ซึ้งพิษภัยบุหรี่ คนไทยลดสูบ


เพิ่มเพื่อน    

    เผยคนไทยสูบบุหรี่ลดลงเหลือ 10.7 ล้านคน โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองคร่าชีวิตปีละ 1 แสนคน 1 ใน 5 เกิดจากสูบบุหรี่ ชี้หากเลิกสูบจะลดความเสี่ยงเกิดโรคได้ 30-55% สธ.-สสส.มุ่งป้องกันนักสูบหน้าใหม่อายุ 15-24 ปี รณรงค์เลิกสูบ ลดควันบุหรี่มือสองในบ้าน-ที่สาธารณะ
    เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผศ.นพ.ครรชิต ลิขิตธนสมบัติ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย รศ.นพ.สมบัติ มุ่งทวีพงษา เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายโรคไม่ติดต่อแห่งประเทศไทย และ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังพิธีเปิดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 17 เรื่อง “บุหรี่ทำร้ายหัวใจและหลอดเลือดสมอง” จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมการยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ สนับสนุนโดย สสส.
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัด สธ.กล่าวว่า จากรายงานผลการสำรวจการบริโภคยาสูบของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อพิจารณาแนวโน้มการบริโภคยาสูบของประชากรไทยในรอบกว่า 25 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2534-2560) พบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2534 มีจำนวนผู้ที่บริโภคยาสูบ 12.26 ล้านคน (ร้อยละ 32) ลดลงเป็น 10.7 ล้านคน (ร้อยละ 19.1) ในปี 2560 ดังนั้นเป้าหมายสำคัญในการทำงานควบคุมยาสูบจึงมุ่งเน้นการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-24 ปี และทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่อยู่เดิมเลิกสูบ ซึ่งการไม่สูบบุหรี่จะลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
    ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า แม้สถานการณ์การสูบบุหรี่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560 พบว่ายังมีผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองทั่วประเทศถึงร้อยละ 33.2 มีการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ โดยพบเห็นการสูบบุหรี่ที่ตลาดสดสูงที่สุดร้อยละ 61.8 รองลงมาคือร้านอาหารร้อยละ 37.7 และสถานีขนส่งร้อยละ 25.5 โดย 2 ใน 5 ของผู้สูบบุหรี่ มีการสูบในบ้าน ทำให้มีผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านสูงถึง 17.3 ล้านคน เมื่อพ่อแม่สูบบุหรี่จะทำให้ลูกหลานหรือสมาชิกในบ้านมีพฤติกรรมเลียนแบบสูบบุหรี่ตาม ดังนั้น เป้าหมายหนึ่งของ สสส.จึงเน้นย้ำการทำงานเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ รวมถึงการลด ละ เลิกพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายสุขภาพอันเกิดจากการสูบบุหรี่ อาทิ โครงการพัฒนาต้นแบบบ้านปลอดบุหรี่ โครงการพัฒนาศักยภาพ อสม. ช่วยเลิกบุหรี่ โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน และโครงการจังหวัดควบคุมยาสูบ-สุรา เป็นต้น
    ผศ.นพ.ครรชิต ลิขิตธนสมบัติ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบตันสูงถึงปีละประมาณ 1 แสนคน และ 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งบุหรี่มีสารนิโคตินและสารพิษอื่นๆ ที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบตัน ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย เกิดหัวใจวายกะทันหันหลอดเลือดสมองตีบตัน และทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ โดยการสูบบุหรี่เพียงวันละ 1-2 มวน ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ และผู้ได้รับควันมือสองก็มีความเสี่ยงเพิ่มด้วยเช่นกัน  ซึ่งคนที่เลิกสูบบุหรี่ได้จะลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้ถึง ร้อยละ 30-55%
    รศ.นพ.สมบัติ มุ่งทวีพงษา เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายโรคไม่ติดต่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสูบบุหรี่มีส่วนทำให้เกิดหลอดเลือดสมองโป่งพอง ถ้าเกิดการแตกจะทำให้มีการเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วนได้ มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองอุดกั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า และในผู้หญิงที่สูบบุหรี่ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด อัตราเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองจะสูงถึง 7.2 เท่า ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยก่อโรคหลอดเลือดสมองที่สำคัญ แต่สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันได้โดยการหยุดสูบบุหรี่ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สามารถลดอัตราการกลับเป็นโรคซ้ำ นอกจากนี้ งานวิจัยล่าสุดจากประเทศจีนระบุว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดแล้ว หากยังไม่หยุดสูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดหลอดเลือดสมองโป่งพองซ้ำมากกว่าผู้ป่วยที่หยุดสูบบุหรี่. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"