โหมโรงเลือกตั้งใหม่ กกต.ร่อนหนังสือให้เตรียมพร้อม/ศึกใน‘พปชร.’ส่อเค้าเดือด


เพิ่มเพื่อน    

เลขาธิการ กกต.ส่งหนังสือแจ้งทุกพรรคการเมืองให้เตรียมพร้อมเลือกตั้ง กำชับให้เร่งทำตามกฎหมาย ยันไม่เกี่ยวข่าวลือจ่อยุบสภา พปชร.ร้องจ๊าก ส่อแววหาช่องเลิกไพรมารีโหวต พรรคลุงฉิ่งทำ พปชร.ฟาดปากกันยับ "สิระ-สุชาติ" คู่ปรับ เจอกันวันนี้ที่สงขลา หอบใบลาออกไปให้ เพื่อนบิ๊กตู่ลากไส้ ส.ส.ก๊วนใต้ได้เงินไป 7 ล้าน จวกวัวลืมตีน ปชป.ฮึด จี้นายกฯ คลาย 4 กรมคืนให้จุรินทร์ 
    เมื่อวันที่ 2 ต.ค.64 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงนามหนังสือส่งถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคการเมือง เรื่อง การเตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป
    โดยหนังสือดังกล่าวมีประเด็นหลัก 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.การดำเนินการให้มีสมาชิกพรรคการเมือง โดยพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 24, 25, 26, 27 ตามพระราชบัญญัติ​ประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.) ​ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ข้อ 24, 25 ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมืองและประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่องสมาชิกพรรคการเมือง โดยเฉพาะการบันทึกข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองให้เป็นปัจจุบัน 2.การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง 3.การแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และ 4.การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารดังกล่าวที่ลงนามโดยเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นเอกสารจริงที่นายทะเบียนพรรคการเมืองส่งให้กับพรรคการเมืองทุกพรรค แต่เป็นเพียงขั้นตอนการประสานงานกับพรรคการเมืองให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งโดยปกติแล้วนายทะเบียนพรรคการเมืองจะประสานทั้งทางหนังสือที่เป็นเอกสารและทางโทรศัพท์ เพื่อย้ำเตือนพรรคการเมือง โดยเฉพาะ ข้อ 4 ในเรื่องการสรรหาผู้สมัคร เนื่องจากจะต้องแบ่งเขตใหม่ 400 เขต จะทำให้เขตเลือกตั้งเปลี่ยนจากเดิม ดังนั้น จังหวัดที่เขตเลือกตั้งเพิ่ม ควรรอการสรรหาผู้สมัครไว้ตามความเหมาะสม 
    อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากสำนักงาน กกต. ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เกี่ยวกับกระแสการเมืองที่จะมีข่าวในเรื่องการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ หากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ 
    ด้านความเห็นจากพรรคการเมืองต่อกรณีดังกล่าว นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า พรรคได้รับหนังสือแล้ว แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียด เพราะลงพื้นที่ต่างจังหวัด โดยฝ่ายกฎหมายจะวิเคราะห์ประเด็นออกมา รายละเอียดเบื้องต้นให้เตรียมผู้สมัคร หากรอประกาศเลือกตั้ง อาจดำเนินการไม่ทัน เพราะต้องเริ่มที่ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดในแต่ละเขต ต้องมีการจัดประชุมและเสนอชื่อเข้ามา ทาง กกต.จึงแจ้งว่ากระบวนการเหล่านี้สามารถทำก่อนได้เลย ไม่ต้องรอสามารถทำรอล่วงหน้าไว้ได้ไม่เป็นไร
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเรื่องการเตรียมเลือกตั้งสมัยหน้าเข้าหารือในประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.เมื่อใด นายบุญสิงห์กล่าวว่า หลังจากที่ดูรายละเอียดครบเรียบร้อยแล้วจะเสนอเข้าที่ประชุมของกรรมการบริหารพรรค แต่ประเด็นนี้พรรคยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือ เพราะเวลานี้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 
    เมื่อถามว่า การส่งหนังสือให้เตรียมพร้อม ถือเป็นการส่งสัญญาณยุบสภาหรือไม่ นายบุญสิงห์กล่าวว่า ยัง และถ้าการเลือกตั้งเที่ยวหน้าใช้กระบวนการเหล่านี้เต็มรูปแบบจะค่อนข้างยากมาก โดยเฉพาะพรรคที่ยังไม่มีการเตรียมพร้อม  ยังไม่มีสมาชิกแต่ละเขตเลือกตั้งถึง 100 คน ยังไม่มีการตั้งตัวแทนประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งจะลำบาก
    ส่วนทางพรรคเพื่อไทยก็มีความเห็นเช่นกัน โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หนังสือดังกล่าวเป็นการแจ้งให้พรรคการเมืองปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดให้การส่งผู้สมัค ส.ส.ต้องดำเนินการขั้นตอนต่างๆอาทิ การจัดตั้ง สาขาพรรคการเมือง การแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดและการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. 
