คปภ.หารือกระทรวงแรงงาน เตรียมบูรณาการใช้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงของแรงงานต่างด้าว หวังให้ประกันภัยให้เข้าไปเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงแก่กลุ่มแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย

10 ก.ค. 61 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงกรณีแรงงานชาวเมียนมาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยประสบอุบัติเหตุที่ อำเภอแม่สอดจังหวัดตากจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 30 ราย และเสียชีวิตถึง 20 ราย โดยทั้งหมดได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 เพียงอย่างเดียวเนื่องจากทางผู้ประกอบการไม่ได้มีการทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลเอาไว้ให้ ซึ่งเกิดปัญหาด้านสวัสดิภาพของแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย 

ทั้งนี้ในปัจจุบันประเทศไทย มีจำนวนแรงงานต่างด้าวเฉพาะที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้วถึง 2.19 ล้านคน ดังนั้น เพื่อเป็นการนำระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงให้กับแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันสังคม รวมถึงเป็นการลดภาระด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งของนายจ้าง และของภาครัฐ คปภ. จึงมีนโยบายในการขับเคลื่อนการระบบประกันภัยให้เข้าไปเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงแก่กลุ่มแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน

อย่างไรก็ตาม คปภ. ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงเข้าพบพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคม หารือแนวทางการขับเคลื่อนให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงและได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำประกันภัย โดยเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการจัดทำบันทึกความร่วมมือ เพื่อร่วมกำลังกันรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนผู้ใช้แรงงานมีระบบการประกันภัยเป็นเครื่องมือให้การบริหารความเสี่ยง และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน ผู้ประกอบการ และประชาชนผู้ใช้แรงงาน

สำหรับผลการประชุมหารือ นั้น คปภ. จะบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในการผลักดันให้แรงงานต่างด้าวทุกคนมีระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัย ซึ่งเดิมแรงงานต่างด้าวจะต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคม ดังนั้นระบบประกันภัยจะเข้ามาเติมเต็มและให้ความคุ้มครองแรงงานในทุกอาชีพ รวมถึงร่วมมือกันในการจัดทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 สำหรับรถราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานนำร่องเป็นกระทรวงแรก