ฝ่ายค้านยื่น ปปช. 4 คำร้องสอบ ครม.-บิ๊กตู่-อนุทิน-เฉลิมชัย จัดหาวัคซีน ทุจริตซื้อ ATK โละสต๊อกยาง


เพิ่มเพื่อน    

4 ต.ค.64 - ที่สำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา​ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพท. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) นายนิคม บุญวิเศษ​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อป.ป.ช. กล่าวหา ครม.ทั้งคณะ และรัฐมนตรีรายบุคคลหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคได้รวบรวมเอกสารคำร้องต่อป.ป.ช. ซึ่งมีทั้งหมด 4 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย 1.เรื่องการบริหาราชการที่ผิดพลาด ล้มเหลว ทุจริตต่อหน้าที่เรื่องโควิด โดยเป็นประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัคซีนที่ผิดพลาด การทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค และการผูกขาดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2.เรื่องการทุจริตการจัดซื้อชุดตรวจ ATK 3.การใช้วัคซีนที่ไร้คุณภาพมาฉีดให้พี่น้องประชาชน และ 4.การทุจริตสต๊อกยางพารา และการเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราร้องเรียนโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม จำเลยกลุ่มที่ 1 คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีความรับผิดชอบร่วมกัน เพราะมีการแถลงนโยบายไว้ต่อประชาชน ดังนั้น จึงมีส่วนโดยตรง กลุ่มที่ 2 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลุ่มที่ 3 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกลุ่มที่ 4 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ขณะที่เนื้อหาคำร้องประกอบด้วย 4 คำร้อง เหตุที่ร้องเราร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) เป็นเรื่องความผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดตต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย มติครม. และข้อสั่งการของนายกฯ ไปจนถึงปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดกฎหมายป.ป.ช. นี่คือข้อกล่าวหาทั้ง 4 สำนวน

ทั้งนี้ พรรคพท. ทำ 2 สำนวนคำร้อง คือ 1.เรื่องการบริหารวัคซีน เช่น การไม่เข้าโคแว็กซ์ ความฉ้อฉล แสวงหาผลประโยชน์ในการบริหารวัคซีนแอสตราเซเนกา และการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่ส่อไปในทางทุจริต 2.การจัดซื้อชุดตตรวจ ATK ที่ส่อไปในทางทุจริต กระทำผิดต่อหน้าที่ราชการทั้ง ครม. นายกฯ และนายอนุทิน พรรคก.ก. 1 สำนวน เรื่องการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่ไร้ประสิทธิภาพาฉีดให้พี่น้องประชาชน และพรรคปช. เรื่องทุจริตการจัดขายยางในสต๊อกยางพารารา ซึ่งส่องไปในทางทุจริต กระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ

“อย่างไรก็ตาม คำร้องเรื่องการจัดซื้อชุดตตรวจ ATK เป็นเรื่องที่มีความชัดเจนมาก โดยส่อไปทางเอื้อประโยชน์ตั้งแต่กระบวนการที่ใช้มติ ครม. เอื้อประโยชน์ เจตนา หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่ของตัวนายกฯ ในการออกมติครม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลด้านนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราร้องไป เราเชื่อว่าจะเป้นประโยชน์ต่อพี่น้องประาชาชน และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.วาโย กล่าวว่า คำร้องของพรรคก้าวไกล ร้อง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างเรื่องวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและประชาชน โดยการจัดซื้อวัคซีนนั้นหน้าที่ในการพิสูจน์ถึงความมีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพของวัคซีน เป็นหน้าที่ของผู้จัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ต้องชี้แจงกับ ป.ป.ช. และชี้แจงต่อประชาชนว่าวัคซีนที่ซื้อขณะนั้นมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์โควิดที่ระบาดในประเทศไทย คือสายพันธุ์เดลต้าที่เริ่มระบาดแล้วในขณะนั้น

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คำร้องการทุจริตสต๊อกยางพารา เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย คือการขายยางพาราโละสต๊อก จำนวน 1.4 แสนตัน ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางของตลาด โดยใช้มติ ครม.ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง พ.ร.บ.ฮั้วประมูล พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เพราะยางจำนวนดังกล่าวเป็นยางที่ใช้รักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศ ที่จะนำออกมาขายในช่วงที่ราคายางในประเทศมีความมั่นคงแล้ว แต่การที่นำยางออกมาขายแบบทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายในประเทศ ทำให้ยางราคาตกมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนและรัฐเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท และเอื้อประโยชน์แก่เอกชนเพียงบริษัทเดียว โดยเรื่องดังกล่าวร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ และนายเฉลิมชัย ในฐานะประธานและรองประธานคณะกรรมการยางธรรมชาติ

ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจากนี้จะตรวจสอบคำร้องว่ามีพยานหลักฐาน และการเรียกส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งการดำเนินการอาจใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ร้องขอเอกสารเพิ่มเติมด้วย แต่กฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดกรอบให้ดำเนินการในแต่ละคดีให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และต่ออายุได้ไม่เกิน 1 ปี ส่วนความคืบหน้าการร้องเอาผิดคณะรัฐมนตรี ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นเอาผิดในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งที่ผ่านมา นายนิวัติไชย กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"