รัฐบาลเปิดบทเพลง "สดุดีจอมราชา"     เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10 ชวนชาวไทยขับร้องพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล 28 ก.ค.นี้ เตรียมพร้อมจัดงานวันแม่ 12 ส.ค. ตักบาตรพระสงฆ์ 243 รูป 
    ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย   เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แถลงข่าวเปิดตัวบทเพลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และการแสดงดนตรีและขับร้องเพลง “สดุดีจอมราชา” ว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ  บดินทรเทพยวรางกูร วันที่ 28 ก.ค.2561 รัฐบาลกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และได้มอบหมายให้ วธ. ดำเนินการจัดทำบทเพลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
    วธ.จึงได้เชิญศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านการแต่งเพลง ภาษา และดนตรี มาร่วมพิจารณาบทเพลงที่เหมาะสม จำนวน 2 บทเพลง เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเมื่อวันที่  3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบเลือกบทเพลง “สดุดีจอมราชา” เป็นบทเพลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้ในการขับร้องถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 ก.ค.  2561 และเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสสำคัญต่างๆ
    สำหรับบทเพลงสดุดีจอมราชานี้ มีการแต่งตั้งนายนคร ถนอมทรัพย์ ศิลปินแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงาน, นายวิเชียร ตันติพิมลพันธ์ นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้อง  และนายวิรัช อยู่ถาวร ศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงเสียงประสาน ขอเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่ารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว แสดงพลังแห่งความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียง ด้วยการร่วมกันขับร้องบทเพลง “สดุดีจอมราชา” ให้ดังกึกก้องไปทั่วประเทศ เนื่องในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ และสามารถดาวน์โหลดบทเพลงได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม   www.m-culture.go.th/th/song.php
    นอกจากนี้ วธ.ยังร่วมกับคณะสงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 22-28 ก.ค. ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธรูปสำคัญของแต่ละจังหวัด การปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสำคัญแต่ละยุค ตั้งแต่สมัยทวารวดีถึงรัตนโกสินทร์ จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหารถึงท้องสนามหลวง โดยมีการแข่งขันตอบปัญหาธรรมะ การประกวดบรรยายธรรม ประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ การปาฐกถาธรรม โดยพระวิทยากรธรรมะอารมณ์ดี การทำวัตรสวดมนต์เย็น และปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล พิธีเจริญพระพุทธมนต์หล่อเทียนพรรษาโบราณ จำนวน 10 ต้น พิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์ พิธีปล่อยขบวนรถแห่เทียนพรรษาโบราณ เพื่อถวายพระอารามหลวง 10 วัด พิธีมหามงคล 5 ศาสนา ถวายพระพรอีกด้วย
    ด้านนายนคร ถนอมทรัพย์ ประธานคณะทำงาน กล่าวว่า ในการจัดทำเพลงสดุดีจอมราชา ระดมความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านดนตรี โดยแต่งทำนองเพลงที่สละสลวยก่อน จากนั้นแต่งเนื้อร้อง โดยนายวิเชียรสรรหาถ้อยคำมาบรรจุได้งดงามและสมพระเกียรติ ใช้เวลากว่า 1 เดือน ได้เพลงที่กระชับ สมบูรณ์ และลงตัว ในเวลา 2 นาที 30 วินาที ทุกคนภาคภูมิใจได้ทำงานถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว     