    เมื่อถามว่า มองว่าหนังสือดังกล่าวเป็นสัญญาณเลือกตั้งในเร็วๆ นี้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ แต่เข้าใจว่า กกต.มองว่าในปัจจุบันพรรคการเมืองหลายพรรคยังไม่ได้จัดตั้งสาขาครบตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นการแจ้งเตือนเพื่อเตรียมความพร้อมเท่านั้น แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเราดำเนินการในส่วนนี้ไปมากแล้วขาดตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดในบางพื้นที่เท่านั้น แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปเราจะส่งทุกเขตเลือกตั้งเรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการต่อไป
สุชาติลากไส้ 13 ส.ส.ใต้ พปชร.
    ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐก็น่าสนใจเช่นกัน  หลังมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งพรรคการเมืองของนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีกระแสข่าวอาจได้เป็น รมช.มหาดไทย ในการปรับครม.ที่จะมีขึ้น โดยการตั้งพรรคดังกล่าว จะมี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรค พปชร. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.ไปร่วมด้วย 
    โดยผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พปชร.ว่า ภายหลังจากที่ พ.อ.สุชาติประกาศจะลาออกจากพรรคเพื่อไปร่วมงานในพรรคการเมืองใหม่กับนายฉัตรชัย มีรายงานว่า วันที่ 4 ต.ค.นี้ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ ส.ส.ภาคใต้ของพลังประชารัฐ เช่น นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา, นายอรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา พรรค พปชร. โดยหลังเสร็จภารกิจ นายสิระจะเดินทางไปพบ พ.อ.สุชาติ เพื่อนำใบลาออกจากพรรค พปชร.ไปให้เซ็น
    ด้าน พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล กล่าวถึงกรณีแกนนำและ ส.ส.ภาคใต้พรรค พปชร. วิจารณ์ว่าเสียมารยาทหากจะชวน ส.ส.พปชร.ไปร่วมงานกับพรรคใหม่ ว่าไม่เคยไปชักชวน ส.ส.พปชร.แม้แต่คนเดียว เพราะการตัดสินใจเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ส่วนที่จะย้ายไปคือผู้ที่ทำงานในการอำนวยการเลือกตั้งของภาคใต้ร่วมกันมา และยังไม่ได้เจาะจงว่าจะไปอยู่กับพรรคไหน คำว่าพรรคใหม่ อาจเป็นพรรคตั้งใหม่หรือพรรคที่มีอยู่เดิมก็ได้​ เวลานี้ยังเป็นเจ้าไม่มีศาล เพราะต้องขอรอดูความชัดเจนในขั้นตอนธุรการของพรรคนั้นๆก่อนที่จะไปร่วมงาน แต่ที่พูดชัดคือพรรคที่จะไปต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้นที่ ส.ส.ใต้แต่ละคนออกมาวิจารณ์ว่าตนไปชวนนั้นเพี้ยน
    “ที่ออกมาพูดถึงผม ผมก็สร้าง ทำทางมาให้ทั้งนั้น มาจากพวกอำนวยการเลือกตั้ง ทำทางไว้ให้​ อย่ามาปฏิเสธ ขอท้าทั้ง 13 คน ให้มาพูดตัวต่อตัวว่าผมเคยไปชวนหรือไม่ โดยเฉพาะนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ถ้าไม่มีผมไม่ได้เป็นส.ส. ให้ย้อนไปถึงตอนที่ต้องไปลาออกจากมหาวิทยาลัย ใช้เงิน​ 7 ล้านบาทเพื่อจะมาลง ส.ส. ไม่ใช่เงินที่มาจากพรรคพปชร. แต่มาจากเบี้ยที่ พ.อ.สุชาติและทีมงานช่วยกันหามา ขอให้เข้าใจใหม่ อย่าอวดตัว อวดเก่ง อย่าเป็นวัวลืมตีน” พ.อ.สุชาติกล่าว 
    พ.อ.สุชาติกล่าวว่า ส่วนที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ระบุจะนำเอกสารการลาออกจากสมาชิกพรรคพปชร.มาให้เซ็นนั้น ก็คอยอยู่ให้มาเจอ จะบอกว่าใบเดียวน้อยเกินไป ไม่พอ ให้กลับไปเตรียมมาใหม่เป็นพันใบ เพราะสมาชิกในภาคใต้ที่ช่วยกันหามาก็พร้อมที่จะออกด้วย 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า​ จากกระแสข่าวย้ายพรรค อาจสร้างความไม่พอใจให้แกนนำ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 
