มือหั่นเผยนาทีฆ่า ค้อนทุบหัวแฟนสาว


เพิ่มเพื่อน    

    รวบแล้วช่างตัดสติกเกอร์ฆาตกรทมิฬฆ่าหั่นศพแฟนสาว อ้างหึงหวงไปอยู่กับสามีเก่า พอย้อนกลับมาขนของในห้อง ก็เลยหน้ามืดใช้ค้อนทุบกะโหลกจนสลบ ฟื้นขึ้นมาจึงรัวกระหน่ำจนขาดใจ แล้วนอนอยู่กับศพจนรุ่งเช้า ก่อนใช้ความชำนาญที่เคยเป็นผู้ช่วยเชฟและคนงานชำแหละไก่ ชำแหละศพเป็น 14 ชิ้นยัดกระเป๋าเป้ กระสอบปุ๋ยทิ้งข้างทาง หลังพบศพยังโพสต์กลบเกลื่อน “ใจคนสมัยนี้ทำด้วยรัยว้า เด่วยิงกัน เด่วฆ่ากัน หั่นคนยังกะหั่นหมูหั่นวัว” พ่อลั่นขอให้ได้รับโทษประหารตายตกตามกัน
    มีรายงานว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมตำรวจสืบสวน บก.น.3 เข้าควบคุมตัวนายธนกฤต ประกอบ หรือวุธ ช่างเทคนิคตัดสติกเกอร์และส่งเอกสาร บริษัท พริ้นต์วิทมี จำกัด ที่ถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุสยองฆ่าหั่นศพ น.ส.ลักษณา กำลังเก่ง หรือเมย์ อายุ 24 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด อดีตพนักงานบัญชีบริษัท พริ้นต์วิทมี อดีตแฟนสาว พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นจีที หมายเลขทะเบียน 5 กบ 3173 กรุงเทพมหานคร มาสอบปากคำ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้น ย้าย ทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
    ก่อนหน้านี้เมื่อกลางดึกวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.มีนบุรีพบกระเป๋าเป้สะพายสีดำต้องสงสัยมีคราบเลือดถูกทิ้งไว้ริมถนนสามวา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. ตรวจสอบภายในมีถุงพลาสติกสีน้ำเงินห่ออีก 2 ชั้น พันด้วยผ้าขนหนู เมื่อแกะดูก็พบศีรษะหญิงสาววัยรุ่น ผมสีแดง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 วัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกระสอบปุ๋ยเปื้อนเลือดอีก 2 ใบ เปิดออกพบเป็นชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิต ซึ่งต่อมาทราบว่าผู้ตายคือ น.ส.ลักษณา กำลังเก่ง
    คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังสืบสวนสอบสวนหาเบาะแสมาเป็นลำดับ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดวันที่ 12 มิ.ย. ที่อาคารดีดีแมนชั่น แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. พบว่าผู้ตายพร้อมนายธนกฤตได้เข้าไปในห้องพัก และช่วงเช้ามืดวันที่ 14 มิ.ย. พบว่านายธนกฤตได้ลากถุงต้องสงสัยออกจากห้องโดยไม่พบว่าผู้ตายออกมาด้วยแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้นำตัวนายธนกฤตไปตรวจค้นที่ห้องพักอาคารดีดีแมนชั่น พบอาวุธมีดปลายแหลม จำนวน 6 เล่ม พร้อมของกลางอีกหลายอย่างพร้อมทั้งคราบเลือด นายธนกฤตจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า น.ส.ลักษณา ด้วยเหตุหึงหวง
    ต่อมา พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 เดินทางมาร่วมสอบปากคำ นายธนกฤตเผยว่า ได้คบหากับ น.ส.ลักษณา อยู่ด้วยกันประมาณ 2 ปี และทราบว่าผู้ตายจะกลับไปคบหากับอดีตสามี จนเกิดมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง และได้เลิกกับผู้ตายเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงได้เก็บข้าวของออกไปอยู่ที่อื่น กระทั่งก่อนเกิดเหตุวันที่ 12 มิ.ย. อดีตแฟนสาวได้มาหาที่ทำงานเพื่อขอกุญแจเข้าห้อง บอกว่าจะมาเก็บของที่ยังเหลืออยู่ จึงให้รอจนเลิกงานถึงกลับไปพร้อมกัน แต่เมื่อไปถึงห้องได้เกิดมาปากเสียงกันอีก จนนายธนกฤตบันดาลโทสะ ใช้ค้อนทุบตีที่ศีรษะ น.ส.ลักษณาจนเสียชีวิต แล้วนอนอยู่กับศพจนถึงเช้า 