    นายวิเชียร ตันติพิมลพันธ์ ผู้แต่งเนื้อร้อง เผยว่า    แรงบันดาลใจด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แรงบันดาลใจต่อมาได้จากเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นสองบทเพลงที่ยิ่งใหญ่และไพเราะ คนไทยคุ้นเคยกับความหมายของเพลง โดยศึกษาคำร้องในบทเพลงดังกล่าว สำหรับบทเพลงสดุดีจอมราชา มีเนื้อร้องเข้าใจง่าย ภาษาคงความสละสลวย ฟังแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ แทนความรู้สึกของชาวไทยที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ในดวงใจ เนื้อร้องท่อนหนึ่งใส่คำว่า 'อุ่นไอรัก' สะท้อนพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำชาวไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี  
    นายวิรัช อยู่ถาวร ศิลปินแห่งชาติ ผู้ประพันธ์ทำนองเพลง กล่าวว่า คณะทำงานตั้งโจทย์เป็นเพลงมาร์ช มีถ้อยคำ ทำนองเพลงจดจำได้ง่าย เพื่อให้ประชาชนร้องตามได้ไม่ยาก ตนจึงแต่งเป็นทำนองโดยได้แรงบันดาลใจจากสดุดีมหาราชา เป็นมาร์ช 3 ท่อนเหมือนกัน แต่ทำนองต่างกัน ท่วงทำนองเรียบง่าย แต่สง่างาม ก่อนที่ส่งมอบให้นายวิเชียรแต่งเนื้อร้อง บทเพลงสดุดีจอมราชาแสดงความจงรักภักดี และถวายสดุดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอีกประวัติศาสตร์ของการทำเพลง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสนี้ รมว.วธ.ได้มอบแผ่นบันทึกเสียงเพลง ''สดุดีจอมราชา" แก่ผู้แทนหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ และกรมดุริยางค์ทหารบกด้วย     
    สำหรับเพลงสดุดีจอมราชา เนื้อร้องโดยวิเชียร ตันติพิมลพันธ์ ทำนองโดย วิรัช อยู่ถาวร ศิลปินแห่งชาติ นักร้อง ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทธ์, กตธิป อัครวิกรัย,  ภัทรานิษฐ์ เพฑูริยาเวทย์, กนกวรรณ อินทรพัฒน์ 
เรียบเรียงเสียงประสานโดยวิรัช อยู่ถาวร วงดนตรี เฉลิมราชย์ 
    โดยมีเนื้อเพลงดังนี้ ถวายบังคมจอมราชา พระบุญญาเกริกฟ้าไกล ธ ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ศูนย์รวมใจชาวไทยสมัครสมาน ถวายพระพรจอมราชัน ธ อนันต์ปรีชาชาญ ขอพระองค์ทรงเกษมสำราญ งามตระการสมขัตติยะไทย อุ่นไอรักจากฟ้าเรืองรอง แสงทองส่องมา ไพร่ฟ้าต่างสดใส มหาวชิราลงกรณ มิ่งขวัญปวงชนชาวไทย เทิดไท้พระภูวไนย ถวายใจสดุดี
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 12 ส.ค.2561 ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมมีความเห็นในเบื้องต้น โดยจะจัดงานใน 3 ลักษณะคือ การเฉลิมพระเกียรติ การถวายพระราชกุศล และการถวายพระพรชัยมงคล โดยกิจกรรมหลักจะจัดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวง ในช่วงเช้าวันที่ 12 ส.ค. จะมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 243 รูป ที่ท้องสนามหลวง โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขมหามงคล เพราะเป็นเลขที่รวมมาจากพระชนมพรรษาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 จึงถือเป็นการถวายพระราชกุศลแด่ทั้ง 3 พระองค์
    ส่วนช่วงบ่ายจะมีริ้วขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะ และจะมีการถวายเครื่องราชสักการะ ที่เวทีกลางหน้าพระฉายาลักษณ์ กลางท้องสนามหลวง จากนั้นจะมีการจุดเทียนชัยมงคล พร้อมกับร้องเพลงสดุดีพระแม่เจ้า ซึ่งเป็นบทเพลงที่ชนะเลิศการประกวดบทเพลงวันแม่แห่งชาติ ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี 2523 
    นอกจากกิจกรรมหลักข้างต้นแล้ว ยังจะมีการจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค. และจัดพิธีมหามงคล สวดมนต์ 5 ศาสนา และงานศาสนิกสัมพันธ์ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ช่วงต้นเดือน ส.ค. จึงขอเชิญชวนประดับพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ คู่กับธงชาติ และธงสัญลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกปีด้วย  อย่างไรก็ตาม ผลประชุมทั้งหมดนี้จะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อนำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป.