สุริยะจ่อแถลงโชว์พลังดูด


เพิ่มเพื่อน    

     “ประวิตร” ดีเดย์นั่งหัวโต๊ะถกพรรคการเมืองที่สโมสรทหารบกจันทร์ที่ 25 มิ.ย.นี้ เผยมีเวลา 2 ชั่วโมง “พท.-อนค.” ย้ำไม่ร่วม ส่วน “มาร์ค-อนุทิน” ส่งตัวแทน “สมชาย ตู้เย็น” เช็กกระแสนัดแกนนำร่วมหวดกอล์ฟ “ก่อแก้ว-อนุสรณ์” ประกาศจองเวรพวกย้ายพรรค  ชี้ยุคบุฟเฟต์คาบิเนตกลับมา ปูดใช้เงินล่อถึง 6 พันล้าน “สุริยะ” นัดเปิดตัว 30 มิ.ย.ที่ไพน์เฮิร์สท พร้อมแถลงดูดตระกูลรัตนเศรษฐเข้าคอก
     เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) ได้ออกหนังสือในนามสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง  ขอเชิญผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมพบปะหารือและรับฟังข้อคิดเห็นแล้ว โดยได้เชิญผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมพบปะหารือเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป ในวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 เวลา 14.00-16.00 น. ที่สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี โดยมี พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าร่วมพบปะและรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วย 
     หนังสือเชิญยังระบุอีกว่า การพบปะหารือเพื่อรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปของพรรคการเมืองต่างๆ และเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้ชี้แจง ทำความเข้าใจ และตอบข้อซักถามในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จึงขอเรียนเชิญท่านหรือผู้แทน จำนวนไม่เกิน 3 ท่าน เข้าร่วมพบปะหารือตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พ.อ.หญิงเนาวรัตน์ สอนทวี รองผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน สำนักงานกิจการพลเรือน สำนักนโยบายและแผนกลาโหม เป็นผู้ประสานในรายละเอียด 
     พล.อ.ประวิตรกล่าวในเรื่องนี้ว่า คาดว่าจะใช้เวลาพูดคุยประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ยืนยันว่าจะไม่มาร่วมด้วย ก็ไม่ส่งผลอะไร แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตามกฎระเบียบต่างๆ ที่รัฐบาลและ กกต.ออกไป
เมื่อถามว่า หากตกลงอย่างไร 2 พรรคนี้ก็ต้องยอมรับด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรถามกลับว่า ตกลงอย่างไร ไม่มีตกลง มีเพียงบอกไปว่าต้องคลายอย่างไรเท่านั้นเอง และไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญญาประชาคมเพื่อสร้างความปรองดอง เพราะเป็นเรื่องของการเมืองโดยเฉพาะ 
“ถ้าตกลงกันอย่างไรก็เปิดเผย โดยจะให้นายวิษณุเป็นผู้แถลงผลการพูดคุย โดยการพูดคุยจะมี 2 รอบเท่านั้น คือรอบที่ผมเป็นประธาน และรอบที่นายกฯ เป็นประธาน โดยนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ในครั้งนี้ไปให้นายกฯ เพื่อพิจารณาก่อนประชุมหารืออีกรอบหนึ่ง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
     พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ กกต.ระบุว่าจะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปว่า ไม่ทราบ ต้องถาม กกต. เพราะไม่ได้กำหนด ส่วนจะเกิดก่อนหรือหลังก็ได้ ได้หมด ไม่มีความเห็น  
     ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวในประเด็นนี้ว่า ได้เตรียมความพร้อมทั้งหมดไว้แล้ว โดยประเด็นที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งมีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข บนสมมติฐานว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 สิ่งที่พรรคการเมืองต้องเตรียมตัวคือประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค จัดตั้งสาขา หาสมาชิกพรรค และเดินหน้าสู่การทำไพรมารีโหวต    
     “กกต.ก็ต้องเตรียมการเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง หากกระชั้นชิดมากไปจะไม่ทัน ทั้งนี้ จากข้อเสนอล่าสุดหากเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ในช่วงเวลาที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็ดำเนินการได้ทัน เนื่องจากมีเวลาอีก 90 วันก่อนที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งในส่วนของการแบ่งเขตเลือกตั้งอาจใช้ตรา 44 ให้อำนาจ กกต.หรือใช้วิธีการออกเป็นพระราชกำหนดก็ได้ ซึ่งนายวิษณุกำลังหาวิธีการอยู่” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
ไม่หนุนเลิกไพรมารีฯ
     เลขาธิการ กกต.กล่าวด้วยว่า การทำไพรมารีโหวตได้ เงื่อนไขสำคัญคือต้องให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ได้ ซึ่ง คสช.น่าจะคลายส่วนนี้ให้ แต่ยังไม่ยกเลิกทั้งหมด ส่วนข่าวที่อาจงดเว้นไพรมารีฯ นั้น ยังไม่เคยได้ยิน   เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายพรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญด้วย แต่ทั้งหมดก็แล้วแต่ผู้มีอำนาจว่าจะตัดสินใจอย่างไร 
     “หากจะแก้ไขเพื่อให้งดเว้นการทำไพรมารีโหวตจริง ต้องคำนึงถึงรัฐธรรมนูญด้วย” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ระบุ
     ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองหัวหน้าพรรค และ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคไปร่วมประชุม เพราะนายอภิสิทธิ์ต้องเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช 
     นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ในฐานะแกนนำ พท. กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้บริหารพรรค แต่เท่าที่รู้เลขาฯ พรรคบอกแล้วว่าไม่ไป เพราะยืนยันว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. หาก กกต.เชิญจะไป แต่หากเป็นรัฐบาลเชิญจะไม่ไป
     นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวว่า พรรคยินดีเข้าร่วมหารือในวันดังกล่าว โดยจะไปร่วมหารือในประเด็น อาทิ เรื่องการเตรียมการเลือกตั้งและการทำความเข้าใจในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง
     นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวเช่นกันว่า พรรคจะส่งนายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง และตนเองเข้าร่วม
     นายวราวุธกล่าวว่า ประเด็นที่จะนำไปหารือก็เหมือนที่เคยได้นำเสนอไปแล้วทั้งหมด และจะไปรับฟังหลักการว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างไรบ้าง โดยมีประเด็นหลักสองส่วนใหญ่คือ หนึ่ง การปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ และเรื่องกฎหมายพรรคการเมือง 
     “สิ่งที่ผมต้องยืนยันคือการขอให้เลือกตั้งเป็นไปตามที่ คสช.และรัฐบาลประกาศตามโรดแมป คือ ก.พ.2562 ซึ่งเรายังเชื่อตามนั้น และคาดหวังว่าน่าจะมีการปลดเดดล็อกเรื่องสาขาพรรค และคลายล็อกให้กับพรรคการเมืองให้สามารถทำอะไรได้บ้าง” นายวราวุธกล่าว
     นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ในวันดังกล่าวติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็นตัวแทนไปร่วมหารือ
บี้ปลดล็อก
     ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เราพร้อมทำตามกติกาที่ คสช.วางไว้ เพราะอำนาจอยู่ที่ คสช. แม้เราจะไม่ไปร่วมประชุม โดยเรายังยืนยันว่าสิ่งที่ คสช.ต้องทำคือการคืนสิทธิเสรีภาพให้พรรคการเมืองและประชาชนให้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเสรี 
     นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการ อนค.กล่าวถึงกระแสอาจไม่ใช้มาตรา 44 ยกเลิกจัดทำไพรมารีโหวตว่า สุดแท้แต่ คสช. เพราะมีอำนาจ แต่ไม่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ ก็ไม่กระทบกับพรรค เพราะเรามีแนวทางที่จะคัดเลือกผู้สมัครของพรรคตามกฎหมายกำหนด
     “ควรยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะเกิดขึ้น เป็นการเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานตามแบบอย่างประชาธิปไตย และไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะต้นปี กลางปี ปลายปีหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่ คสช.จะไม่ปลดล็อก” นายปิยบุตรกล่าว
     พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในช่วงที่ยังไม่มีการปลดล็อกพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองจะมีกิจกรรมหรือแถลงข่าว ว่าสื่อไปทำข่าวได้ แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ใช่ไปทำข่าว แล้วไปทำแต่เรื่อง
     "ไม่มีหรอก แหมก็สื่อไปแล้วก็ชอบไปสร้างปัญหาตลอด ทำข่าวให้ตีกันตลอด โอ้โฮ!! ไม่เคยถามในทางที่ดีเลย ถามแต่ด้านลบอย่างเดียวตลอด ก็หาก คสช.เตือนสื่อ เรียกสื่อมาชี้แจง ก็ไปชี้แจงก็แล้วกัน ผมไม่รู้ๆ ไปถาม คสช.เอง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามถึงนักการเมืองบางกลุ่มนัดออกรอบตีกอล์ฟ รู้สึกกังวลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่กังวล ก็กำหนดไว้แล้ว อย่าไปทำกิจกรรมทางการเมือง ไปพูดคุยกันก็ธรรมดา และไม่ต้องไปกำชับ คสช.หรอก หน้าที่เขา จะไปกำชับเขาทำไม
     พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ.และรองเลขาฯ คสช. กล่าวว่า สื่อสามารถไปทำข่าว กิจกรรมของพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าว หรือการไปทำกิจกรรม เช่น การตีกอล์ฟได้ตามปกติ คสช.ไม่ได้มีการห้ามปรามอะไร ยกเว้นว่ามีกรณีอะไรที่เป็นพิเศษ ที่อาจไม่เหมาะสม จึงจะถูกเรียกตัวไปคุย แต่ถ้าไปทำข่าวปกติ คสช.ไม่ไปห้ามอยู่แล้ว
“สมชาย”เช็กกระแส
     วันเดียวกัน ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ แกนนำพรรคเพื่อไทยประมาณ 30 คน อาทิ นายสมชาย, นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม, นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.ไอซีที เดินทางมาออกรอบตีกอล์ฟร่วมกัน ท่ามกลางกระแสข่าวการดึงตัวอดีต ส.ส.เพื่อไทยที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนัก
     นายสมชายกล่าวถึงกระแสข่าวผู้มีอำนาจส่งตัวแทนเดินสายดูดอดีต ส.ส.ภาคอีสานของพรรคว่า ไม่ใช่ผู้บริหารพรรค คงตอบได้ยาก แต่จากการพูดคุยกับพรรคพวก เข้าใจว่าคงมี ส.ส.ไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ ยืนยันว่าพรรคยังคงเป็นปึกแผ่นแน่นเหนียว เพราะเราร่วมสังฆกรรมกันมานาน และเท่าที่ได้พูดคุยกันทุกคนบอกว่าไม่มีใครมาทาบทาม แต่การตัดสินใจว่าจะทำงานตรงไหนเป็นสิทธิของท่าน 
