ยกกาลามสูตรสยบทำลายพุทธ


เพิ่มเพื่อน    

    "พงศ์พร" ยกกาลามสูตร อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ สยบข่าวลือ พศ.จ้องทำลายศาสนา ยันไม่มีอำนาจจัดการบัญชีทรัพย์สินวัด เป็นหน้าที่ของ มส. ลั่นเตรียมรับมือม็อบพระแล้ว ถ้ามาจะถามมีหลักใดในพระพุทธธรรมบ้างที่ให้ใช้ความรุนแรง ส่วน "บิ๊กป้อม" ยังไม่ได้รับรายงาน เยอรมนีรับคำร้องลี้ภัยของ "เมธี" แล้ว
    เมื่อวันพุธ เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมรัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 17/2561 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมด้วยกรรมการ มส. และ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าร่วมประชุม โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 25 นาที
    จากนั้นเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.พงศ์พรแถลงภายหลังการประชุมว่า กว่า 2,500 ปีที่ผ่านมา พระพุทธองค์ทรงสอนพระสูตรบทหนึ่งในกาลามสูตรว่า อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ หากไม่เห็นเป็นประจักษ์แจ้งด้วยเหตุและผล ขอให้อย่าไปเชื่อ เช่นเดียวกับข่าวลือทั้งหลาย ที่ท่านต้องพิจารณาด้วยตนเอง ซึ่งข่าวต่างๆ ที่ออกมา ต่างมีผู้รับผิดชอบ บางรายโดนตำรวจเรียกตัวไปแล้ว 
    สำหรับกรณีความเข้าใจที่ว่าสำนักพุทธฯ จะจัดการบัญชีทรัพย์สินของวัดนั้น ขอยืนยันว่า พศ.เองไม่มีอำนาจในการดำเนินการส่วนดังกล่าว เพราะการปกครองของคณะสงฆ์มีผู้ปกครองสูงสุดคือสมเด็จพระสังฆราช และมี มส.เป็นองค์กรปกครองสูงสุด ซึ่งทำหน้าที่แก้กฎสำหรับใช้ปกครอง เทียบได้เป็น พ.ร.บ.มส.จึงเปรียบเป็นสภาและรัฐบาลสงฆ์ ขณะที่มติที่ออกมาเทียบได้กับมติ ครม. 
    พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการบังคับสงฆ์หรือวัด ต้องออกผ่าน มส.เท่านั้น หนังสือที่มีการนำไปตีความแปลกแยกกันไป เมื่อพิจารณาแล้ว พศ.ต้องการเพียงตัวอย่างวัดที่จัดการเรื่องเงิน และนำไปศึกษาว่าสามารถทำได้หรือไม่เท่านั้น ซึ่งบางกรณีมีการใส่ร้ายจนอาจก่อให้เกิดความแตกแยกได้ ซึ่งในเบื้องต้นได้วัดตัวอย่างมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
    กรณีตรวจสอบข้าราชการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดนั้น ผอ.พศ.กล่าวว่า ไม่ขอระบุจำนวน รายละเอียด แต่บอกได้เพียงว่ามีหลายรายที่ถูกไล่ออกไปแล้ว และยังมีบางส่วนที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีการดำเนินการตามขั้นตอน
แจงกรณีจับสึกสงฆ์
    เมื่อถามว่า จะเดินทางไปแจ้งความคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตต่อไปที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เมื่อไร เนื่องจากมีการทวงถามมาจากฝั่ง ปปป. พ.ต.ท.พงศ์พรตอบว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน
    ถามว่า กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่าอาจมีการดำเนินการพร้อมระบุชื่อวัดบางแห่ง วัดเหล่านั้นเคยได้เงินจาก พศ.ในปี 2557 หรือไม่ เขาตอบว่า "การกล่าวอ้างในครั้งนั้น ถ้าน้องดูว่าผู้กล่าวอ้างโดนอะไรบ้างในขณะนี้ ซึ่งสิ่งที่เขากล่าวอ้างอยู่ระหว่างการพิสูจน์ แต่มีข้อสงสัยว่าเป็นเท็จจึงได้ถูกดำเนินคดีกรณีนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือความสับสน"
    ซักต่อว่า มีรายงานกรณีติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตกรรมการ มส.ในที่ประชุมหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่การตามตัว แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมชั้นก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครอง คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ทาง พศ.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้คำตอบแทนไม่ได้  
