โพลจี้บิ๊กตู่ยุบสภา! ‘ไพบูลย์’จ่อชงกม.ลูกย้อนไปใช้สมัย‘อภิสิทธิ์’


เพิ่มเพื่อน    

สถานการณ์พลิก นิด้าโพลเผย ประชาชนจี้ "บิ๊กตู่" ยุบสภาโดยเร็ว!  แนะเอาให้ชัด อย่าทำอึมครึมเรื่องวาระ 8 ปีเก้าอี้นายกฯ ต้องประกาศมาเลยจะอยู่เป็นนายกฯ ไม่เกิน ส.ค.65 "เสี่ยแฮงค์-สามมิตร" ยัน พปชร.เสนอชื่อประยุทธ์ชิงนายกฯ คนเดียว ขวางพีระพันธุ์หวังส้มหล่น “พปชร.” ฟิตเตรียมชงกฎหมายลูกหลังโปรดเกล้าฯ รธน.
    เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “พลเอกประยุทธ์ กับ 3 ประเด็นทางการเมือง” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,311 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ 3 ประเด็นทางการเมือง 
    นิด้าโพลระบุว่า เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีความไม่ชัดเจนของรัฐธรรมนูญเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่ 40.73% ระบุว่านายกฯ ควรประกาศว่า 8 ปีคืออยู่ในตำแหน่งไม่เกินสิงหาคม 2565 รองลงมา 38.37% ระบุว่านายกฯ ควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความโดยเร็ว, 15.03% ระบุว่านายกฯ ควรอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร และ 5.87% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
    ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อกระแสการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ 40.35% ระบุว่าควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว รองลงมา 30.05% ระบุว่าควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรหลังจากกฎหมายการเลือกตั้งได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ,  22.12% ระบุว่าไม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎร อยู่ยาวไปเลยให้ครบเทอม 4 ปี, 5.72% ระบุว่าควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรก่อนการถูกอภิปายไม่ไว้วางใจในปีหน้า และ  1.76% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่  50.34% ระบุว่าควรมีการปรับ ครม.ครั้งใหญ่ รองลงมา 18.92% ระบุว่าไม่ควรมีการปรับ ครม. 12.36% ระบุว่าควรมีการปรับ ครม. โดยเอาคนนอกเข้ามาแทน 2 ตำแหน่งในโควตาพรรคพลังประชารัฐ, 11.82% ระบุว่าควรมีการปรับ ครม. เฉพาะในส่วน 2 ตำแหน่งของพรรคพลังประชารัฐ และ 6.56% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
    นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสการยุบสภา โดยยืนยันว่านายกฯ ไม่มีการยุบสภาอย่างแน่นอน และจะอยู่ครบเทอม เนื่องจากขณะนี้ประเทศได้เกิดสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด และนายกฯ รัฐบาลก็กำลังแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้
    นายเสกสกลยังย้ำว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากขณะนี้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จึงเป็นหน้าที่ของนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนจะต้องลงพื้นที่เพื่อไปให้ความช่วยเหลือ โดยไม่ใช่เป็นการลงพื้นที่หาเสียงหรือเตรียมการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
    นายเสกสกลยังระบุว่า ไม่มีนายกฯหรือรัฐมนตรีคนใดนำความเดือดร้อนของประชาชนไปเป็นประเด็นทางการเมือง หรือจะนำไปหาประโยชน์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าประเทศจะเกิดสถานการณ์ใดๆ ขึ้น หรืออยู่ในสถานการณ์ปกติ นายกฯ ก็ได้ลงพื้นที่พบประชาชนอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และทำมาตั้งแต่เข้ามาบริหารแผ่นดิน นอกจากนี้ นายกฯ ยังให้ความสำคัญกับการประชุมที่มีความสำคัญกับประเทศโดยได้ให้นโยบายในการเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ปี พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 3/2564 