พ.อ.สุชาติกล่าวว่า เกมของคนที่มีตำแหน่งในพรรคบางคน เขาต้องการทำลาย และสร้างคนใหม่ ทำลายคนเก่าออกไป​ และสร้างคนใหม่ของเขาขึ้นมาแทนในแต่ละที่ เช่นในการเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาครั้งที่ผ่านมา
    นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า การปรับ ครม.น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีรัฐมนตรีช่วยสองคนออกไป เชื่อว่านายกรัฐมนตรีพิจารณาอยู่ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะเลือกความเหมาะสมเข้ามา ถ้าทีมเศรษฐกิจหากดูแล้วไม่เพียงพอ การเสริมทีมด้านนี้ก็สามารถทำได้ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน หรืออาจจะเป็นคนในพรรคที่จะมาร่วมทำงานเสริมสร้างความเข้มแข็งในพรรคให้ดียิ่งขึ้น แต่ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ ส่วนตัวคิดว่ามีประโยชน์ทั้งสองทาง พร้อมย้ำว่าการปรับ ครม.ในครั้งนี้จะส่งผลดีเพื่อที่จะมีคนเก่งเข้ามา ช่วยทำงานให้บ้านเมือง เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกคนดีมีความรู้ความสามารถ ส่วนจะเป็นคนใน คนนอกพรรค ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ยืนยันภายในพรรคพลังประชารัฐไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ คนในพรรค ทั้ง ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคทำงานด้วยกันดี มีแต่คนนอกพรรคเท่านั้นที่พูด คนในพรรคยืนยันจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ประชุมร่วมรัฐสภาก็โหวตทุกกฎหมายให้ผ่านหมดไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันภายในพรรคยัง รักกันเหมือนเดิม ข่าวที่ออกไปเป็นเพียงคนนอกที่พูดคนในพรรคไม่เคยพูด
    ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ จะเดินทางไปจังหวัดสงขลา เอาเอกสารให้ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ลาออกจากสมาชิกพรรค ยืนยันว่า พ.อ.สุชาติไม่ได้เป็น ส.ส.หรือกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นอย่าเอาคนนอกหรือคนไม่เกี่ยวข้องมาเป็นประเด็น เนื่องจากบางคนอาจจะเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างอาจไม่สมหวัง ก็มีการสร้างข่าวสร้างกระแสขึ้นมา พร้อมย้ำคนส่วนใหญ่ในพรรคยังรักและสามัคคีร่วมใจกันทำงานกันด้วยดีไม่มีปัญหาใดๆ เมื่อเปิดสมัยประชุมสภามาก็เร่งผลักดันกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดคุยกันหมดแล้ว
ปชป.อัดพปชร.ให้เกียรติกันบ้าง 
    ด้านความเคลื่อนไหวในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พรรคจะเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ไม่มีนัยใดๆ ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับปัญหาการกำกับดูแล 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ แต่อย่างใด เป็นเพียงการพูดถึงแนวทางหลักการของพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบันและคุณสมบัติของนายจุรินทร์ มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์ทันสมัย ก้าวหน้า ทำงานไว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน โดยเฉพาะความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์โควิด-19 ไม่ใช่การบลัฟนายกรัฐมนตรี
     ต่อคำถามที่ว่า ปัญหาเรื่อง 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ จะสร้างรอยร้าวถึงขั้นถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอลงกรณ์ตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น กรณีดังกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งในเชิงนโยบาย แต่เป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในการมอบหมายงานของนายกรัฐมนตรี ที่เดิมนายจุรินทร์กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ แต่มาแก้ไขคำสั่งให้รองนายกรัฐมนตรีอีกคน (พล.อ.ประวิตร) มากำกับดูแล 4 กรมแยกออกไปทำให้เกิดความสับสนและทับซ้อนการบริหารของรัฐมนตรีว่าการกับรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวง ซึ่งไม่เคยมีการมอบหมายงานแบบแยกส่วนเช่นนี้มาก่อน 
    "ไม่ใช่เรื่องประชาธิปัตย์ทวงคืน 4 กรมแต่เป็นประเด็นการบริหารกระทรวงและปัญหาการไม่ปรึกษาหารือกันก่อนมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ปัญหานี้แก้ไขไม่ยากหากมีความจริงใจต่อกันและให้เกียรติกัน" รองหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุ
    โดยนายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า มีข้อแนะนำ 3 ประการเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า 1.ยกเลิกคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ฉบับดังกล่าว 2.เร่งแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามโควตาของพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว 3.ควรปรึกษาหารือกับนายจุรินทร์และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในกรณีมีประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์กำกับดูแล  ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ วิพากษ์วิจารณ์ตนนั้น ไม่ถือสา แต่ต่อไปควรใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพมีสัมมาคารวะ และมีเหตุผลให้มากกว่านี้ให้สมกับความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ
    ทั้งนี้ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวไว้ก่อนหน้าการให้สัมภาษณ์ของนายอลงกรณ์ว่า การที่ นายอลงกรณ์ออกมาตำหนิถึงคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตรคุม 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าที่ผ่านมาทั้ง 4 กรมอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว โดยถือเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายเรื่องดังกล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วนายอลงกรณ์เป็นใคร มีตำแหน่งเพียงแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น จะออกมาพูดอะไรให้ดูสถานะตัวเองด้วย ต้องมีความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง จึงขอฝากให้นายเฉลิมชัยช่วยสั่งสอนที่ปรึกษาของตัวเองบ้าง ถ้าแก้พฤติกรรมเสียมารยาทไม่ได้ ก็สั่งสอนด้วยการหาขี้เถ้ามาอุดปากเสียบ้าง หรือหาตะกร้อมาครอบปาก อย่าปล่อยให้มาระรานผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง แต่ถ้านายอลงกรณ์แก่เกินแกง นายเฉลิมชัยก็ควรเปลี่ยนตัวที่ปรึกษาได้แล้ว
    นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ปชป.ว่า การเลือกตั้งในครั้งหน้า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลเช่น เลือกตั้งในครั้งหน้าจะมี ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นมาอีก 50 คน ซึ่งในภาคใต้จะน่าจะมีการเพิ่มเขตเลือกตั้งราวๆ 5-6 เขต ถือเป็นโอกาสอันดีที่พรรคจะได้ ส.ส.ในเขตภาคใต้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าทางพรรคน่าจะได้ ส.ส.ในภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 40 คน โดยพรรคมีเป้าหมายว่า ส.ส.ต้องเกินร้อย และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"