    รุ่งขึ้นวันที่ 13 มิ.ย. นายธนกฤตได้ใช้อาวุธมีดจำนวน 6 เล่ม ที่สั่งซื้อมาจากเฟซบุ๊กก่อนหน้านี้ชำแหละศพ โดยแยกเป็นชิ้นส่วนใส่กระเป๋าเป้และกระสอบปุ๋ย กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 14 มิ.ย. ได้ขนใส่รถจักรยานยนต์นำไปทิ้งในพงหญ้าบริเวณซอยสามวา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา แล้วก็ไปทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    รายงานข่าวแจ้งว่า นายธนกฤตเคยเป็นผู้ช่วยเชฟโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา และยังคงเคยประกอบอาชีพชำแหละไก่ที่โรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อนมาทำงานและคบหาดูใจกับ น.ส.ลักษณา และหลังลงมือก่อเหตุฆ่าอดีตแฟนสาว นายธนกฤตได้อาศัยความชำนาญในการใช้มีดอยู่แล้วหั่นศพอดีตแฟนสาวออกเป็นชิ้น แล้วบรรจุใส่กระเป๋าเป้และกระสอบก่อนนำไปทิ้ง
    นอกจากนี้ เมื่อมีการพบศพถูกชำแหละและยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้าย ในเฟซบุ๊กของนายธนกฤตได้โพสต์เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า “ใจคนสมัยนี้ทำด้วยไรว้า เด่วยิงกัน เด่วฆ่ากัน หั่นคนยังกะหั่นหมูหั่นวัว”
    ยังมีประเด็นน่าสนใจ ที่นายธนกฤตอ้างว่าฆ่า น.ส.ลักษณาเพราะอารมณ์ชั่ววูบ บันดาลโทสะ แต่เหตุใดจึงมีการสั่งซื้อมีดทางเฟซบุ๊กถึง 6 เล่มไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นการวางแผนเตรียมการไว้ก่อนหรือไม่
    ที่ สน.มีนบุรี เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. แถลงว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ลักษณาเดินทางมาเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องพักอาคารดีดีแมนชั่น ซอยสีหบุรานุกิจ 10 แล้วถูกนายธนกฤตใช้ค้อนตีที่ศีรษะผู้ตาย 1 ครั้งจนสลบ เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ผู้ตายได้ฟื้นขึ้นมา จึงถูกนายธนกฤตใช้ผ้าห่มคลุมแล้วใช้ค้อนตีศีรษะอีก 3-4 ครั้งจนเสียชีวิต จากนั้นนายธนกฤตได้ทิ้งศพไว้ในห้องพัก 1 วัน โดยผู้ต้องหาออกไปทำงานตามปกติ แล้วกลับมาชำแหละศพเป็น 14 ชิ้น ก่อนทยอยนำใส่กระเป๋าเป้ กระสอบ และหลอดใส่โปสเตอร์ ไปทิ้งริมถนนสามวา 2 รอบ กระทั่งมีผู้มาพบกระเป๋าเป้และกระสอบบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 
    พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า จากการสอบสวนนายธนกฤต สารภาพว่าก่อเหตุเพราะความหึงหวง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาไม่มีประวัติเคยก่ออาชญากรรม หรืออาการป่วยทางจิต สาเหตุที่ตัดสินใจชำแหละศพ เพราะไม่รู้ว่าจะเคลื่อนศพได้อย่างไร จึงอาศัยทักษะที่เคยเป็นผู้ช่วยกุ๊กในครัวมาตัดชิ้นส่วนศพ 
    ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า ต่อไปพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมหลักฐานมาพิจารณา ว่าการกระทำครั้งนี้เข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ ส่วนจะถือเป็นการฆ่าด้วยความทารุณโหดร้ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้พิพากษา ส่วนแฟนใหม่ของผู้ต้องหานั้น ต้องมีการเรียกตัวมาสอบสวนเช่นเดียวกัน
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายธนกฤตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในห้องพักที่เกิดเหตุ อาคารดีดีแมนชั่น เริ่มตั้งแต่ใช้ค้อนตีหัว ก่อนหั่นศพแยกชิ้นส่วน และจุดทิ้งกระเป๋าเป้และกระสอบบรรจุชิ้นส่วนศพในซอยสามวา ท่ามกลางการสาปแช่งของชาวบ้าน พร้อมตะโกนให้ประหารตายตกไปตามกัน หลายคนทำท่าจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ต้องรีบคุมตัวนายธนกฤตกลับไปคุมขังไว้ที่ สน.มีนบุรี และเตรียมนำส่งศาลฝากขังในวันที่ 25 มิ.ย. 
    ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายแก้วมูล กำลังเก่ง อายุ 50 ปี พ่อของ น.ส.ลักษณา พร้อมญาติ เดินทางมารับชิ้นส่วนศพ ภายหลังผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ลายนิ้วมือศพตรงกัน พนักงานสอบสวนจึงออกหนังสือยืนยันชื่อ และใบรับรองการตายเพื่อขอรับศพ ซึ่งระบุสาเหตุการตายว่า เกิดจากกะโหลกศีรษะแตก สมองฉีกขาด จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกอย่างรุนแรง โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดดงหัวเรือ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งยังไม่กำหนดสวดและวันเผา
    นายแก้วมูลกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ทราบเรื่องลูกสาวคบหากับคนร้ายมาประมาณ 2 ปี ซึ่งนายธนกฤตเคยเดินทางมาที่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด พบหน้ากัน 2-3 ครั้ง คนร้ายดูเป็นคนเงียบๆ และลูกสาวไม่เคยเล่าถึงพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงใดๆ มีแต่ทะเลาะกันบางครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกสาวยังกลับมาที่บ้าน พร้อมบอกว่าเลิกรากับนายธนกฤตแล้ว จากนั้นราว 1 สัปดาห์ ทางบ้านพยายามติดต่อโทรศัพท์ไปก็ไม่ติด รู้สึกเป็นห่วง กระทั่งมาทราบข่าวร้ายที่เกิดขึ้นว่าลูกสาวถูกฆ่าและทำอย่างทารุณ
    "ผมแค้นใจ อยากให้คนร้ายถูกประหารชีวิตทันที ตายตกตามกันไปกับสิ่งที่ทำรุนแรง ถูกประหารหั่นแบบเดียวกับที่ทำกับลูก เพื่อไม่ให้คนอื่นทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง" พ่อผู้ตายกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธสั่นเครือ
    ด้านนายสมคิด จะมัง อายุ อายุ 59 ปี ลุงของ น.ส.ลักษณา เปิดเผยว่า หลานสาวเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี เป็นที่รักของทุกคน ก่อนหน้านี้เคยมีครอบครัว มีลูกด้วยกัน 2 คน ก่อนที่จะเลิกรากับแฟนเก่า และมาคบกับนายธนกฤต ขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีและผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง ขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในโทษประหาร เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หากไม่ประหารชีวิตก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เนื่องจากโทษหนักสุดก็แค่จำคุก จึงทำให้หลายๆ คนไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้ แค่ตนรู้ว่าหลานเสียชีวิตก็เสียใจที่สุดแล้ว ยิ่งพอมารู้ว่าหลานโดนหั่นศพด้วยก็ยิ่งรับไม่ได้
    ที่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 8 บ้านดงหัวเรือ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ลักษณา นางพัชรา กำลังเก่ง แม่ของน้อง น.ส.ลักษณา กล่าวว่า ลูกสาวเคยพานายธนกฤตมาเยี่ยมบ้าน เท่าที่ดูก็เป็นคนเรียบร้อย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะทำกับลูกอย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ จึงอยากให้ได้รับโทษประหารตายตกตามกัน เพราะถ้าติดคุกก็อาจจะพ้นโทษไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก
    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “โทษประหารชีวิต ควรหยุดหรือไปต่อ” โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนร้อยละ 80.50 ต้องการให้ประหารชีวิตผู้กระทำความผิดในคดีร้ายแรง โดยร้อยละ 85.29 ระบุว่า บทลงโทษประหารชีวิตจะมีผลทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทยมีความศักดิ์สิทธิ์หรือน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น เพราะแสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีความเด็ดขาด ขณะที่ร้อยละ 12.07 ระบุว่า ไม่ได้ทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่มีความโปร่งใส มีช่องโหว่ทางกฎหมาย และการปฏิบัติหน้าที่ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ 
    ประชาชนร้อยละ 79.05 ยังเห็นว่าโทษประหารชีวิตจะทำให้คดีอาชญากรรมลดลง และร้อยละ 92.49 เห็นว่า ควรมีโทษประหารชีวิตต่อไป เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นบทเรียนเตือนใจให้แก่ผู้กระทำความผิดหรือคิดจะกระทำความผิดมีความเกรงกลัว เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับครอบครัวที่สูญเสีย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"