และย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงสถานการณ์ด้านสาธารณสุข ดังนั้นจึงเป็นการยืนยันได้แล้วว่านายกฯ จะยังไม่ยุบสภา และจะอยู่ทำงานจนครบเทอมอย่างแน่นอน ขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รอไปก่อน เพราะนายกฯ ไม่ยุบสภาอย่างแน่นอน นายกฯ จะไม่ทิ้งประชาชนที่ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ หากฝ่ายค้านอยากเข้ามามีอำนาจ ก็ขอให้เข้ามาตามกติกาหลังนายกฯ หมดวาระแล้ว และทางที่ดีฝ่ายค้านน่าจะเอาเวลานี้ไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหา ให้ประชาชนได้เห็นความดีของฝ่ายค้านบ้าง มากกว่าการออกมาพูดกล่าวหาโจมตีคนอื่นหวังผลทางการเมืองของตนเอง
    "อย่าหวังว่านายกฯ จะยุบสภาก่อนครบวาระ ไม่มีแน่นอน คงเป็นแค่ฝันกลางวันหรือฝันค้างของฝ่ายค้าน ให้ระวังกระหายอยากมีอำนาจ อยากเป็นรัฐบาลมากเกินไป ระวังอกแตกตายก่อน เพราะนายกฯ มีผลงานรัฐบาลดีวันดีคืน เลือกตั้งสมัยหน้า มีโอกาสสูงที่ฝ่ายค้านก็ยังจะรักษาความเป็นแชมป์ฝ่ายค้านได้เหมือนเดิม ไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเหมาะสมทำหน้าที่ค้านได้ดีมาก ไม่สมควรมาเป็นรัฐบาล เพราะผลงานและฝีมือไม่ถึง ทำหน้าที่ไม่ได้ดั่งใจประชาชน" นายเสกสกลกล่าว 
    ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชา รัฐมนตรีจากกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้ามาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า เป็นเรื่องดีที่นายพีระพันธุ์เข้ามาร่วมกันทำงาน
    เมื่อถามว่า เริ่มมีคนมาอยู่ในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ล่าสุดนายชื่นชอบ คงอุดม บุตรชายของนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทนายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้หมายความว่ามีคนเข้า-ออกพรรคเป็นจำนวนมาก ยังเป็นส่วนน้อย
    ส่วนกรณีของนายชื่นชอบ มีนัยทางการเมืองหรือไม่ และจะมีการยุบพรรคพลังท้องถิ่นไทมารวมกับพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่นั้น นายอนุชากล่าวว่า ต้องดูว่าการเมืองในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มันต้องอ่านบริบทการเมืองตั้งแต่เรื่องรัฐธรรมนูญว่าถ้าแก้ไขแล้วใครจะคิดอย่างไร  พรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง และขนาดเล็กจะคิดอย่างไร ก็ต้องไปว่ากันตอนที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะเด็ดน้ำแล้ว โดยตอนนี้ยังไม่มีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขออกมา เราจึงยังพูดอะไรไม่ได้ เพียงแต่ทุกคนรอดูแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้รอดูแล้วกันว่าหลังจากมีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขออกมาแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องขยับตัวในเรื่องความคิดต่อประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง 2 ใบ ที่ถือประเด็นสำคัญสำหรับแนวคิดหรือยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองในวันข้างหน้า ส่วนเรื่องที่ประเมินกันว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่จริง ไม่มีสัญญาณ ไม่มีอะไรแม้แต่นิดเดียว เป็นการประเมินกันเอง
    นายอนุชากล่าวหลังถูกถามว่าถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประชาชนจะยังเลือกพล.อ.ประยุทธ์อีกหรือไม่ ว่ายังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังรักนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ที่เชื่อว่ามีประชาชนเยอะมากที่ยังรักนายกฯ คิดว่าถ้าในอนาคตได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจ หรือได้ทราบในวิถีทางต่างๆ มีประชาชนที่รักนายกฯ เพิ่มขึ้น 