    เมื่อถามว่า กรณีที่พระสงฆ์บางรูปโดนจับสึก โดยไม่ได้มีโอกาสชี้แจง เป็นการละเมิด ป.วิอาญาและรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผอ.พศ.แจงว่า คดีทั้งหมดประกอบด้วยการกระทำ 2 ส่วน ได้แก่ 
    1.การจัดสรรงบประมาณโดยมิชอบ ซึ่งผู้รับผิดคือเจ้าหน้าที่และบุคคลอื่น ทั้งบรรพชิตและฆราวาส หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่จะผิดในฐานะผู้สนับสนุน อำนาจดำเนินคดีในส่วนนี้เป็นของ ป.ป.ช. ตำรวจสอบเบื้องต้นแล้วต้องส่งไปยัง ป.ป.ช. ก่อนดำเนินการวินิจฉัยเพื่อส่งอัยการต่อไป
    2.หลังจากมีจำนวนเงินออกมาแล้ว เงินนั้นเป็นทรัพย์สินตามกฎหมายฟอกเงิน ที่เรียกได้ว่าทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำผิด เมื่อการกระทำผิด การจัดสรรงบเป็นความผิดฐานทุจริต จึงเป็นมูลฐานหนึ่งในกฎหมายฟอกเงิน  
    เขากล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสอบสวนคดีอาญาเกี่ยวกับความผิดฐานฟอกเงิน โดยผู้ที่ทำหน้าที่ยักย้ายถ่ายเทต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งอำนาจในส่วนนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ไม่ได้ระบุไว้ว่าให้หน่วยงานใดทำ แต่เป็นเหมือนคดีอาญาตามปกติ อำนาจจึงเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดี ซึ่งผู้กระทำผิดคือผู้ที่รับเงินจากพศ. ส่วนขั้นตอนการยักย้ายถ่ายเทจะเป็นใคร ก็ให้ว่ากันไป ซึ่งเมื่อสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวจากทางเลขาฯ ป.ป.ช.ว่าจะส่งเรื่องดังกล่าวมาให้ตำรวจทำต่อ
กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย
    “ประเทศที่เจริญแล้ว การบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นใหญ่ เพียงแต่อำนาจของผู้ดำเนินคดีมีหลายองค์กร การปฏิบัติ อาจแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายของวิธีพิจารณาคดีอาญาก็คือ คนบริสุทธิ์ต้องได้รับความคุ้มครอง คนผิดจะต้องถูกลงโทษ และหนี้สินต้องได้รับการชดใช้ ซึ่งความผิดทางอาญาทาง ปปง.จะตอบได้” ผอ.พศ.กล่าว
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่จะมีการระดมพระสงฆ์มาชุมนุมที่พุทธมณฑล ในวันที่ 25 มิ.ย. เพื่อคัดค้านการจับกุมอดีตพระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต เงินทอนวัด ได้มีเตรียมการอย่างไรบ้าง พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ถ้าท่านมาตนก็จะไปกราบท่าน และมีหลักใดในพระพุทธธรรมบ้างที่ให้ใช้ความรุนแรง
    ถามถึงความกังวลใจต่อกรณีกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินฟ้องร้องให้เอาผิด ผอ.พศ. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ในฐานความผิด ม.157 ฐานเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัว” 
    ในส่วนกระแสข่าวลือว่าการเข้ามาของ ผอ.พศ. จะทำลายพระพุทธศาสนานั้น พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า เห็นตนเป็นเสือสิงห์หรือเป็นยักษ์มาร ปิศาจอะไรกัน เป็นเพียงแค่ชาวพุทธคนหนึ่ง แม้ว่าจะนามสกุลพราหมณ์เสน่ห์ แต่ถ้าดูทะเบียนบ้าน ตนคือชาวพุทธ พ่อแม่ตนก็ด้วย
    ซักว่าทาง พศ.จะไปแจ้งร้องทุกข์ในคดีเงินทอนวัดล็อต 4 หรือไม่ ผอ.พศ.ตอบว่า การแจ้งความร้องทุกข์ต้องมาจากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นให้เรียบร้อยว่ามีเหตุก่อน และมีหนังสือให้เรา แต่ว่าอย่าเพิ่งพูดกันถึงขั้นนั้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ค่อยให้ข่าวอยู่แล้ว ถ้าตนพูดเรื่องนี้ก็จะมีปัญหา
    ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะรองโฆษก พศ. แถลง ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้พระเทพเมธี (สมเกียรติ โกวิโท) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามฯ เดิมรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามฯ เป็นเจ้าอาวาสวัด และแต่งตั้งให้พระดิลกโมลี ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดลำปาง
    ทั้งนี้ ก่อนการประชุม มส.ที่ห้องประชุมรัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ แกนนำกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน และกลุ่มเพื่อทนายปกป้องพระพุทธศาสนา ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่อง ขอให้พระสงฆ์ทั่งราชอาณาจักร แจ้งข้อกล่าวหาสำนักงาน พศ. ผ่านนายสิปป์บวร  
ยุเจ้าอาวาสแจ้งความ
    โดยหนังสือดังกล่าวมีข้อความระบุตอนหนึ่งว่า  สถานการณ์ปัจจุบัน พระสงฆ์จำนวนมากถูก พ.ต.ท.พงศ์พรร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งเรื่องทุจริตเงินทอนวัด การฟอกเงิน การใช้เงินผิดประเภท ทำให้พระสงฆ์หลายรูปถูกจับสึกอยู่ในขณะนี้ ทั้งยังไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งใช้กำลังจับกุมราวกับพระสงฆ์เป็นอาชญากรแผ่นดิน ขณะที่มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง ว่าจะมีการจับกุมล็อตอื่นๆ ไปเรื่อย อันเข้าข่ายคุกคามและเบียดเบียนพระสงฆ์ จึงขอให้ มส.แจ้งต่อพระสงฆ์ทั่วประเทศทุกวัดที่ได้รับงบประมาณจาก มส. ดังนี้
    1.ให้เจ้าอาวาสหรือตัวแทนเจ้าอาวาส ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ณ สถานีตำรวจท้องที่ ว่างบประมาณที่ได้จาก พศ.นั้น อาจเป็นงบประมาณผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ที่ขอไป หากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางวัดว่าใช้งบประมาณผิดประเภท เงินทอนวัด หรือฟอกเงิน ทางวัดจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พศ. และ ผอ.พศ. จนถึงที่สุด และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไว้ก่อน พร้อมให้ตำรวจท้องที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ร่วมกับการแจ้งให้พระ สามเณร ในวัด รวมทั้งอุบาสกและอุบาสิกาเป็นพยานบุคคลไว้
    2.ให้เจ้าอาวาสหรือตัวแทนเจ้าอาวาส ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จังหวัดไว้ทุกจังหวัด โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของงบประมาณดังกล่าว ที่ทางวัดได้มาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อ ป.ป.ช.จังหวัดจะได้กันวัดไว้เป็นพยาน และเป็นผู้เสียหายในคดีต่อไป และให้ดำเนินคดีกับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่รับเงินทอนจากวัดในประเทศข้อหาฉ้อโกงเงินทอนวัด
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ประเทศเยอรมนีรับคำร้องขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธี หรือนายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ว่ายังไม่ได้รับรายงานและไม่มีเอกสารใดๆ ส่งมา เป็นการพูดไปเองกันทั้งนั้น พร้อมถามกลับว่า ข่าวที่ไหน และใครเป็นคนพูด
    เมื่อถามย้ำว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รายงานเรื่องดังกล่าวหรือไม่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่มี ผบ.ตร.บอกว่าไม่มีคือไม่มี
    ถามถึงกรณีที่ทางการเยอรมนีขอเวลา 2 เดือน เพื่อตรวจสอบเอกสารขอลี้ภัยนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่พูดแล้ว ถามอยู่นั่นแหละ
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าดังกล่าว และปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้
    นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีภาพพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และเลขานุการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ แต่งกายในชุดฆราวาสกับผู้หญิงคนหนึ่งว่า ได้ข่าวมาว่าเขาลาสิกขาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ กำลังให้ พศ.ไปตรวจสอบอยู่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"