กรมอุตุเตือนฝนยังหนัก 10จังหวัดจมบาดาลต่อ


เพิ่มเพื่อน    

 

กรมอุตุฯ แจ้งฝนตกหนัก   "เหนือ-อีสาน-ใต้-กทม.และปริมณฑล"  เตือน ปชช.ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก "ปภ." สรุปผลกระทบ "เตี้ยนหมู่" เกิดอุทกภัย 14 จว. 55 อำเภอจมบาดาล เดือดร้อน 13,930 ครัวเรือน ดีขึ้นแล้ว 4 จว. เหลืออีก 10 จว.ระดับน้ำยังสูง  "บขส." แจ้งหยุดเดินรถหลายเส้นทาง "ทร." นำเรือเร่งผลักดันน้ำคลองสาขาออกเจ้าพระยาเตรียมรับมวลน้ำเหนือ "บิ๊กปั๊ด" สั่ง ตร.ดูแลบ้าน ปชช.หวั่นขโมยลักทรัพย์สินซ้ำเติม

    เมื่อวันที่ 26 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย
    ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคกลาง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียง ใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้  และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้นได้
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
    ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ ตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ย. เกิดอุทกภัยใน 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง  ตาก สุโขทัย พิจิตร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา รวม 55 อำเภอ 178 ตำบล 839 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผล กระทบ 13,930 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก) ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจ ความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชน
    โดยสถานการณ์ 10 จังหวัดนั้น จ.สุโขทัย เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง อำเภอสวรรคโลก อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอศรีนคร อำเภอคีรีมาศ อำเภอทุ่งเสลี่ยม อำเภอกงไกรลาศ อำเภอบ้านด่านลานหอย และอำเภอศรีสัชนาลัย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง อำเภอคีรีมาศ และอำเภอเมืองสุโขทัย โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้น จ.พิจิตร ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบึง นาราง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล อำเภอสามง่าม และอำเภอดงเจริญ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ระดับน้ำทรงตัว ชัยภูมิ เกิดฝนตกหนักและลำน้ำชีเอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอจัตุรัส อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอเนินสง่า และอำเภอบ้านเขว้า ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
จว.พื้นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมขัง
    จ.นครราชสีมา เกิดฝนตกหนัก น้ำล้นอ่างเก็บน้ำเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านขุนทด อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอพิมาย รวม 9 ตำบล 21 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว จ.ขอนแก่น เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกโพธิ์ไชย และอำเภอมัญจาคีรี ปัจจุบันยังคงมีน้ำ ท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำทรงตัว จ.อุบลราชธานี เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ปัจจุบันอำเภอเมืองอุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับ น้ำทรงตัว จ.นครสวรรค์ เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลาดยาว อำเภอหนองบัว อำเภอชุมแสง อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอชุมตาบง อำเภอแม่วงก์ อำเภอแม่เปิน อำเภอตาคลี อำเภอพยุหะคีรี และอำเภอไพศาลี รวม 21 ตำบล 73 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำทรงตัว
    จ.ชัยนาท ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์  อำเภอวัดสิงห์ อำเภอเนินขาม และอำเภอหันคา รวม 6 ตำบล 23 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว จ.สิงห์บุรี เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ปัจจุบัน ระดับน้ำทรงตัว จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา และอำเภอบางบาล รวม 25 ตำบล 134 หมู่บ้าน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
    ปภ.ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ซึ่ง ปภ.ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง
