โวชนะแลนด์สไลด์! ‘แม้ว’ปลุกพท./โพลยก‘ลุงตู่-อู๊ดด้า’สูสีคั่วผู้นำ


เพิ่มเพื่อน    

"ทักษิณ" โวต่อหน้า ส.ส.เพื่อไทยหลายสิบ มีหมัดเด็ดตอนเลือกตั้ง เกทับใครคิดย้ายออกต้องรีบเอาเงินค่าตัวไปคืน ปลุกลูกหาบหากไม่ชนะแลนด์สไลด์อย่าฝันตั้งรัฐบาล ปิดประตูไม่ดัน "อ้อ" นั่ง หน.พท. "จุรินทร์-ปชป." ชิงเปิดตัวเร็วแคนดิเดตนายกฯ เริ่มเห็นผล   ผลโพลสองสำนักไล่กวดบิ๊กตู่ ชิงเบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า  
    เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยจังหวัดขอนแก่น วันที่ 28 ต.ค. ว่าในการประชุมใหญ่ จะมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารทดแทนส่วนที่ลาออกไปจำนวน 4 ตำแหน่ง เป็นรองหัวหน้าพรรค 2 ตำแหน่ง และกรรมการบริหารพรรค 2 ตำแหน่ง โดยจะคัดเลือกจาก ส.ส.ที่มีความอาวุโสทางการเมือง ส่วนจะเป็นใครอย่างไรนั้น คงต้องรอให้ที่ประชุมมีมติออกมา ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น จะยังไม่เปิดตัวในการประชุมดังกล่าว คงต้องรอให้ใกล้เลือกตั้งก่อน แต่ยืนยันเปิดมาแล้วประชาชนประทับใจแน่นอน
         รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มี ส.ส.อุบลราชธานีรายหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ส่งคลิปวิดีโอเข้ากลุ่มไลน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเป็นคลิปบรรยากาศงานเลี้ยง ส.ส.และผู้บริหารพรรคที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยกับ ส.ส.ของพรรคด้วย
         เนื้อหาในคลิปเป็นช่วงที่นายทักษิณเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานถามคำถาม ซึ่งนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำภาคอีสานจาก จ.อุบลราชธานี เป็นผู้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการให้คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะหากคุณหญิงพจมานมารับตำแหน่ง เชื่อว่าจะเป็นแม่เหล็ก ลูกน้องเก่าๆ จะกลับมาทั้งหมด
         “ถ้าคุณหญิง (พจมาน) รับปากว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรรค เจ้านาย (นายทักษิณ) จะว่าอย่างไร” นายเกรียงถาม ทำให้ผู้ร่วมงานต่างปรบมือและส่งเสียงเชียร์
         เมื่อนายทักษิณได้ฟังคำถามก็มีอาการอมยิ้มก่อนตอบว่า คุณหญิงพจมานเป็นคนไม่ชอบการเมืองที่สุด แต่ที่ผ่านมาตกกระไดพลอยโจน คุณหญิง (พจมาน) อาจจะอายุมากไปนะ และถ้าไม่จำเป็นอย่างยิ่งยวด คุณหญิงจะไม่ขอลงการเมือง เพราะไม่ชอบ สอง ปราศรัยไม่ถนัด ไม่ถนัดที่จะพูดต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นคนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมได้ แต่ว่าไปขึ้นปราศรัยขึ้นเวทีทักทายประชาชนทำไม่เป็น
         จากนั้นนายเกรียงได้กล่าวทีเล่นทีจริงด้วยว่า “ที่ผมคิดไว้ในใจไม่มีผิดว่าท่านเก็บไว้ใช้คนเดียว” ทำให้ผู้ร่วมงานรวมทั้งนายทักษิณต่างหัวเราะชอบใจ
         ในช่วงท้ายคลิป นายทักษิณกล่าวด้วยว่า “ผมมีหลายแนวทาง รับรองว่าแต่ละแนวทางเนี่ย ส.ส.ที่คิดจะออก รับตังค์เขามาแล้ว ต้องเอาตังค์ไปคืน เที่ยวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ เพราะว่าชนะธรรมดา มันไม่ให้เป็นรัฐบาลหรอก ถ้าแลนด์สไลด์มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล ต้องเอาแลนด์สไลด์ชนิดที่ไม่กล้าเป็นรัฐบาล”
      รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากมีการแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ไม่นาน ก็ได้มีการลบคลิปออกกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยไม่ทราบสาเหตุ
    วันเดียวกันนี้ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ประเมินคู่ชิงนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศที่สำรวจจาก 1,348 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11-16 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา 
