'บิ๊กตู่'คิกออฟฉีดวัคซีนนักเรียน ยันปีนี้ได้ตามเป้า150-170ล้านโดส


เพิ่มเพื่อน    

4 ต.ค. 64 - เมื่อเวลา 08.30 น. ที่โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ถ.ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนในเด็กกับพ่อแม่ผู้ปกครอง พร้อมชูมาตรการแซนด์บอกซ์ลดความเสี่ยงของโควิด-19 โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รวมถึง ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร และนายศิริพงษ์ รัสมี ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12 -18 ปี (ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า) ประมาณ 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสแรกที่ได้มาพบกับเด็กๆ จำนวนมากในวันนี้ ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกคน และยินดีมาพบครูอาจารย์ เด็กๆ บุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้แทนราษฎรที่ดูแลพื้นที่เหล่านี้อยู่ด้วย ทั้งหมดเป็นระบบการทำงานประเทศของเรา คือมีรัฐบาล มีส่วนราชการ ในฐานะเป็นฝ่ายบริหาร มีฝ่ายนิติบัญญัติ บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายตุลาการ ซึ่ง 3 อำนาจทำงานอยู่ด้วยกันร่วมกัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องปรึกษาหารือมาโดยตลอดในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลดีกับประเทศชาติบ้านเมืองและพวกเราทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้มีสถานการณ์ที่มีความห่วงใย คือ เรื่องโควิด-19 สถานการณ์อุทกภัย และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุกอย่าง จึงฝากไปถึงบรรดาครูอาจารย์เด็กๆ ทุกคนให้เข้าใจว่าประเทศชาติเราอยู่ได้อย่างไร วันนี้มีปัญหาอะไรก็แก้ไปทำให้ดีที่สุดจนกว่าจะเรียบร้อยทุกงาน ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า และตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในการพัฒนาประเทศ ภายใต้กรอบการบริหารราชการแผ่นดินของ 3 อำนาจ ที่มีการตรวจสอบถ่วงดุลกันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลไกหลักของชาติ ทุกประเทศมีแบบนี้ นอกจากนี้คนเราต้องมีวินัยและกฎหมายที่ทำให้ประเทศทุกประเทศอยู่ได้ ถ้าประเทศไม่มีกฎหมายไม่มีวินัยอะไรเลยก็อยู่ไม่ได้ ประเทศนั้นก็เป็นโจรเท่านั้นเอง นอกจากนี้วันนี้ถ้าทุกคนไม่คำนึงถึงอนาคตตัวเอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปไม่ได้หมด วันหน้าตนก็ไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว จึงขออย่าให้เสียเวลาไปเปล่าๆ

ทั้งนี้ขอขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ที่เสียสละทำงานด้วยความอดทนมา 2 ปีกว่าที่ไม่ได้หยุดพัก ขอให้เห็นใจคนทำงานด้วย ซึ่งปัญหาเรามีอยู่เยอะแยะ ทำอย่างไรลดปัญหาของประเทศให้ได้ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน อย่าสร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ถือเป็นประเด็นที่ตนเป็นห่วงในวันนี้อย่างที่สุด

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือในการมาฉีดในครั้งนี้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับเด็กมีความปลอดภัยอุ่นใจต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งโรคโควิด-19 นั้น มีผลกระทบมากมายทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ซึ่งการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องรักษาระบบนี้ให้ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อทั้งครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งวันนี้มั่นใจที่มีการบริหารจัดการการศึกษาและส่งเสริมจัดการเรียนการสอนในช่วงโควิด-19 ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครูมีบทบาทอย่างมากในการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่องทาง วันนี้ตนเห็นภาพผู้ปกครองนั่งเรียนกับลูกในกรณีที่เด็กอยู่บ้านเชื่อว่าไม่ใช่ภาระ ถ้ามีเวลาก็อยู่กับลูกกับหลาน เป็นช่วงเวลาครอบครัวที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ต้องขอโทษถ้ามีหลายคนรู้สึกเป็นภาระ แต่วันนี้ต้องมีความใกล้ชิดกันในครอบครัวมากยิ่งขึ้น เพื่อมีภูมิต้านทานในการอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป

"วันนี้เป็นการส่งเสริมและเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาให้เดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการฉีดระยะแรกให้ได้รับวัคซีนกันครบถ้วน เพื่อเตรียมเปิดเทอม และเพื่อให้ความมั่นใจผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนในโรงเรียน สำหรับวัคซีนที่ฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปนี้ เป็นวัคซีนไฟเซอร์ที่มีประสิทธิภาพและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ถ้าเราฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมในนักเรียน ครู และบุคลากรทางศึกษาก็จะทำให้การเปิดภาคเรียนที่ 2 ปี 2564 เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง" นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ตนอยากเห็นภาพทุกคนได้รับวัคซีนอย่างถ้วนหน้า แน่นอนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องการจัดหาวัคซีนมี 2 ประเภทคือวัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหา ซึ่งเป็นการเจรจาโดยภาครัฐ รัฐบาลต่อรัฐบาล แต่ละวัคซีนทางเลือกเป็นการเจรจาระหว่างผู้จำหน่ายวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนทั่วไป โดยยืนยันปีนี้วัคซีนมีเพียงพอทั้งปีนี้และไปถึงปีหน้า คาดการณ์ว่ามีวัคซีน 150 ถึง 170 ล้านโดสในปีนี้ ฉีดได้ครบถ้วนตามที่เราตั้งเป้าไว้ ย้ำว่าวันนี้ต้องเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ให้การเปิดภาคเรียนการศึกษาเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดก็เป็นไปตามแผนที่เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

อย่างไรก็ตามฝากนักเรียนช่วยกันศึกษาเรียนหนังสือและคิดว่าเราจะเรียนไปเพื่ออะไร นั่นเป็นคำตอบของตัวเองและเป็นอนาคตว่าวันหน้าจะมีงานทำและเลี้ยงดูครอบครัวได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้รัฐบาลสร้างงานรอไว้ข้างหน้าทั้งการลงทุนใน อีอีซี และการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่หลายๆอย่าง จึงฝากหลานๆทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ ว่าเราจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร ต้องมีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เรียนให้จบให้ผ่านและได้ปริญญาเพียงเท่านั้น ซึ่งการหางานไม่ใช่เรื่องง่ายนักในโลกปัจจุบัน ถ้าเราไม่เตรียมความพร้อมตัวเอง ความคิดและหลักการต่างๆ มันมีปัญหามากแน่นอน

"ขอให้ทุกคนสนใจเรื่องการเรียนให้มากที่สุด สนใจสถาบันครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติ พี่ ป้า น้า อา นั่นคือเทือกเขาเหล่ากอของเรา เหมือนผมก็มีรากเหง้าของผม ถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนไม่ต้องมีความสัมพันธ์กับใครเลยไม่ใช่ โลกใบนี้อยู่แบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรมและศาสนา สิ่งสำคัญที่สุดคือวินัย ผมอาจเป็นทหารมาก่อนได้รับการฝึกปฏิบัติมาจึงไม่เคยต่อต้านเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าเราไม่มีวินัยก็สะเปะสะปะไปเรื่อย อยากทำอะไรก็ทำ อาจรบกวนสมาชิกคนอื่น จึงขอฝากไว้ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้นนายกฯเดินให้กำลังใจนักเรียนที่มาฉีดวัคซีน โดยระบุว่า ไม่ต้องกลัว เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว แม้หากอนาคตจะติด ก็เป็นเพียงเล็กน้อย อาการไม่มาก ทั้งนี้ช่วงหนึ่ง เด็กนักเรียนรายหนึ่งมีท่าทีกลัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า "ลุงเป็นคนน่ากลัวหรือ ไม่น่ากลัวหรอก ซึ่งชีวิตของลุง เป็นทหารมาอย่างเดียว คิดอย่างเดียวไม่เคยเปลี่ยนแปลง ที่อยากเป็นทหาร เพราะตลอดชีวิต อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่มีแต่ทหาร พ่อก็เป็นทหาร ดังนั้นเป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน พุ่งเป้าไปให้ถึง คิดเพื่อตัวเองเยอะๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องเลอะเทอะ เพราะหากทำไม่ดี อนาคตก็จะเสียหาย ลุงรักทุกคน พร้อมขอให้เด็กนักเรียนทุกคนต้องรู้เป้าหมายของตัวเอง และวางเป้าหมายไว้ ถ้าอยากเป็นลิซ่าก็ต้องทำให้ได้".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"