     นายสมชายกล่าวต่อว่า หลายปีที่ผ่านมาเชื่อว่าประชาชนที่ติดตามการเคลื่อนไหวทั้งรัฐบาล คสช.ทั้งพรรคการเมือง เขามีความรู้และวินิจฉัยเองได้ ส่วนจะเรียกว่าดูดหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เป็นเรื่องของวิจารณญาณของแต่ละคน แต่เชื่อว่าวันนี้ประชาชนเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกแบบไหน เราก็รอเพียงเวลาที่จะทำกิจกรรมทางการเมืองกัน 
     “การดูดหมายความถึงอย่างไรหรือ หมายความว่าย้ายจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่งหรือ ตอนนี้ยังไม่มี ส.ส. แต่การดึงตัว ส.ส.เป็นเรื่องธรรมดา ใครรักชอบใครก็อยากไปทำงานด้วยกัน อยู่ในสายตาประชาชน แต่ถ้าถามว่าจะมีเรื่องเงินหรือตำแหน่งมาเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจ ขนาดเวลาสมัครยังใช้เงินได้คนละ 1.5 ล้านบาท ส่วนที่เสนอเงิน 30 ล้าน 50 ล้านบาทมันเกินนะ ถ้า ส.ส.คนไหนเอาเงินที่ถูกดูดมาใช้ โดนใบแดงนะ ทำให้ผมสงสัยต่อว่าทำไมมีเงินกันเยอะแยะมาก คนที่มาอยู่พรรคเพื่อไทยอยู่ด้วยอุดมการณ์ เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องพูด วันนี้ไม่มีเงิน” นายสมชายกล่าว
     เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่พรรคต้องเปิดตัวหัวหน้าพรรคเพื่อให้เกิดความชัดเจน และสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกแล้วหรือยัง นายสมชายกล่าวว่า ต้องรอปลดล็อกก่อน ส่วนสเปกของผู้นำพรรคนั้น การเลือกหัวหน้าเป็นหน้าที่ของสมาชิกพรรค เชื่อว่าสมาชิกจะเลือกคนที่จะทำให้พรรคประสบชัยชนะ
     เมื่อถามว่า การออกรอบวันนี้เป็นการเรียก ส.ส.มาเช็กชื่อใช่หรือไม่ นายสมชายกล่าวติดตลกว่า “เช็กไม่ได้ ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่จะได้มาเรียกเช็กชื่อ
นปช.-พท.ขอจองเวร
     นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท. และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงข่าวการดูดและการย้ายพรรคอดีต ส.ส.เพื่อไทยว่า เป็นเรื่องธรรมชาติทางการเมือง เป็นสิทธิของแต่ละคนที่ทำได้ แต่ก็เป็นสิทธิของพวกตนเองเช่นกันที่จะเลือกจดจำว่าใครบ้างที่ซ้ำเติม และจะใช้วิธีการทางประชาธิปไตยทำให้คนเหล่านั้นสอบตกในการเลือกตั้ง จึงขออาสาพรรคไปหาเสียงในพื้นที่เหล่านั้นเพื่อให้คนที่มาซ้ำเติมต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท.กล่าวว่า ประชาชนชาวไทยต้องช่วยกันตอบคำถามว่า เราจะปล่อยให้ละครน้ำเน่าทางการเมืองที่น่าเบื่อหน่าย กลับมาฉายวนซ้ำอีกรอบหรือไม่ การดูดด่วน โดยวิธีน้ำเน่าโบราณ ตกปลาในบ่อเพื่อน ใช้เหยื่อหลายรูปแบบ ทั้งการเอาคดีความมากดดันและต่อรอง การอ้างว่าจะแบ่งเขตให้ได้เปรียบ การันตีปลอดใบส้ม ใบเหลือง และใบแดง ยังจะใช้ได้ผลอีกหรือในยุค 4G ที่สำคัญเหยื่อที่อานุภาพดึงดูดสูงสุดทุกยุคทุกสมัย คือการนำเงินมาล่อ
     “กระแสข่าวบอกว่าแค่เชิญมาคุย จ่ายก่อนเลย 3 แสนบาทก่อน ระหว่างตัดสินใจ จ่ายดูแลรายเดือนเดือนละ 5 แสนบาท ถ้าเป็น ส.ส.เกรดเอ เมื่อตกลงย้ายไปจ่ายก้อนแรก 50 ล้านบาท ถ้าดูดอดีต ส.ส. 100 คน เงินก้อนแรกก็คือ 5 พันล้านบาท รวมงบดูแลรายเดือนเดือนละ 5 แสนบาท ไปอีก 8 เดือนก่อนการเลือกตั้ง น่าจะใช้เงินในการดูดประมาณ 6 พันล้านบาท แล้วมีหรือที่เขาหว่านพืชแล้วไม่หวังผล ลงทุนแล้วไม่ถอนทุน ถ้าเขาลงทุนไป 6 พันล้านบาท เขาจะต้องถอนทุนคืนกี่เท่า ถ้า 5 เท่าก็คือ 3 หมื่นล้านบาท แล้วเขาจะเอาคืนจากที่ไหน ดังนั้นประชาชนจะยอมให้บุฟเฟต์คาบิเนตรุมแทะ กัดกินประเทศกลับมาอีกหรือ สังคมไทยต้องรู้เท่าทันนักดูด หยุดวงจรอุบาทว์ และรอสั่งสอนขบวนการดูดในการเลือกตั้งครั้งหน้า” นายอนุสรณ์กล่าว
