ไทยเฮ สหรัฐจัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์จากเทียร์ 2 ต้องเฝ้าจับตามอง มาอยู่เทียร์ 2 บัวแก้วชี้ สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาของเรา นายกฯ บอกถือเป็นข่าวดี ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมผลักดันความสำเร็จ ย้ำเดินหน้าปราบปรามการค้ามนุษย์ ดูแลแรงงานให้ดีที่สุด

    เมื่อวันศุกร์ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน วันที่ 28 มิถุนายน  2561 เวลา 14.00 น. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2561 (TIP Report 2018) โดยในปีนี้ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในเทียร์ (Tier) 2 ซึ่งเป็นการปรับอันดับขึ้นจากที่เคยอยู่ในอันดับ Tier 2 Watch List (ต้องเฝ้าจับตามอง) เมื่อปี 2560 สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาตระหนักถึงความจริงจัง ความพยายาม และความคืบหน้าในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบที่รัฐบาลไทยได้มุ่งมั่นสร้างขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด การคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย และการป้องกันการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ โดยไทยพร้อมจะร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และนานาประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในเชิงกว้างและลึกมากยิ่งขึ้นในอนาคต
    "การที่ไทยได้รับอันดับที่ดีขึ้น ไม่ได้ทำให้รัฐบาลไทยนิ่งนอนใจต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ไทยจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนากรอบกฎหมายและนโยบาย รวมทั้งหาทางเพิ่มพูนประสิทธิภาพการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อปกป้องคุ้มครองชาวไทยและชาวต่างชาติในไทย ซึ่งเสมอกันด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือตลอดมา" โฆษก กต.กล่าว
    ขณะที่ผู้นำของไทยก็ออกมาแสดงความจริงใจในการปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดี และขอบคุณที่สหรัฐเห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าปราบปรามและกำจัดการค้ามนุษย์ในไทยให้มากที่สุด และในปีหน้าที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียน ก็จะผลักดันการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ในระดับภูมิภาคอาเซียนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นไปอีก
    พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน และมิตรประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐ ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ รวมทั้งภาคเอ็นจีโอ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ร่วมมือทำงานอย่างหนักกับรัฐบาลไทย 
    "นายกฯ ย้ำว่า ถือเป็นวันที่มีข่าวดี แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและทุกฝ่ายต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นอีก เพื่อแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ให้สำเร็จอย่างดีที่สุด พร้อมทั้งขอให้ประชาชนช่วยกันดูแล สอดส่อง และแจ้งข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ หากพบเห็นปัญหาการค้ามนุษย์ทุกแห่ง ขณะเดียวกันได้กำชับทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ให้บูรณาการกับทุกฝ่าย เพื่อให้การคุ้มครองดูแลแรงงานไทยและต่างชาติ และการบังคับใช้กฎหมายมีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกคนอย่างยั่งยืน" พ.อ.อธิสิทธิ์ระบุ
    เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับการปลดจากเทียร์ 2 เฝ้าระวัง ซึ่งเราแก้ปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่อยู่ในระดับเทียร์ 3 โดยประเทศในเอเชียเราเป็นประเทศที่ดีที่สุด ที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งนี้ ต้องขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ ที่เห็นว่าเราร่วมมือร่วมใจกันทำงาน เพื่อการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และถึงแม้เราจะได้เทียร์ 2 แล้ว แต่เราก็ยังต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้นในการดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ ต้องไม่ให้มีเกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ 
    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ถือว่ารัฐบาลมาถูกทาง และเป็นสัญญาณบวกที่ไทยเข้าสู่มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีระบบการจัดการแรงงานที่เข้าเมืองอย่างถูกต้อง มีฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีการจ้างงานที่ถูกต้อง มีการคุ้มครองและเยียวยา ซึ่งปัญหาเรื่องการบังคับใช้แรงงานและปัญหาค่าจ้าง ปัญหาการใช้แรงงานเด็กจะหมดไปในเร็ววัน เนื่องจากได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล รวมถึงกระทรวงแรงงาน เอาจริงเรื่องปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมาย ทั้งการไปเก็บข้อมูลสแกนม่านตาแรงงานประมงกว่า 1.7 แสนคน และจัดทำทะเบียนประวัติแรงงานทั้งหมดกว่า 1 ล้านคนให้เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการค้ามนุษย์ ร่วมบูรณาการทำงานอย่างจริงจัง เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สถานะการปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทยปรับระดับดีขึ้นเรื่อยๆ 
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงค์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีอย่างมากที่จะทำให้การค้าหลายกลุ่มโดยเฉพาะประมงและกลุ่มต่อเนื่องของไทย เช่น อาหารแช่เยือกแข็งที่ส่งออกไปขายทั่วโลก มีภาพลักษณ์ดีขึ้น
    ส่วน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า การปรับระดับในครั้งนี้ มาจากการที่รัฐบาลไทยได้เพิ่มความพยายามในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง 
      นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การปรับอันดับไทยอยู่ที่เทียร์ 2 จะส่งผลดีต่อไทย โดยเฉพาะในด้านการสร้างความมั่นใจในหลักการด้านมนุษยธรรมที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้มีผลต่อคู่ค้าเฉพาะสหรัฐเพียงประเทศเดียว แต่จะมีผลในด้านความมั่นใจต่อคู่ค้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการส่งออก อาจจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับผลกระทบหรือได้รับผลในด้านใดบ้าง แต่เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการเจรจา 
    ด้านนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะการเลื่อนอันดับของไทย เป็นผลมาจากการร่วมมือกันทำงานเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอย่างจริงจังในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จากจุดที่ต่ำสุดคือปี 2557-2558 ไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่เทียร์ 3 อยู่ 2 ปีซ้อน ซึ่งระหว่างนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้แก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 โดยเฉพาะฉบับที่ 3 ที่มีผลบังคับใช้ต้นปี 2560 มีการแก้ไขสาระสำคัญในนิยามของ “การค้ามนุษย์” ซึ่ง กสม.ได้เข้าไปมีส่วนให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะให้คำนิยามของแรงงานบังคับ
     "อย่างไรก็ตาม ทิปรีพอร์ตปี 2561 นี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ไทยยังต้องทุ่มเทความพยายามเรื่องนี้ต่อไป  ซึ่ง กสม.เห็นว่ากลไกระดับชาติที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จะต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว มีเขตอำนาจที่แข็งแรงและเพียงพอที่จะดำเนินการเอาผิดกับขบวนการค้ามนุษย์ที่เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างดี ซึ่งตรงนี้ กสม.จะได้ทำการศึกษาเจาะลึกและนำเสนอต่อรัฐบาลถึงมาตรการที่เหมาะสมต่อไป" นางประกายรัตน์กล่าว.