ย้อนเกล็ด‘แม้ว’ถ้าไม่โกงรัฐประหารไม่เกิด


เพิ่มเพื่อน    

"นครบาล" รวบม็อบทะลุแก๊ส 16 คน ป่วนแยกนางเลิ้ง ปาประทัดยักษ์ จุดพลุเพลิง เผาตู้จราจร พร้อมปรับแผนเพิ่มกำลังรับมือม็อบกระจายก่อเหตุ เร่งรวบรวมหลักฐานฟันไอ้โม่งสั่งการเบื้องหลัง "แรมโบ้" ย้อนเกล็ด "แม้ว" ถ้าไม่โกงจน ปชช.ฮือไล่รัฐประหารคงไม่เกิด "ศรีสุวรรณ" แจ้งจับ "เต้น-สมบัติ" จัดคาร์ม็อบผิด กม.หลายกระทง จี้ "ผบ.ตร." เร่งจัดการม็อบป่วนรายวัน
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 21 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น.  กล่าวถึงการชุมนุมว่า มีการนัดหมายของกลุ่มทะลุแก๊ส ซึ่งขอเตือนว่าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด การรวมตัวหรือมั่วสุมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรค จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและพ.ร.บ.ควบคุมโรค
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า สำหรับการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ โดยเริ่มที่แยกอโศก ปลายทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการจัดกิจกรรมปิดการจราจร ใช้ผ้าดำคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่เวลา 18.00 น. จะประกาศยุติการชุมนุม โดยภาพรวมถือว่าเหตุการณ์ปกติ แต่ระหว่างการเคลื่อนขบวนเวลาประมาณ 15.15 น.ที่บริเวณหน้าประตูศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุมขี่มาและเกิดหกล้ม ก่อนที่จะเกิดระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 4 คน เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เชื่อว่าหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพกพาอาวุธระเบิดมาด้วย เมื่อรถประสบอุบัติเหตุล้มลงทำให้เกิดระเบิดขึ้น ขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ หากการสอบสวนพบว่าผู้บาดเจ็บพกระเบิดเข้ามาในสถานที่ชุมนุม จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิดอีกส่วนหนึ่งด้วย
    ส่วนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายกันที่สามแยกดินแดง ก่อนจะเคลื่อนมวลชนไปชุมนุมที่แยกนางเลิ้ง มีการจุดพลุเพลิง พลุไฟ ประทัดยักษ์ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นมีการเผาตู้จราจรที่แยกนางเลิ้งและแยกยมราชได้รับความเสียหาย และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทุบทำลายรถและเผาเอกสารราชการที่มีความสำคัญต่อคดี ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 16 คน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการชุมนุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันดำเนินคดีไปแล้ว 219 คดี มีผู้กระทำความผิดจำนวน 797 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 552 คน
    "นับตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มก่อความไม่สงบ ได้ทำลายทรัพย์สินของราชการเสียหายจำนวนมาก เป็นตู้จราจรจำนวน 10 ป้อม ระบบควบคุมสัญญาณจราจรถูกทำลายเสียหาย กล้องวงจรปิด 40 ตัว รถยนต์และรถจักรยานยนต์เสียหาย 50 คัน ตู้ควบคุมระบบไฟ ระบบระบายน้ำระบายอากาศอุโมงค์ดินแดงได้รับความเสียหาย ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นภาษีของประชาชนทั่วประเทศ" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    ถามว่ากลุ่มทะลุแก๊สและแนวร่วมได้กระจายตัวก่อเหตุไปยังพื้นที่ต่างๆ จะมีมาตรการในการรับมืออย่างไร โฆษก บช.น.กล่าวว่า จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ โดยใช้เจ้าหน้าที่จาก สน.ต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และจะมีการปรับแผนการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเข้าระงับยับยั้งที่อาจเกิดเหตุบานปลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีการปรับแผนทุกวัน ขณะเดียวกันก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังของผู้ชุมนุมด้วย 
    ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์ 15 ปีรัฐประหารว่า อยากให้นายทักษิณได้ย้อนกลับไปดูถึงสาเหตุในอดีตที่ต้องมีการทำรัฐประหาร ซึ่งนายทักษิณน่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าได้ทำอะไร จนทำให้ประชาชนต้องออกมาขับไล่บนท้องถนนนับแสนนับล้านคน จนเกิดการรัฐประหารขึ้นมา เพื่อให้ประเทศชาติสงบและเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าปล่อยบริหารต่อจะเกิดการทุจริตโกงบ้านโกงเมืองเต็มแผ่นดิน 
    "การรัฐประหาร 19 กันยา 2549 คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้ารัฐบาลนายทักษิณไม่ถูกประชาชนออกมาขับไล่ สาเหตุจากการบริหารงานที่ผิดพลาด โดยการออกนโยบายออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องของนายทักษิณเอง จนนำไปสู่การตัดสินของศาล ทำให้ลิ่วล้อสมุนของนายทักษิณหลายคน ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจที่วางแผนทุจริตโกงกินร่วมกันต้องรับชะตากรรมจากแนวคิดโกงบ้านโกงเมืองของนายทักษิณ เดินเข้าคุกเข้าตารางกันถ้วนหน้า ถ้าปล่อยให้นายทักษิณและพวกเดินหน้าต่อไป บ้านเมืองประเทศชาติประชาชนคงไม่ได้อะไร มีแต่จะวิบัติพังพินาศมากขึ้น คนที่เก็บผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองก็คงเป็นคนกลุ่มผู้มีอำนาจกลุ่มเดียวเท่านั้น” นายเสกสกลกล่าว
    ส่วนนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวถึงม็อบรายวันและม็อบ 19 กันยายน ที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเครือข่ายไล่ประยุทธ์ ปลุกระดมมวลชนออกมาจัดกิจกรรมคาร์ม็อบว่า เป็นเพียงการสร้างละคร สร้างภาพ ถ่ายภาพแล้วส่งเบิกเงินกับทางนายทุน แต่ไม่เคยสนใจความเดือดร้อนของประชาชนและความฉิบหายของประเทศไทยเลย สุดท้ายก็คุมม็อบไม่อยู่ มีการจุดไฟเผาซุ้มพระบรมพระฉายาลักษณ์บนสะพานลอยคนข้ามหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เผาป้อมจราจรแยกนางเลิ้ง จุดพลุไฟ พลุเพลิง ปาประทัดยักษ์ใส่แนวเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
    "การกระทำของม็อบ 19 กันยา.เป็นเหตุแห่งการณ์ที่ไม่สมควรให้อภัยอย่างเด็ดขาด แม้แต่ฟ้าดินยังลงโทษบันดาลให้ฝนฟ้าตกลงมาขับไล่พวกเผาบ้านเผาเมือง ไม่จงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ หนีกันกระเจิง บางคนก็วิ่งหนีหลบฝนหกล้มได้รับบาดเจ็บ เกรงกลัวว่าฟ้าจะผ่าเอา เพราะเป็นพวกบาป ระวังกรรมจะตอบสนอง ย้อนกลับสู่พวกกระทำผิดเพราะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ พวกเราต้องออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายรักษาความมั่นคงแห่งชาติจับกุมพวกม็อบเหล่านี้มาดำเนินคดีอย่างหนัก" อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงกล่าว
    วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ พร้อมพวก ที่จัดคาร์ม็อบเมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณแยกอโศกถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นการใช้สิทธิเกินรัฐธรรมนูญ ขัดต่อ พ.ร.ก.และพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมีความผิด พ.ร.บ.จราจร และมาตรา 116 มาตรา 215 และมาตรา 216 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หากปล่อยไว้จะเกิดความย่ามใจ จัดการชุมนุมส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
    นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 43 พ.ร.บ.จราจรอย่างจริงจัง ให้ยึดรถที่เข้าร่วมการชุมนุมไว้ดำเนินคดีทันที ซึ่งการชักชวนและนัดกันชุมนุมของนายณัฐวุฒิ นายสมบัติ และแกนนำที่ก่อให้เกิดความรุนแรง มีการพกพาอาวุธเข้ามาในที่ชุมนุมด้วยนั้น ถึงที่สุดแกนนำต้องรับผิดชอบทั้งหมด จะหลีกเลี่ยงไม่ได้
    "ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รวมถึงผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ไม่ควรย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการชุมนุมรายวัน สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ที่รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนตุลาคมนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร" นายศรีสุวรรณระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"