เมื่อเล่นบท 'กุมภกรรณทดน้ำ'


เพิ่มเพื่อน    

      ถ้าเป็นหนัง............

      ที่พบ "๑๓ หมูป่าติดถ้ำ" นั่นเพียง "ภาคแรก"

      ถ้าจะให้จบบริบูรณ์.........

      เรื่องนี้ ต้อง "ไตรภาค"!?

      คือหลังปลดปล่อยความดีใจที่พบ ๑๓ หมูป่าตรงเนินนมสาว เลยพัทยา บีช เข้าไป ๔๐๐ เมตร อันเป็น "ภาคแรก" แล้ว

      วันนี้ ก็ถึง "ภาค ๒" ในประเด็นว่า

      "พบแล้ว...........

      จะพา ๑๓ หมูป่า ออกจาก 'ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน' ได้ด้วยวิธีไหน?"

      เนินนมสาวถึงปากถ้ำ เป็นรู "เฉพาะตัวคน" ลอด ระยะทาง ประมาณ ๕ กิโลเมตร

      ใน ๕ กิโลเมตร นั้น.........

      ประกอบด้วยทะเลสาบมินิ น้ำท่วมมิดจรดเพดาน สลับ ๓ ช่วง ลึกและเชี่ยว

      จะผ่านแต่ละช่วงออกไปได้ ต้องดำรวดเดียว "ห้ามโผล่"

      ถึงโผล่ ก็ไม่มีพื้นที่ให้โผล่!

      ดำในความ "มืดมิด" ประหนึ่งแดนสนธยา มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น บางช่วง-บางตอน "ทรายเลน" ยังอัดตัน

      การจะดำออกไป ร่างกายต้องแข็งแรง, จิตใจต้องเข้มแข็ง, ว่ายน้ำเป็น ต้องสวมหน้ากากหายใจ และใช้เป็น

      มันเป็น ๕ กิโลเมตร ที่ขนาดนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ ยังต้องใช้เวลา "เร็วสุด" ๔ ชั่วโมง

      แบบนี้ หมูป่าซึ่งชำนาญแต่ทางดอย จะไหวหรือ?

      นี่...ตอนนี้ สถานการณ์อยู่ในชั้นนี้.........

      "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร" ผบ.พื้นที่ และหน่วยซีล กำลังหาทางแก้สมการโจทย์

      ประเด็น คือว่า ๑๓ หมูป่ารวมทั้งโค้ช จิตใจอาจเข้มแข็ง แต่ตอนนี้ ร่างกายยังไม่พร้อม

      ที่สำคัญ "หมูป่า" ไม่สันทัดว่ายน้ำ

      ยิ่งจะให้ชำนาญวิธีและคล่องต่อการสวมหน้ากากดำน้ำ จากฝึกสอนระยะสั้นๆ ด้วยแล้ว

      "ค่อนข้างเสี่ยง"!

      ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อนอก ว่า ๑๓ หมูป่า อาจต้องอยู่ในถ้ำนาน ๔ เดือน เพื่อการเตรียมตัวนั้น

      ทางทฤษฎีอาจเป็นอย่างนั้น.........

      แต่ทางภูมิศาสตร์พื้นที่ บนสถานการณ์จริง ไม่อาจให้อยู่ในถ้ำนานขนาดนั้น

      เพราะเป็น "หน้าฝน"

      ขนาดตกเบาะๆ ยังปริ่มเนินนมสาว ถ้าเข้าคอร์สอยู่ในถ้ำถึง ๔ เดือน

      "หมูป่า" กลายเป็น "หมูบาดาล" แน่!

      ต่อจากนี้ อยากคุยซักนิด แค่ "ความเห็น" นอกศาสตร์ทั้งปวง เป็น "มโนศาสตร์" ของผมเอง บอกให้เข้าใจก่อน

      คือ ในความเข้าใจผม ..........

      ๓ สิ่งนี้ "ภูเขา-ถ้ำ-น้ำ" เป็นสิ่งเดียวกัน ยากแยกให้ขาดจากความเป็น "กันและกัน" ได้

      ทุกแม่น้ำ "ต้นธาร-ต้นทาง" ล้วนมาจาก "ภูเขา"!

      เอาง่ายๆ แค่ ปิง, วัง, ยม, น่าน โขง ก็เถอะ ขึ้นไปตามภูเขา ใครชี้ให้ดูน้ำไหลกระซิกๆ ตามร่องแตกแยกซอก แล้วบอก

      นี่ไง...."ต้นแม่น้ำ" ปิง วัง ยม น่าน และ โขง

      ก็เชื่อ แบบไม่อยากจะเชื่อ.......

      ว่าเป็นได้ไง น้ำไหลตามซอก ตามร่องเขาจ๊อกๆ แจ๊กๆ แต่ปลายทางที่ไหลไปรวม คือสิ่งที่เรียก "แม่น้ำ" แสนจะกว้างใหญ่?