    ถามย้ำว่า พลังประชารัฐยังเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกฯ เพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ใช่ๆ เพราะยังไม่มีสัญญาณอะไรเป็นอย่างอื่น เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่านายพีระพันธุ์อาจมาเป็นนายกฯ สำรอง นายอนุชากล่าวว่า “ไม่มี ไม่เคยได้ยิน นิดเดียวก็ยังไม่เคยได้ยิน บอกหน่อยว่าไปได้ยินกันมาจากไหน”
    นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ จ.ตราดในกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน โดยกล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศว่าจะยึด 9 ที่นั่งในภาคตะวันออกว่า ก็เป็นเรื่องของพรรค ปชป. แต่ก้าวไกลเราทำงานการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ส่วนของกติกาเลือกตั้งที่มี 2 ใบ พรรคไม่กลัว เราพร้อมปรับตัว ยังมีเวลา และจะต่อสู้ในทุกมิติ ทุกกติกาแน่นอน 
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูก ทั้งตัวพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง​ว่า​ ร่างเสร็จแล้ว รอนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรครัฐบาล (วิปรัฐบาล) หารือกับวิป 3 ฝ่ายก่อน เนื่องจากต้องเสนอรัฐสภาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า​จะแก้ประเด็นใดบ้าง​ นายไพบูลย์กล่าวว่า​ มีเรื่องบัตรเลือกตั้ง​ 2 บัตร​ จะแก้ไปตามรัฐธรรมนูญ​ โดยร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยพรรค ปชป.ในมาตรา 91 วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชี​รายชื่อก็ใช้​ถ้อยคำมาจากรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมปี 2554 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดย ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จะนำ​ ส.ส. 100 คนมาหารจากคะแนนรวมทั้งประเทศ​ ซึ่งจะได้คะแนนที่ ส.ส.พึงมีต่อ 1 คน​ สมมุติ​หารคะแนนที่ประชาชน​มาออกเสียง 32 ล้านใบ ก็จะนำมาหาร 100 จะเท่ากับ​ 320,000 คะแนน​ ​และนำคะแนนนี้ไปหารคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้​   ถ้าหารแล้วได้คะแนนออกมา จะดูให้ได้จำนวนเต็มคือ​ 1% ขึ้นไป​ ​พรรคใดที่ได้ตั้งแต่ ​320,000 คะแนนขึ้น​ไปจะได้ ส.ส.ตามจำนวนเต็มก่อน​ ส่วนเศษยังไม่พูดถึง​ เมื่อแบ่งช่วงแรกไปแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ ได้รับการจัดสรร ส.ส.พึงมีไปแล้วเหลือ ส.ส.ที่อาจจะไม่ครบ 100 อย่างแบ่งไปแล้วได้​ ​97 คน ถือว่าเหลือ ส.ส. 3 คน​ จะมาดูว่าพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเต็มหรือได้ 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป​ มีพรรคการเมืองใดได้เศษมากที่สุด​พรรคการเมืองนั้นก็จะได้ ส.ส.เพิ่มอีกคน​ 
"นี่เป็นแนวของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ปี ​2554​ ซึ่งในร่างของพรรค พปชร.ก็ร่างมาในแนวนี้​ ดังนั้นจะไม่มี ส.ส.ที่พรรคได้คะแนนไม่ถึง 320,000​ คน​ การได้ ส.ส.​ต้องได้คะแนนเต็ม และพรรคที่ได้คะแนนเต็มเท่านั้น​ถึงจะได้เศษ​ จะไม่มี ส.ส.พรรคปัดเศษ​ เพราะต้องได้คะแนนเต็มก่อนเศษที่เหลือถึงค่อยมาแบ่งกัน”
“กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะมาในแนวนี้คือ​ แก้ไข​ ​4 เรื่อง​ 1.จำนวน ส.ส.เขต 350 คนให้เป็น 400 คน​ ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 150 คนเป็น 100 คน 2.การแก้ไขให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ 3.แก้ไขวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 4.ในการเลือกตั้ง ส.ส.เขตกับบัญชีรายชื่อจะแก้ไขให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งหมด ซึ่งจะเหมือนกับปี 2554 ที่ใช้เบอร์เดียวทั้งประเทศ​ ทั้งนี้ การแก้ไขนั้นเตรียมไว้หมดแล้ว​ พร้อมที่จะยื่นให้กับประธานรัฐสภา​ แต่ต้องรอรัฐธรรมนูญโปรดเกล้าฯ ก่อน​ เมื่อโปรดเกล้าฯ แล้วไม่เกิน 2-3 วันก็จะยื่น” นายไพบูลย์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"