กินเจแบบมีเมตตา รับมือทุกข์ดูแลใจ


เพิ่มเพื่อน    

 

นอกจากการดูแลสุขภาพในช่วงเทศกาลกินเจ ด้วยการงดอาหารเจที่หวานมันเค็มให้น้อยลงแล้ว การดูแลสุขภาพจิตใจในช่วงถือศีลกินผักก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะอย่าลืมว่าจิตเป็นนายและกายเป็นบ่าว ดังนั้นในช่วงเทศกาลบุญ โดยการงดเว้นเนื้อสัตว์แล้ว การทำจิตใจให้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ย่อมทำให้เทศกาลกินเจบรรลุวัตถุประสงค์ คือทั้งสุขภาพกายดี สุขภาพจิตใจแข็ง

“พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว และผู้ก่อตั้งมูลนิธิสวนแก้ว ให้ข้อมูลว่า “ในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ นอกจากการช่วยล้างพิษออกจากร่างกายแล้ว เราก็ควรทำจิตใจให้มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ และขอให้คิดว่าเทศกาลนี้เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ที่ช่วยให้จิตของผู้กินเจให้บริสุทธิ์และดีขึ้น เพราะการไม่กินเนื้อสัตว์ก็ถือว่าเราได้ทำบุญอย่างหนึ่งแล้ว แต่ทั้งนี้เราก็ต้องไม่ลืมที่จะโน้มจิตของเราให้สูงขึ้น เช่น ต้องไม่โกธร และต้องพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า “โกธรคือโง่ โมโหคือบ้า ถ้าไม่อยากโง่ไม่อยากบ้า ก็ต้องไม่โกธร” โดยสรุปเราต้องไม่โกธรใครในช่วงถือศีลกินเจ เพราะการที่เราโกธรผู้อื่นนั้น เท่ากับเรากำลังจุดไฟเผาตัวเอง และอารมณ์เดี่ยวดีเดี่ยวร้าย มักจะนำมาซึ่งโรคภัยต่างๆได้ง่าย

“ที่ลืมไม่ได้นั้นสำหรับบทสวดมนต์ ที่ดีต่อกายและใจในช่วงเทศกาลถือศีลกินผักนั้น อันที่จริงแล้วการสวดมนต์ดีทุกบท หรือแม้แต่บทสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ที่ประกอบด้วย 3 ท่อน อย่างบทสวดสรรเสริญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ที่ว่าด้วยการสวดมนต์ตั้งแต่ “อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน ฯลฯ” หรือแม้แต่บทสวดมนต์นะโม 3 จบ หรือที่เรียกกันว่า “บทสวดมนต์นอบน้อมพระพุทธเจ้า” ก็ได้เช่นกัน ที่ถือเป็นบทสวดมนต์ขั้นพื้นฐาน ที่เชื่อกันว่าชาวพุทธคนไหนที่แนบแน่ในพระรัตนตรัย ย่อมจะมีชีวิตเท่าปลายเข็ม หมายความว่าถ้าเราตั้งปลายเข็มชี้ฟ้า และนำเม็ดทรายมาโปรยที่ปลายเข็ม มันก็จะไม่ติดเม็ดทรายที่โปรยลงมา โดยสรุปความหมายของผู้ที่ศรัทธาพระรัตนตรัย ที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมจะมีความทุกข์ที่น้อยลงนั่นเอง”

สำหรับในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ ก็มีหลายพื้นที่น้ำท่วมขัง อีกทั้งทำให้หลายคนเกิดความทุกข์ในช่วงเทศกาลบุญ ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสาร และน่าเห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าทุกคนรู้สึกเศร้าไม่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องถามตัวเองว่า แม้บ้านจะถูกน้ำท่วมและทำให้หมดเนื้อหมดตัว ก็อยากให้ลองกลับไปคิดว่าเวลาที่เราเกิดนั้น เราทุกคนก็ไม่มีอะไรติดตัวมา ดังนั้นแม้น้ำจะท่วมบ้าน ทรัพย์สินมีค่า จมน้ำเสียหาย แต่สุดท้ายแล้วบ้านของเราก็ยังอยู่ เสื้อผ้าเราก็ยังมีใส่อยู่ ข้าวยังมีกิน นั่นแสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยตอนนี้ เราก็ยังมีมากกว่าตอนที่เราเกิดมาซึ่งไม่มีอะไรมาเลย

"ขอให้ทุกคนปรับวิธีคิดด้วยการคิดบวกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่เหลืออะไร แต่ให้คิดว่าเราเหลือน้อยลงหน่อยเท่านั้น ที่สำคัญน้ำที่ท่วมบ้านเรา ก็มาเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยาม และอันที่จริงแล้วน้ำก็ไม่ได้มาทุกเดือน ซึ่งมันก็เหมือนกับการที่เรา จะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก จึงขอให้คิดว่าเมื่อเราเกิดมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราไปตลอดกาล ดังนั้นการทำใจให้โปร่งใส ซึ่งเป็นวิธีรับมือความสูญเสียอย่างหนึ่ง แต่ถ้าใครยังทำใจให้โปร่งใสไม่ได้ ก็ขอให้ช่วยกันตะเพิดความทุกข์ออกไป โดยท่องว่า “เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์” เพื่อให้ทุกข์ตกใจและจากเราไป เราก็จะไม่ทุกข์หรือทุกข์น้อยลง เพื่อแค่เราปรับวิธีคิดบวกเพื่อไล่ความคิดลบ ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง”พระพยอม ย้ำ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"