนชาวบ้าน
    ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านแจ้งว่าการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สกระทบการดำรงชีวิตช่วงกลางคืน ไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ บางคนเกือบถูกทำร้ายร่างกายขณะกลับที่พัก และมีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ซึ่ง ผบช.น.ยืนยันกับชาวบ้านว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามแก้ไขปัญหาเรื่อยมา แต่ตำรวจมีข้อจำกัดในการทำงาน เนื่องจากหลังก่อเหตุผู้ชุมนุมได้หลบหนีเข้าที่พักในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ไม่สามารถเข้าไปจับกุมตัวได้ ซึ่งชาวบ้านยืนยันผู้ก่อเหตุเป็นคนนอกพื้นที่ จึงมีข้อยุติร่วมกันที่จะทำการแยกแยะผู้พักอาศัยออกจากผู้ชุมนุม โดยขอความร่วมมือผู้พักอาศัยย่านดินแดงอย่าเปิดรับบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่ในช่วงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ หากมีคนนอกเล็ดลอดเข้าไปให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุมทันที
    ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) พล.ต.ต.เนติพงศ์ ธาตุทำเล รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษก ภ.4 แถลงถึงจากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564 เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งจาก รพ.ศรีนครินทร์ มีคนร้ายก่อเหตุวางเพลิงเผาซุ้มป้ายเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณหน้า รพ.ศรีนครินทร์ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ศพฐ.4
    จากนั้น พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 และ ภ.จ.ขอนแก่น ออกสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบมีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 2 คน จึงรวบรวมหลักฐานขอหมายค้นห้องพักผู้ต้องสงสัย 2 จุด และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ นายเรืองศักดิ์ (นามสมมุติ) ตามหมายจับของศาลจังหวัด ขอนแก่นที่ จ.181/2564 และนายภานุพงศ์ (นามสมมุติ) ตามหมายจับที่ จ.182/2564 ลงวันที่ 16 ก.ย.64 ในข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ พร้อมกับยึดรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว คันหมายเลขทะเบียน กร 3740 อุบลราชธานี ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการทำผิดเป็นของกลาง เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    "ยืนยันตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และหากพบว่าเข้าข่ายความผิดฐานใดเพิ่มเติมจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" โฆษก บช.ภ.4 กล่าว
    ต่อมาที่ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายเรืองศักดิ์ ลอยจันทร์แจ่ม อายุ 22 ปี และนายภานุพงศ์ เปลรินทร์ อายุ 20 ปี สองนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันวางเพลิง หลังตำรวจจับกุมตัวได้ภายบ้านพักด้านหลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น และถูกควบคุมตัวมาสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก 
    นายเสถียรพงศ์ ล้อศิริวัฒน์ ทนายความเครือข่ายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น โดยระบุร่วมกันวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งทีมทนายความได้เข้าตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และขออำนาจศาลพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวนักศึกษาทั้ง 2 โดยยังคงไม่มีการดำเนินการในด้านคดีใดๆ
    “ทีมทนายความจะขอให้การด้วยเอกสารภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับนักศึกษาทั้ง 2 คน รวมทั้งพยานแวดล้อมต่างๆ แล้ว ซึ่งศาลได้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีอาจารย์ มข.ในตำแหน่งรองคณบดีมาเป็นนายประกันให้กับนักศึกษา ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่หลบหนี และมีคณาจารย์มาเป็นนายประกันจึงมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว และให้มารายงานตัวต่อนายประกันในวันที่ 29 ก.ย." ทนายความระบุ
สมบัติโกนหัวคาร์ม็อบ 19 ก.ย.
    ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพที่บุคคลพึงได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
    นายสมยศกล่าวว่า อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยุติการใช้ความรุนแรง และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องนี้ไว้เป็นวาระเร่งด่วน เพราะการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเป็นการคลายล็อกความตึงเครียด แรงกดดัน นำไปสู่การเจรจาสร้างสันติขึ้นมาได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
    ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.ฯ และ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะทำงานศึกษากรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองของ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ร่วมกันแถลงรายงานผลการศึกษากรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมวันที่ 16 ส.ค. ที่ส่งผลให้เยาวชน 2 คนได้รับบาดเจ็บถูกยิงและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า
    พ.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า คณะทำงานตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุกระทำการอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย พกปืนและใช้ไม้ไล่ตีประชาชนครั้งนี้นานถึง 8 นาที ในจุดที่ ด.ช.ธนพลถูกยิง อาจเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่อยู่หน้า สน.ดินแดง หลังเหตุการณ์คลี่คลายราวกับว่าคนกลุ่มนี้มั่นใจว่าจะไม่ถูกจับกุม หรือตำรวจจะไม่ใส่ใจหาความจริงในเรื่องนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจ
    วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายขับไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) แถลงกิจกรรม “CarMob 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง” ว่า กิจกรรมคาร์ม็อบไม่ใช่การแสดงพลังต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น แต่เป็นการแสดงให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอด 15 ปี จะมีการจัดเวทีออนไลน์เช่นเดียวกับคาร์ม็อบ 2 ครั้งที่ผ่านมา มีการเชิญวิทยากรร่วมสนทนาอีกหลายคน เช่น นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการ นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว อดีตเอกอัครราชทูตไทยใน หลายประเทศ และนักวิชาการอีกหลายคน รวมถึงเยาวชนหนุ่มสาว มีการรวมตัวพร้อมกันที่แยกอโศก เวลา 14.00 น.
    จากนั้นเวลา 15.00 น. เคลื่อนตัวมุ่งหน้าพระราม 4 เลี้ยวขวาแยกคลองเตย ไปยังสะพานกรุงเทพ จุดหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คลุมถุงดำ ท้ายขบวนอาจยาวถึงรัชดาภิเษก แต่คาดว่ากิจกรรมจะยุติได้ราว 18.00 น. และแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีความรุนแรง เน้นหลีกเลี่ยงพื้นที่เปราะบางไม่ให้เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่หรือสถานที่ราชการ 
    ส่วนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ผู้ริเริ่มกิจกรรมคาร์ม็อบสมบัติทัวร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ช่วงล็อกดาวน์ผมไม่ได้ออกไปไหน ไม่พบปะผู้คน ทำกิจกรรม Carmob ก็อยู่แต่ในรถ แทบจะไม่ออกมานอกรถ แต่พอมาถึงจุดกิจกรรมที่อโศก เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่พบปะผู้คน และผมมีความระมัดระวังในการป้องกัน Covid เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเป็นเรื่องสุขภาพแล้ว ผมรู้ว่าหากผมพลาดเรื่องนี้ กิจกรรม Carmob จะถูกโจมตีทันที
    "การที่ไว้ผมยาวทำให้เส้นผมแยงตาหลายครั้ง และผมก็ต้องเอามือปาดเส้นผมบ่อยๆ จึงตัดสินใจว่าความยาวของเส้นผมเป็นความเสี่ยงที่สุดของผมในเรื่องการติดเชื้อ จึงตัดสินใจตัดผมสั้น กลับมาเป็นอาตี๋อีกครั้ง ทีแรกว่าจะไม่เล่า แต่มีหลายคนถามว่าไปตัดผมทำไม? คำตอบคือ ตัดผมป้องกันโควิดครับ" นายสมบัติกล่าว
    ที่กรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมืองว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่มีหนังสือยกเลิกการอายัดตัว และผู้ต้องหายังมีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาลอาญาอีก 1 คดี จึงยังไม่สามารถปล่อยตัวได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเรือนจำทำหนังสือขออนุญาตกรมราชทัณฑ์เพื่อย้ายไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"