     มีรายงานข่าวจากกลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่กำลังเดินสายทาบทามอดีต ส.ส.ให้เข้าสังกัดกลุ่มเพื่อเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ว่าแกนนำและผู้ประสานได้ส่งไลน์ข้อความไปยังอดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรีที่ได้มีการติดต่อทาบทามให้เข้าร่วมงานการเมืองให้มาพบปะกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ ที่ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และยังแจ้งว่าสำหรับอดีต ส.ส.หรือบุคคลที่อยู่ต่างจังหวัดขอให้เดินทางเข้า กทม.ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. โดยจะจัดเตรียมสถานที่ค้างคืนในไพน์เฮิร์สทฯ จากนั้นวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย. จะนัดพบปะเพื่อพูดคุยเตรียมการทางการเมือง 
     “นัดหมายดังกล่าวของทีมประสานงานนายสุริยะและนายสมศักดิ์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ได้นัดมาแล้วสองครั้ง แต่เลื่อนออกไป จนมีการนัดรอบล่าสุดในวันที่ 29-30 มิ.ย. ซึ่งคนที่ได้รับการติดต่อจะเป็นพวกระดับเกรดเอ คือพวกอดีต ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรี ระดับแกนนำจังหวัด หรือระดับภาค จะไม่ใช่พวกผู้สมัครหน้าใหม่ที่ไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน ซึ่งคาดว่าวันดังกล่าวจะไม่เลื่อนไปอีก เพราะนัดหมายหลังมีการประชุมร่วมกันระหว่าง คสช.กับตัวแทนพรรคการเมืองในวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. ที่ผลการหารือดังกล่าวคงออกมาแล้วว่า คสช.จะคลายล็อกพรรคการเมืองอย่างไร” รายงานข่าวระบุ
30 มิ.ย.เปิดตัว
    แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า เดิมในวันที่ 22 มิ.ย. กลุ่มสามมิตรซึ่งประกอบด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ, นายสมศักดิ์ และนายสุริยะ จะไปทาบทามนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคมหาชน และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ให้ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งสมัยหน้า แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากในวันที่ 30 มิ.ย. นายสุริยะวางกำหนดการที่จะแถลงข่าวถึงอนาคตทางการเมืองที่จะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 มิ.ย.ในคราวเดียวกัน เลยดูเหมาะสมกว่า
    นายรณฤทธิชัย คานเขต อดีต ส.ส.ยโสธร สมาชิกกลุ่มบ้านริมน้ำ ของนายสุชาติ ตันเจริญ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดูด ส.ส.เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้ที่ไปดูดมีสมาชิกในกลุ่มอยู่แล้ว ในส่วนของนายสุชาติได้รับมอบหมายให้ดูแลในส่วนของภาคอีสานและภาคตะวันออก มีนโยบายชัดเจน สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ คิดว่าดีกว่าการไปลากเอาคนเก่ามา เพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องสู้กับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มั่นใจว่าคนใหม่จะสู้ได้ ตอนนี้สามารถรวบรวมได้ 30-40 คน 
“วันที่ 30 มิ.ย. ที่กลุ่มสามมิตรจะแถลงข่าวที่ไพน์เฮิร์สท ก็ได้รับการมอบหมายให้ไปรับฟังการแถลง ซึ่งการหาสมาชิกของกลุ่มบ้านริมน้ำและสามมิตรอาจทับซ้อนกัน ก็ต้องสอบถามประชาชน” นายรณฤทธิชัยกล่าว
    นายธนาธรกล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้รู้ว่านักการเมืองคนไหนเลือกอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย และยืนอยู่กับฝ่ายเผด็จการ นักการเมืองคนไหนอยากมีส่วนในการสืบทอดอำนาจให้ คสช.แสดงตัวออกมาเลยประชาชนจะได้เห็น โดยการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นครั้งประวัติศาสตร์ว่าประชาชนจะตัดสินให้ คสช.สืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ ดังนั้นคิดว่าทุกพรรคการเมืองควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ส่วนตัวเห็นว่าการที่มีนักการเมืองแสดงตัวชัดเจน ไปเข้าร่วมกับพรรคการเมืองที่แสดงตัวชัดเจนโดยทางตรงหรือทางอ้อมที่จะสนับสนุน คสช.นักการเมืองเป็นอาชีพที่เกิดจากระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่มีระบอบนี้ ไม่มีนักการเมือง ดังนั้นนักการเมืองที่รับใช้เผด็จทอดทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย ทรยศต่อจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวเอง 
เมื่อถามว่า หนึ่งในนั้นมีนายสุริยะซึ่งเป็นอาร่วมด้วย นายธนาธรกล่าวว่า “ก็มองอย่างที่กล่าวไป”
     ขณะเดียวกัน นายวิทยา อินาลา อดีต ส.ว.นครพนม เผยว่า ได้จัดตั้งพรรคเพื่อคนไทย (พคพ.) แต่ยังไม่ได้จดแจ้ง โดยเป็นการรวมเอาอดีตข้าราชการครูจากสหพันธ์ครูทั่วประเทศ และมีนักการเมืองร่วมด้วย คือนายอรรถสิทธิ์ (คันคาย) ทรัพยสิทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และจะประชุมจัดตั้งพรรคในวันที่ 23 มิ.ย. ที่โรงแรมพักพิง อิงโขง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม หลังจากนั้นจึงจะจดแจ้งพรรค  
     นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เข้ายื่นใบสมัครผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักงาน กกต.เปิดรับสมัครเปิดรับสมัครทั่วประทศตั้งแต่วันที่ 13-22 มิ.ย. โดยนายวีระกล่าวว่า ที่ตั้งใจมาสมัครผู้ตรวจการเลือกตั้ง เพราะเรียนในหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงาน กกต. และมีเพื่อนบอกว่ามีคุณสมบัติครบทำหน้าที่นี้ รวมทั้งก่อนหน้านี้เครือข่ายก็เคยร่วมเป็นองค์กรตรวจสอบการเลือกตั้งมากว่า 10 ปี นอกจากนี้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นที่สนใจของทุกคน และมีพรรคที่จะสนับสนุน คสช.มีท่าทีที่จะลงเลือกตั้งด้วย ดังนั้นจะมั่นใจได้อย่างไรว่า คสช.จะไม่แทรกแซงหรือเอาเปรียบ อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเหมือนสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร จึงสนใจที่จะเข้ามาช่วยดูแลการเลือกตั้ง 
     “ต้องรอดูการวินิจฉัยของ กกต.เรื่องคุณสมบัติ เนื่องจากมีหุ้นอยู่ใน บมจ.อสมท จำนวน 10 หุ้น ว่าจำนวนหุ้นที่ถืออยู่จะสามารถเข้าไปครอบงำการบริหารกิจการ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งหรือไม่ ไม่ว่าคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ยอมรับ จะไม่อุทธรณ์”นายวีระกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"