    ผลสำรวจพบว่า ผู้มีความเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับแรก   ส่วนใหญ่หรือ 68.2% ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ อดทน อดกลั้น มุ่งมั่นทุ่มเททำงานให้ประเทศชาติและประชาชนต่อเนื่องมา ไม่พบปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่รุนแรงเอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ไม่เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อผลประโยชน์ต่อครอบครัวและพวกพ้อง เป็นต้น อันดับสองที่ตามมา ส่วนใหญ่หรือ 59.3% ระบุนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เพราะมีอุดมการณ์ ขยันทุ่มเททำงานแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน มีประสบการณ์การเมืองมายาวนาน เชื่อมประสานทุกฝ่ายฝ่าวิกฤตต่างๆ ได้ไม่มีประวัติด่างพร้อย 
    ส่วนอันดับสาม ที่ตามมาติดๆ ได้แก่ ส่วนใหญ่หรือ 58.6% ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, อันดับสี่ 58.5% ระบุนายกรณ์ จาติกวณิช, อันดับห้า 54.4% ระบุนายอนุทิน ชาญวีรกูล และรองๆ ลงไปได้แก่  53.9% ระบุนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ ส่วน 46.7% ระบุนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม 
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากมีพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีออกมา ประชาชนส่วนใหญ่ตอบรับผู้ถูกเสนอตัวเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรีตามความเหมาะสมในคุณลักษณะของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่ตอบรับกับการเสนอชื่อของพรรคการเมืองต่างๆ ว่าเหมาะสมเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองในจุดแข็งของแต่ละคนที่แตกต่างกัน 
    "ที่น่าสนใจคือ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายและการตัดสินใจเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ส่งผลทำให้การสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลสูงกว่ากลุ่มคนที่ไม่สนับสนุน โดยกลุ่มประชาชนในภาคใต้มีมากที่สุดในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล แต่ที่น่าสนใจคือกลุ่มพลังเงียบหรือขออยู่ตรงกลาง มีมากที่สุดในภาคอีสาน รองลงมาคือคนกรุงเทพมหานคร โดยพบว่ามีถึงเกือบครึ่งหนึ่งของประชาชนในภาคอีสาน ที่ขอเป็นพลังเงียบหรือขออยู่ตรงกลาง เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองของประชาชน" ผอ.ซูเปอร์โพลระบุ
หน่อย-พิธาไล่กวดตู่-จุรินทร์
    วันเดียวกันนี้ RIDC-SSRU POLL ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัล วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา หรือ “สวนสุนันทาโพล” เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,421 ตัวอย่าง สุ่มตัวอย่างจากในเขตอำเภอเมือง 822 ตัวอย่าง ต่างอำเภอ 599 ตัวอย่าง ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ โดยสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับผู้นำทางการเมืองที่มีผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศ โดยช่วงระยะเวลาในการเก็บข้อมูลคือ 12-16 ตุลาคม 2564 
    ที่น่าสนใจเมื่อถามว่า ใครจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ดีที่สุด ปรากฏว่า อันดับ 1 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 15.90%, อันดับ 2 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 14.57%, อันดับ 3 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 10.77%, อันดับ 4 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 9.01%, อันดับ 5 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2.11% อื่นๆ รวมกัน 28.99%
    ส่วนเมื่อถามว่า ใครเหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยคนต่อไป อันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ 16.68%, อันดับ 2 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 16.26%, อันดับ 3 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 16.19%, อันดับ 4 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 12.10%, อันดับ 5 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 9.85% และอื่นๆ 28.92%
    นอกจากนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “วันวาน...วันนี้ ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,315 หน่วยตัวอย่าง 
    จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่ 84.94% ระบุว่า เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ รองลงมา 13.08% ระบุว่าไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์, 1.45% ระบุว่ายังไม่เคยไปเลือกตั้งเลย และ 0.53% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
    เมื่อถามถึงการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ส่วนใหญ่ 48.14% ระบุว่ายังไม่แน่ใจ รองลงมา 30.04% ระบุว่าจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์, 20.38% ระบุว่าจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์, 0.84% ระบุว่าจะไปลงคะแนนไม่เลือกใคร (Vote NO) และ 0.60% ระบุว่าจะไม่ไปเลือกตั้ง
เรืองไกรไล่บี้ พท.ไม่เลิก
    นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยลงมติขับ ส.ส. 2 คนออกจากพรรคกรณีดังกล่าว เมื่อติดตามข่าวในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยและข่าวในเว็บไซต์สื่อมวลชนอื่นที่เกี่ยวข้อง จะพบเหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการที่ ส.ส.ทั้ง 2 คนลงมติไม่เป็นไปตามหนังสือพรรคเพื่อไทยวันที่ 30 สิงหาคม 2564 ซึ่งหัวหน้าพรรคเป็นผู้ลงนามแจ้งให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องลงมติตามความในหนังสือดังกล่าว แต่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 และมาตรา 124 สรุปว่า ส.ส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆ และในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.มีเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดในการแสดงความคิดเห็นหรืออกเสียงลงคะแนน ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าว ส.ส.ผู้นั้นในทางใดๆ มิได้
    นายเรืองไกรกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยลงมติขับ ส.ส. 2 คน เมื่อพิจารณาจากข่าวในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยและข่าวในเว็บไซต์สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะพบเหตุที่มาจากหนังสือพรรคเพื่อไทย วันที่ 30 สิงหาคม เป็นส่วนสำคัญด้วยการขับ ส.ส. 2 คน โดยมีเหตุจากข้อความในหนังสือดังกล่าว จึงอาจมีลักษณะที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 และมาตรา 124 กรณีจึงมีเหตุต้องขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าว หากขัดรัฐธรรมนูญ จะส่งผลให้เข้าข่ายฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง มาตรา 92 หรือไม่ ซึ่งกรณีจดหมายเคยร้องให้ กกต.ตรวจสอบไปแล้ว การลงมติขับ ส.ส. 2 คน จึงเป็นพยานหลักฐานที่ต้องร้อง กกต.เพิ่มเติม
         "วันที่ 19 ต.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือด้วยตนเองเพื่อให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป ในวันดังกล่าวต้องไปให้ถ้อยคำต่อ กกต. ตามหนังสือที่ ลต. 015/10353 กรณีร้องขอให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะต้องมีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่อยู่แล้ว" นายเรืองไกรเปิดเผย
    ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีวันที่ 20 ต.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่นายไพบูลย์ ที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฏิรูป ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง​ลง​ เป็นเหตุให้สถานภาพส.ส.ของนายไพบูลย์​จะสิ้นสุดลงหรือไม่​ ว่า​พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ​ แต่เชื่อมั่นในข้อกฎหมาย​ เพราะดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และตามรัฐธรรมนูญที่ประกาศ​ไว้ทุกประการ​ ​และดำเนินการผ่านหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงอย่าง กกต. ซึ่งทาง กกต.ตรวจสอบ​แล้ว​ ถึงให้มีหนังสือแจ้งไปยังสภาผู้แทนราษฎร​ ทั้งนี้ เอกสารและหลักฐานต่างๆ ส่งให้ศาลหมดแล้ว​ อย่างไรก็ตาม วันที่มีการประกาศคำวินิจฉัย ​20​ ต.ค.นี้ได้มอบหมายทนายให้เป็นตัวแทนไปฟังแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"