    ด้านนายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวถึงการเดินรถในพื้นที่น้ำท่วมว่า ได้สั่งกำชับไปยังทุกฝ่าย โดยเฉพาะนายสถานีเดินรถในส่วนภูมิภาคให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ย. ได้รับแจ้งจากสถานีเดินรถหล่มสัก และสถานีเดินรถเพชรบูรณ์ว่าเส้นทางช่วงพุขาม-พุเตย ทั้งขาขึ้นและขาล่องน้ำท่วมสูงรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ จึงต้องหยุดวิ่งให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ-หล่มสัก (เที่ยวไป-กลับ) จำนวน 4 เที่ยวชั่วคราว และให้ผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้วสามารถเลื่อนการเดินทางหรือคืนตั๋วโดยสารได้
    ส่วนทางสถานีเดินรถสุโขทัย ได้รายงานว่าระดับน้ำในจังหวัดสุโขทัย และเส้นทางเข้า-ออกสถานีขนส่งฯ มีน้ำท่วมสูง รถโดยสารไม่สามารถเข้าใช้สถานีขนส่งฯ ได้ จึงให้รถโดยสารสายอุตรดิตถ์ สาย 100 ใช้เส้นทาง นครสวรรค์-พิษณุโลก-อำเภอกงไกรลาศ-สุโขทัยแทน และให้รับ-ส่งผู้โดยสารที่บริเวณหน้าปั๊ม ปตท. ใกล้แยกบางแก้ว (แยกโตโยต้า) เป็นการชั่วคราว จนกว่าระดับน้ำจะลดลงเป็นปกติ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบต่อไป
    สถานีเดินรถชัยภูมิได้รายงานว่าระดับน้ำในจังหวัดชัยภูมิและเส้นทางเดินรถโดยสารสายที่ 5 และสายที่ 29 มีระดับน้ำท่วมสูง ช่วงหนองบัวโคก-จัตุรัส ทล.201 รถโดยสารไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จึงให้รถโดยสารสายกรุงเทพฯ-หนองบัวลำภู และกรุงเทพฯ-เชียงคาน ใช้เส้นทาง ทล.202 ผ่านอำเภอสีดา เข้าจังหวัดชัยภูมิแทนเป็นการชั่วคราว จนกว่าระดับน้ำจะลดลงเป็นปกติ
    "ได้กำชับให้พนักงานขับรถ เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่และเช็กสภาพความพร้อมของรถโดยสารก่อนออกเดินทาง หากพบเส้นทางใดมีน้ำท่วมไม่สามารถสัญจรได้ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าว
ระบายเจ้าพระยารับน้ำเหนือ
    จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนลำคันฉู ต.โคกเพชรพัฒนา อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ได้ทยอยปล่อยน้ำจากเขื่อน ส่งผลให้โรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์น้ำท่วมทันทีถึงหลังคา รถฉุกเฉิน อาคารบ้านเรือนหลายตำบลท่วมจมบาดาล ถนนทุกเส้นทางผ่าน อ.บำเหน็จณรงค์ถูกตัดขาด รถยนต์ทุกประเภทเข้า-ออกไม่ได้แล้วตั้งแต่ช่วงค่ำ ชาวบ้านต่างเร่งขนสิ่งของขึ้นที่สูง
    วันเดียวกัน น.อ.อัศมัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ พร้อมกำลังพลสังกัดกรมอู่ทหารเรือ พระจุลจอมเกล้า ได้ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำ เข้าประจำการตามคลองต่างๆ ซึ่งจุดระบายน้ำที่สำคัญรวม 5 จุด ได้แก่ คลอง 4 ต.บางปลา, คลองสุวรรณภูมิ หน้าสนามบินสุวรรณภูมิ ต.บางโฉลง, คลองกิ่งแก้ว คลองขุด ตำบลบางพลีใหญ่ และคลองสำโรง โดยจะทำการผลักดันน้ำวันละ 16-20 ชั่วโมงต่อวัน รองรับปริมาณน้ำที่จะระบายลงมาจากหลายจังหวัดทั้งอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานคร และพายุ ซึ่งภารกิจผลักดันน้ำจะสามารถเพิ่มการไหลเวียนของมวลน้ำไปยังประตูระบายน้ำได้เร็วขึ้น โดยเรือผลักดันน้ำจะทำงาน 16-20 ชั่วโมงต่อวัน โดยทาง อบต.บางพลีใหญ่ ได้สนับสนุนน้ำมันดีเซลวันละ 1,000 ลิตรในภารกิจผลักดันน้ำ
    น.อ.อัศมัยกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสานจากนายอำเภอบางพลี ทางกองทัพเรือได้นำเรือผลักดันน้ำจำนวน 26 ลำเข้ามาทำการผลักดันน้ำตามคลองสายหลักในการระบายน้ำในเขตอำเภอบางพลี ซึ่งในการดำเนินการในครั้งนี้ต้องมีการร่วมกันพิจารณาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอำเภอบางพลี และหน่วยงานท้องถิ่นและชลประทาน เพราะว่าหน้าที่เราคือมาให้การสนับสนุนการเร่งระบายน้ำ เพราะฉะนั้นผู้นำท้องถิ่นจะรู้ดีว่าจุดไหนมีน้ำท่วมขังนาน และเราก็จะไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบายน้ำ เพราะทำการวางจุดเรือผลักดันน้ำ
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.หญิงศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม และห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เร่งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตรวจตราบ้านเรือนประชาชน ป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้ามาฉวยโอกาสก่อเหตุซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
    นอกจากนี้ ได้กำชับให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เตรียมความพร้อมทั้งกำลังพลและอุปกรณ์ ยานพาหนะต่างๆ เพื่อรองรับภารกิจอย่างเร่งด่วน รวมถึงประชาสัมพันธ์การติดต่อขอรับความช่วยเหลือการสอบถามเส้นทางการจราจรให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถโทรศัพท์สอบถามมายังสายด่วน 191,  สายด่วน 1193 หรือสายด่วน 1599  ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"