สถาบันราชานุกูลจับมือเอไอเอสฟื้นฟูผู้บกพร่องสติปัญญา"ผ่านการปลูกผักอินทรีย์"เชื่อจะเพิ่มศักยภาพด้านอาชีพ


เพิ่มเพื่อน    

สถาบันราชานุกูล จับมือเอไอเอสทำโครงการ"ปลูกผักอินทรีย์"ส่งขายแอพฯร้านฟาร์มสุขใจ  หวังเพิ่มศักยภาพผู้บกพร่องสติปัญญา  ระยะยาวมีรายได้ อยู่ได้ด้วยตัวเอง 

13 ก.ค.- ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพราชานุกูล (บางพลู) จ.ปทุมธานี สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จับมือเอไอเอส แถลงข่าว"ปลูกผัก ปลูกรัก ปลูกใจ"เปิดศูนย์การเรียนรู้สอนการปลูกผักอินทรีย์ ปลอดสารพิษ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยโดยจะจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชั่น "ร้านฟาร์มสุข" พร้อมก้าวเป็นผู้ประกอบการกลุ่มใหม่หรือสตาร์ทอัพยุค 4.0. โดยมี นาวาอากาศตรี นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตเป็นประธาน พร้อมด้วย พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล นายพงษ์ศักดิ์ ตันวิสุทธิ์ หัวหน้าส่วนงานดิจิทัล ฟิร์ไทย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส พลเอกวันชัย เรืองตระกูล ประธานมูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูล ในพระอุปถัมภ์ฯ และ ดร.ดำรงศักดิ์ แก้ววงษ์ไหม เจ้าของไร่นายทองก้อน ในฐานะ ที่ปรึกษาด้านการทำเกษตรอินทรีย์ ร่วมกันแถลงข่าว นอกจากนี้มูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูลฯ ยังได้มีการมอบทุนสำหรับประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมให้แก่เด็กผู้บกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญาและครอบครัว จำนวน 5 ครอบครัว ทุนละ 5 พันบาท


นาวาอากาศตรี นพ.บุญเรือง กล่าวว่า ได้ให้สถาบันราชานุกูลพัฒนาพื้นที่ภายในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพราชานุกูล ที่ ต.บางพูน จังหวัดปทุมธานี ขนาด 14 ไร่ เพื่อใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการทำเกษตรปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์ สำหรับผู้บกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญาและครอบครัว โดยโครงการนี้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้มีความบกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญา เพื่อให้สามารถดูแลตัวเอง มีคุณภาพ และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยเอไอเอส เป็นฝ่ายสนับสนุนด้านความรู้ฝึกสอนทักษะการปลูกผักอินทรีย์ การติดตั้งเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ใช้งานง่าย และการตลาด นอกจากนี้การที่มีนวัตกรรมใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการทำเกษตรอินทรีย์จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาลได้


ทางด้านแพทย์หญิง มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวว่า จากรายงานของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ล่าสุดในปี 2561 มีผู้พิการทุกประเภทที่จดทะเบียนเกือบ 2 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็น ผู้บกพร่องทางสติปัญญาและกลุ่มออทิสติก 142,085 คน โดยอยู่ในวัยทำงานคืออายุ 15- 60 ปี ประมาณ 50,000 คน แต่มีงานทำประมาณ 22,000 คน ส่วนใหญ่รับจ้างทั่วไปและทำงานในภาคเกษตรกร มีรายได้น้อยและไม่มั่นคง ที่เหลืออีก 28,000 คน ไม่มีงานทำหรือทำงานไม่ได้ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน ซึ่งโครงการฟื้นฟูฯ จะให้บริการผู้บกพร่องฯและครอบครัว ได้เรียนรู้การทำการเกษตรปลอดสารพิษทุกขั้นตอนอย่างละเอียดและเหมาะสมกับบริบทของแต่ละครอบครัว เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัว โดยผู้บกพร่องจะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นในการใช้ชีวิตในชุมชนเช่นการดูแลสุขภาพตนเอง การสื่อสารกับคนอื่น การจัดการอารมณ์ ฯลฯ ใช้เวลาทั้งหมด 12 สัปดาห์ จัดได้ครั้งละ 5 ครอบครัว ทั้งนี้ครอบครัวหรือชมรมผู้พิการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถเข้ามาเรียนรู้และจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านในระบบนี้ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับสถาบันราชานุกูลในครั้งนี้ เอไอเอสจะสอนการปลูกผักอินทรีย์ ให้บุคลากรและกลุ่มผู้บกพร่องฯ ตั้งแต่กระบวนการคัดสรรเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะสม การเตรียมดิน การเพาะปลูก การฉีดพ่นปุ๋ยชีวภาพการป้องกันแมลง รวมทั้งช่วยติดตั้งเทคโนโลยีทางการเกษตร อาทิ ระบบสมองกลสำหรับควบคุมการจ่ายน้ำ การรดน้ำอัตโนมัติ การแจ้งเตือนเมื่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่แปลงเกษตรมีความผิดปกติ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการดูแลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสนับสนุนช่องทางด้านการตลาด ให้กลุ่มผู้บกพร่อง โดยกลุ่มผู้บกพร่องสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงผักอินทรีย์ ภายใต้โครงการ ปลูกผัก ปลูกรัก ปลูกใจ ซึ่งเอไอเอสได้แนะนำการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้มีความน่าสนใจ เพื่อจัดจำหน่ายผ่าน “ร้านฟาร์มสุข” ซึ่งเป็นร้านค้าต้นแบบในการส่งเสริมการจำหน่ายผักอินทรีย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์โดยกลุ่มผู้บกพร่องฯ และจำหน่ายทางระบบออนไลน์ผ่านทาง


พลเอกวันชัย กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มีงานวันนี้ และการที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ถูกฟื้นฟูขนาดนี้ หลังจากมีความพยายามฟื้นฟูกันมาจากความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 โดย ทางมูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูล ก่อตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ซึ่งมูลนิธิมีการดำเนินการอย่างแนวแน่ในการสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันราชานุกูลและองค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการดูแลเด็กผู้บกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญา ตามพระราชดำริของพระเจ้าพี่นางฯ


ดร.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความเชื่อความศรัทธาในความเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะมีความไม่เทียบเท่า แต่เราสามารถทำให้เท่าเทียมได้ด้วยโอกาส เพื่อให้ผู้ที่ด้อยกว่ามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งครั้งนี้ตนก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่ให้คำแนะนำในสิ่งที่ทำได้ ซึ่งต้องขอขอบคุณสถาบันราชานุกูลที่ให้โอกาสตนได้ทำตามความศรัทธาในครั้งนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"