ทักษิณอ่วม!หมายจับอีก คดีปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย


เพิ่มเพื่อน    

    "ทักษิณ" เจอหมายจับอีก! รื้อคดีปล่อยกู้กรุงไทย ศาลฎีกานัดตรวจหลักฐาน 26 ก.ย. พิจารณาลับหลังจำเลย "มาร์ค" ยกคุก 2 ปี "ปึ้ง" อุทาหรณ์นักการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เอื้อพวกพ้อง
    ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน เวลา 13.30 น. ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มกฤษดามหานคร 
    โดยการยื่นฟ้องในคดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้รับมอบอำนาจจากอัยการสูงสุด ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อจากคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร หมายเลขดำที่ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2555 และศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยอื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 
    แต่นายทักษิณหลบหนีไป โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้านายทักษิณตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 ที่บัญญัติสาระสำคัญว่า ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามมาตรา 27 ที่เมื่อศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว  แต่จำเลยไม่มาศาล ให้ศาลออกหมายจับจำเลย และให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องติดตามหรือจับกุมจำเลย รายงานผลการติดตามจับกุมเป็นระยะตามที่ศาลกำหนด แต่ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดี
    โดยในวันนี้อัยการโจทก์เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดเดินทางมา
    องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่านายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่เดินทางมาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 พร้อมให้โจทก์รายงานผลการจับกุม ให้ศาลรับทราบทุกเดือน ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งเเรก ให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 26 ก.ย.2561 เวลา 13.30 น. โดยให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน และให้ส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายจับที่ออกในคดีนี้ ถือเป็นหมายจับในคดีที่สองที่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาลับหลังจำเลย หลังจากคดีแรกที่นายทักษิณถูกออกหมายจับในคดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต
    ทางด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตัดสินจำคุกนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.การต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี กรณีออกพาสปอร์ตให้นายทักษิณโดยมิชอบว่า ย้ำมาตลอดว่านักการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ยึดหลักความถูกต้อง ถ้าไปโอนอ่อนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด นายสุรพงษ์ยังมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ได้
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
ศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา นายสุรพงษ์ โดยชี้ว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องโทษ บั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะบอกว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริงๆ ทำไมทั้งอดีตนายกฯ และรัฐมนตรีหลายคนจึงมีจุดจบอย่างที่เห็น สงสัยคงต้องมาทำความเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยกันใหม่ ทั้งนี้ ขอร่วมขอบคุณและให้กำลังใจอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน คือ นายกษิต ภิรมย์ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ที่มีส่วนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และขึ้นเบิกความเป็นพยานศาลในคดีนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"