สุดอัดอั้นลูกชาย'หม่ำ จ๊กมก'เคลียร์ครหาเกาะพ่อดัง!


เพิ่มเพื่อน    

 

          เกิดมาเป็นลูกดาราใครว่าสบาย ต้องแบกทั้งภาระ ความรับผิดชอบมากมายภายใต้ชื่อเสียงของพ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นตลกซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทยอย่าง "หม่ำ จ๊กมก" ทำให้ลูกชายคนเดียว มิกซ์-เพทาย วงษ์คำเหลา ถึงกับเก็บความอัดอั้นนี้ไว้เป็นแรงผลักดันตั้งใจทำผลงานออกมาให้โดดเด่น เพื่อให้จำตัวตนมากกว่าการมีนามสกุลห้อยท้ายว่าเป็นลูกหม่ำ
          ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บShow พร้อมเผยว่าถึงแม้ว่าจะเกิดเป็นลูกตลกแต่ก็สามารถเลือกอาชีพที่ฝันที่อยากจะทำได้เช่นกัน
          "ตอนนี้ก็ดีขึ้น ทำเพลง เป็นศิลปินเต็มตัว แต่ก่อนไม่ได้แย่ครับ อาจจะเป็นความคิดส่วนตัวผมก็ได้ เพราะเกิดมาแล้วมีคนพูดว่าผมเป็นลูกหม่ำ แต่เป้าหมายผมมันมากกว่าการเป็นลูกหม่ำ รู้สึกภูมิใจที่อยู่ในจุดนี้ได้
          ชีวิตการเป็นลูกหม่ำ จ๊กมก มีทั้งดีและไม่ดีครับ คือดีในด้านของครอบครัว รักกัน พ่อแม่พี่น้อง แต่ที่บอกเรื่องไม่ดีก็ไม่เชิงไม่ดี อาจจะเป็นความรู้สึกส่วนตัว อย่างเวลาเจอคนอื่นเขาชอบบอกว่านี่ไงลูกหม่ำ ไม่เจอหม่ำก็ถ่ายรูปกับลูกหม่ำก็ได้ ฝากสวัสดีพ่อหน่อยนะ คือผมรู้สึกเหมือนเป็นคนกลางส่งสารเลย แต่ผมไม่โกรธคนที่พูดนะ ผมโกรธตัวเองและรู้สึกว่าเราต้องทำผลงานให้มากกว่านี้ ให้คนรู้จักมากกว่าลูกหม่ำ
          ผมภูมิใจที่เป็นลูกพ่อ แต่คนจะมองรวมว่าถ้าเป็นลูกหม่ำต้องเป็นตลก ผมเป็นลูกหม่ำแต่เรื่องอาชีพผมก็มีสิทธิ์เลือกได้ในทางที่ผมต้องการและอยากทำ ผมเป็นแร็ปเปอร์ ตอนนี้เป็นโปรดิวเซอร์หนังแล้วก็ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย

 

 

          คนบอกโอกาสของคนที่เป็นลูกดารามันจะมาก่อนเสมอ ถูกต้องครับ แต่ผมเลือกปฎิเสธมา 6-7 ปีแล้ว ผมเริ่มทำเพลงมาจนคนยอมรับผม ผมว่าก็ทำเหมือนกันกับลูกคนอื่น แต่ว่าเราต้องทำมากกว่าเพราะว่าพ่อเราเป็นคนของประชาชน ไม่ใช่แค่พ่อ ทั้งครอบครัวผมเป็นคนของประชาชน ต้องระวังเพราะถ้าผมทำอะไรผิดไปมันเกี่ยวไปถึงครอบครัวผม รู้สึกกดดันแต่อีกมุมนึงก็คิดว่ามันเกิดมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องทำให้สุด เราเกิดมาแค่ครั้งเดียว
          กับพ่อปกติถ้าไม่ขัดแย้งกันเรื่องงานเรื่องหนังนี่เราก็จะคุยกันเสียงดังอยู่แล้ว แต่ถ้าอันไหนขัดแย้งยิ่งหนักเลย เรารู้กันอยู่แล้วว่างานก็คืองาน คุยกันให้เกิดงาน เราเอาเหตุผลมาคุยกัน แต่เราไม่เคยทะเลาะกันเรื่องงานแล้วลามปามไปเรื่องส่วนตัว เพราะพ่อบอกว่างานส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็แยกกัน
          ทะเลาะกับพ่อก็มีตอนเด็กๆมีเรื่องเรียน สอบตกตลอด พ่อให้ไปติวก็ไม่ดีขึ้น แล้วก็เป็นเรื่องที่ทำให้แม่ร้องไห้เพราะเราไม่ตั้งใจเรียน จุดที่ทำให้เราเปลี่ยน ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนผมเรียนระบบ IGCSE มันจะจบก่อน ม.6 อยู่แล้วถ้าสอบผ่าน เพื่อนเขาออกไปหมดแล้วเหลือผมคนเดียว ผมก็มานั่งคิดว่าจะเอายังไงจะเรียนในโรงเรียนหรือจะไปเรียนสอบเอาวุฒิ ม.6 GED เลย ผมก็เลือกเรียน GED เลย ไปเรียนนิวซีแลนด์นี่พ่ออยากให้ไป ส่วนแคนาดาพี่เอ็มชวนไปส่วนตัว แล้วก็ได้ประสบการณ์เรื่องแร็ปจากที่แคนาดาเลย อยู่ที่นั่นมีแต่เพลงฮิปฮอปเข้ามา

 

 

          ตอนแรกที่บอกพ่อเรื่องอยากเป็นแร็ป ผมทำเพลงเสร็จผมให้พ่อฟังก่อนเลย พ่อฟังเสร็จเขาก็บอกว่าได้ๆ เดี๋ยวปั้นๆ ผมรอมาเกือบ 2 ปีแล้ว ยังไม่เห็นทำไรเลย ผมเลยไม่ไหวละ เราทำเองดีกว่า ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำเองเพราะผมออกมาอยู่คนเดียวด้วยตอนเรียน ปี1 ผมเลยคิดว่าเรื่องทำหนังกับเป็นแร็ปเปอร์ทำอะไรก่อน แล้วก็ตัดสินใจเลือกแร็ปเปอร์ก่อน เพราะหนังมันใหญ่เกินไปสำหรับเราตอนนั้น
          เรื่องออกจากวงการของพ่อเขาบอกว่าเดี๋ยวเขารู้ตัวเอง ถ้าเขาอยากออกอยากพักเดี๋ยวออกเอง เราไม่ห่วงเขาเรื่องทำงาน เราห่วงเรื่องพักผ่อนไม่เพียงพอมากกว่าครับ"

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม @motjokmok

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"