      "แม่น้ำ" ย่อมไม่มีวันแห้ง.......

      จะเหือดบ้าง "บางครั้ง-บางเวลา" แต่ว่า เดี๋ยวก็ไหลจากภูผามาเต็ม ปีแล้ว ปีเล่า จนพันปี-ล้านปี

      ไม่เคยปรากฏ "น้ำแห้ง" จากภูเขา มาก-น้อย เป็นอีกเรื่อง!

      นี่เป็นความเข้าใจผม..........

      "พันปี-ล้านปี" กว่าจะเป็นภูเขา ก็เท่ากับ "พันปี-ล้านปี" แห่งการ "ถมซับ-ทับซ้อน"

      ภูเขา ซ่อนความเป็น "บิดร-มารดา" แห่งแม่น้ำ ย่อมหลั่งกษีรธาราออกมาเป็นสายหล่อเลี้ยงแม่น้ำทั้งมวล ไม่สิ้น-ไม่สุด!

      มนุษย์เรา หนุ่มเฒ่า-สาวแก่ ก็แค่ ๑๐๐ ปี ตาย

      ถึงวิทยาการเก่งแค่ไหน ที่จะให้เก่งเกินธรรมชาติ ไปอยู่ขั้นผู้พิชิต "ภูผาล้านปี"

      ก็อาจมี แต่ผมก็ใกล้ร้อยปี ยังไม่เห็นใคร?

      ด้วยมโนศาสตร์นี้ จึงมอง "ยุทธการพิชิตน้ำ" ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แบบไม่มั่นใจมาตลอด

      จะบอกไม่เชื่อสูตร........

      ทำให้ "ถ้ำหลวงแห้ง" ด้วยการเจาะบาดาล, ระดมเครื่องสูบมาสูบน้ำ-ต่อสาย ออกจากภายในถ้ำ

      นั่นก็จะว่าผมเอา "หางงูดิน" ไปขวางทาง "หางพญานาค"!

      เพราะเห็นได้ผลอยู่.........

      ผลว่า "พร่องแล้ว..พร่องแล้ว...จะแห้งแล้ว"

      พักเดียว.....

      อ้าว.......น้ำมาจากไหน(วะ)!?

      เต็มขึ้นมาอีกแล้ว!?

      เต็มถ้ำอีก เบี่ยงทางน้ำก็แล้ว สูบก็แล้ว สูบจากถ้ำไปเต็มอีกที่ คือ "เต็มท้องนา" ชาวบ้าน

      จนตอนนี้ กลายเป็น "เต็ม ๒ ทาง" ต้องระดมสูบ ๒ ทาง คือ สูบจากภายในถ้ำแล้ว

      ยังต้องไปสูบในท้องนา ให้ไปเต็มในพื้นที่อื่นๆ ต่อ!

      ก็เข้าใจ ไม่ได้พูดทางโต้แย้ง เพียงอยากให้ข้อสังเกตตามมโนศาสตร์ว่า

      อย่าไปล้อเล่น ท้าทาย ในทางคิดพิชิตธรรมชาติให้มากนัก ผมเกิดมาจนบัดป่านนี้ ผมยังไม่เคยเห็นว่า

      "ใคร-ที่ไหน" คิดและทำ "แยกน้ำออกจากถ้ำ-ภูเขา" ได้สำเร็จ เด็ดขาด!?

      ได้ยินท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ย้ำ ต้องนำ ๑๓ หมูป่าออกทางปากถ้ำทางเดียว

      และก็ระดมสูบน้ำต่อเนื่อง หวังลด พอที่จะให้หน่วยซีลและหน่วยกู้ภัย นำ ๑๓ หมูป่าออกมา

      นำขึ้นรถไปโรงพยาบาล "เร็ว" เท่าที่จะ "เร็ว" ได้!

      แต่เมื่อวาน (๔ มิ.ย.) คล้ายผลิทางเลือกเพิ่ม เพราะหลังมีโพสต์ fb ในมิติใหม่ สองเรื่อง

      เรื่องแรก "สายข่าว จิตอาสา" โพสต์ภาพและข้อความว่า

      จนท.นำเครื่องเซ่นไหว้มาที่เต็นท์ของ "หน่วยซีล" ก่อนที่จะนำลงไปบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตามคำแนะนำ "ครูบาบุญชุ่ม" เพื่อเตรียมเปิดทางและเคลื่อนย้าย "๑๓ ชีวิตทีมหมูป่า" ในเร็วๆ นี้

      Cr.คลิป "สำนักข่าวไทย"

      ที่มา #นสพ.ใต้สันติสุข

      และอีกโพสต์ ของ "คาเธ่ย์ หมี"

      เมื่อช่วงบ่ายนี้ "ทีมเก็บรังนกนางแอ่น" บนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จำนวน ๘ คน ที่ระดมทุนมากันเอง และเอาใบอนุญาตมาด้วย เพื่อใช้วิชาชีพที่ถนัดโรยตัว เพื่อช่วยค้นหาน้องๆ ทีมหมูป่าทั้ง ๑๓ คน

      ระหว่างที่อยู่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย นั่งรอกำลังจะขึ้นเครื่องอีก ๓๐ นาที กำลังจะบินขึ้น โดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE 131 เชียงราย-สุวรรณภูมิ

      ได้มีทหารโทรตามให้กลับมาช่วยภารกิจ เรียกตัวกลับถ้ำหลวง จนต้องเลื่อนการกลับด่วน เพื่อช่วยภารกิจเสริมหน่วยซีล ..โรยตัวช่วยน้องๆ ทีมหมูป่า ซึ่งเป็นอีกแผนหนึ่งที่วางไว้....สุดยอดจริงๆ ทีมชาวใต้ทีมนี้...        

      มิติใหม่ตามนัยผม ไม่ใช่ตรงเซ่นไหว้ หรือตรงเรียกตัว ๘ นักเหินเขาแดนใต้คืนพื้นที่งาน

      แต่จากเหตุผลตามนัย ๒ กรณี นั้น แสดงถึง ท่าน ผบ.พื้นที่ "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์" เตรียมทางเลือก เป็นแผน ๒ แล้ว

      การเซ่นไหว้ ใครก็อย่าเพิ่งอวดทันสมัยไปตำหนิ ไสยศาสตร์ สุดโต่ง

      หัดโง่ในเรื่องไม่ควรอวดฉลาดไว้บ้าง.....

      แล้วจะดูฉลาด!

      เหมือนเราไปบ้านใคร ก็ต้องเคารพ ให้เกียรติ เจ้าบ้านเขา ต้องไม่ทำอะไร ในทางลบหลู่-ดูแคลนเขา

      และการเรียกตัว ๘ นักปีนเขาเก็บรังนกกลับไปช่วยงาน แสดงถึงว่า

      หลังจากพบตัว ๑๓ หมูป่าแล้ว

      ก็ "มุ่งแต่ทางน้ำ"!

      ที่เคยส่งหน่วยสำรวจขึ้นไปเจาะ-ไปสำรวจ หาปล่อง-หาโพรง "ทางบก" แต่แรก ก็ลดความสำคัญ ปล่อยเลิกราไปเอง

      จนเมื่อพิจารณา "ออกทางน้ำ" ดูท่าจะไม่ราบรื่น ........

      ก็เลยหันไปมุ่ง "ทางบก" อีกครั้ง

      หวังใช้วิธี เจาะโรยตัวลงไปนำ ๑๓ หมูป่าขึ้นมาทีละคน จากทางปล่องหรือโพรง

      เหมือนที่ชิลี กรณีคนงาน "ติดเหมือง" เมื่อปี ๕๓!

      นี่เป็นเพียง "ข้อสังเกต" ผ่าน "ร่องรอยรายวัน" ที่หน้าถ้ำเมื่อวาน

      จะทำนา-ทำไร่, ปลูกบ้านใหม่-รื้อบ้านเก่า ยังต้องเซ่นไหว้ "เจ้าที่-เจ้าทาง"

      นี่เหมือนกัน ขนาด "ทุบ, ขุด, เจาะ" ทั้งเหนือภูเขา-ใต้ธรณีจะไม่เซ่นไหว้ บอกกล่าว "เจ้าป่า-เจ้าเขา"

      ดูกระไรอยู่ .....

      อะไรที่มันเป็นวัฒนธรรม, ประเพณี สืบสานโบราณมา เอะอะจะยก "วิทยาศาสตร์" มากระทืบทิ้ง

      โง่ กับ โก้ มันก็ใกล้ๆ กัน ตรองกันสักนิดนะ!

      เอาล่ะ........

      ใช่-ไม่ใช่ ก็ไม่ทราบ แต่การมี "ทางเลือก ๒" ไว้เป็นแผนสำรอง ดีกว่าไม่มีเลย!

      เหตุผลควรพิจารณาหาทางเลือกเสริม คือ

      ๑.การจะให้อยู่ในถ้ำนาน ไม่ดีแน่

      ๒.การนำ ๑๓ หมูป่า "ดำน้ำออก" เสี่ยง

      ๓.ถ้ำมีแหล่งที่มาของน้ำซับซ้อนเกินชนะ

      ๔.ถ้ำมีทางเข้า-ออกมากกว่า ๑ ทางเสมอ

      ๕.เพิ่มสำรวจ "ทางบก" อาจนำออกมาได้เร็ว

      และอ้อ..........

      อย่าให้ ผบ.ตร.และรองฯ ต้องขึ้นไปบัญชาการอีกเลย นอนมัดพลาสติกนั่นน่ะ

      ตกใจหมดเลย!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"