ธ.ก.ส. เร่งปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าชาวสวนผลไม้หลังส่งสัญญาณเป็นหนี้เสียกว่า 3 หมื่นล.


เพิ่มเพื่อน    

ธ.ก.ส. จี้สาขาทั่วประเทศเร่งช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวน-ชาวไร่ผลไม้ “สับปะรด มะนาว กล้วย มังคุด”  หลังส่งสัญญาณค้างชำระจ่อเป็นหนี้เสียกว่า 3 หมื่นล้านบาท ลุยปรับโครงสร้างหนี้ เชื่อแก้ปัญหาได้ไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีลูกค้าเกษตรกรของธนาคารที่ประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและมีการค้างชำระหนี้มากกว่า 0-3 เดือน มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวสวน ชาวไร่ผลไม้มากที่สุด โดยเฉพาะสับปะรด ในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำจากปีที่แล้วมาก รองลงมาเป็นมะนาว กล้วยที่เพราะมีการเพาะปลูกกันเยอะ รวมถึงมังคุดในภาคตะวันออก แม้ราคาดีแต่ผลผลิตออกมาน้อยทำให้มีปัญหาการผ่อนชำระ

ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายเร่งด่วนถึงสาขา ธ.ก.ส.ทั่วประเทศให้เข้าไปช่วยดูแลปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน เพราะหากไม่มีการดูแลและค้างผ่อนชำระเกิน 3 เดือน ลูกค้ากลุ่มนี้จะกลายเป็นหนี้เสียทันที และทำให้ธนาคารมียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) เพิ่มเป็นก้าวกระโดดจาก 4.29%ในสิ้นเดือนมี.ค.2561 เพิ่มเป็น 6%  ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทั้งลูกค้าและเป็นภาระธนาคารให้มีการตั้งสำรองสูงขึ้น ดังนั้นระหว่างนี้ต้องเร่งแก้ไขและหากมีเกษตรกรประสบปัญหาก็เข้ามาติดต่อที่สาขาธนาคารได้

“การช่วยเหลือของธนาคารจะเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ให้ เช่น ขยายเวลาชำระหนี้ ปรับตารางชำระดอกเบี้ยใหม่ หรืออาจให้ชำระแต่ดอกเบี้ยไปก่อน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีความตั้งใจในการชำระหนี้แต่อาจมีเงินผ่อนส่งไม่ถึงเกณฑ์จึงต้องช่วยเหลือ โดยธนาคารคาดว่าเมื่อปรับโครงสร้างให้ลูกหนี้กลุ่มนี้แล้ว จะช่วยยับยั้งการเป็นหนี้เสียได้ถึง 60% หรือคิดเป็นวงเงินกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ 1.2 หมื่นล้านบาทจะไหลเข้ามาสู่กลุ่มหนี้เสีย แต่เมื่อผสมกับการแก้หนี้เสียก้อนเก่าช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.ที่ลดลงไป 1 หมื่นกว่าล้านบาท จะทำให้ภาพรวมเอ็นพีแอลของธ.ก.ส. ในไตรมาสแรกปีบัญชี (เม.ย.-มิ.ย.)ยังทรงตัวระดับเดิมใกล้เคียงกับยอดสิ้นปีบัญชี 4%” นายอภิรมย์ กล่าว

นายอภิรมย์ กล่าวอีกว่า ยอดเงินฝากในช่วงปีบัญชีไตรมาสแรกมีเงินฝากสุทธิเข้ามา 7.83 พันล้านบาท เป็นไปตามคาด เนื่องจากโดยปกติไตรมาสแรกจะมีเงินฝากเข้ามาน้อย เพราะเป็นช่วงที่เกษตรกรมีภาระรายจ่ายเยอะ ทั้งค่าเทอม ค่าการศึกษาบุตรหลาน ค่าใช้จ่ายลงทุนเพาะปลูก แต่ในไตรมาสสองช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ยอดเงินฝากจะเพิ่มขึ้นเร็วได้ เพราะมีลูกค้าเงินฝากจากภาครัฐเข้ามา รวมถึงผลผลิตทางเกษตรจะเริ่มเก็บเกี่ยวและขายได้ ทำให้ในสิ้นปีนี้ภาพรวมของเงินฝากสุทธิจะเพิ่มได้ตามเป้าหมาย 5.75 หมื่นล้านบาท

“ในส่วนของเกษตรกรที่ปีนี้จะมีการส่งเสริมการออมเพิ่ม ด้วยการทำโครงการเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษโครงการเงินฝากพิเศษเข้ามา เช่น สลากออมทรัพย์ทวีสิน เงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค ซึ่งจะทำให้เมื่อถึงสิ้นปีบัญชี จะมีเงินฝากเกษตรกรเพิ่มขึ้นได้ 4% จากปีก่อนที่มี 2.9 แสนล้านบาท ส่วนการปล่อยสินเชื่อยังคงทำได้ตามเป้าหมาย โดยในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2561 สามารถปล่อยกู้ใหม่ไปได้แล้วกว่า 9 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี ที่ 7.5 แสนล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะยังคงทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีเกษตรที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบมากขึ้นแบบก้าวกระโดด” นายอภิรมย์ กล่าว
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"