ปัดครม.สัญจร มีนัย‘การเมือง’ ‘พท.’บี้หา‘ผู้นำ’


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" ปัดประชุม ครม.สัญจรมีนัยทางการเมือง ลั่นการทำงานของนายกฯ คือการลงพื้นที่ ไม่ใช่อยู่บนหอคอยงาช้าง "เพื่อแม้ว" โวยพลังดูดขู่หนักย่อยสลาย พท.รับอุบลฯ บางส่วนพร้อมตีจาก จ่อยกคณะรายงานตัวนายกฯ ประชุม ครม. พร้อมบี้พรรครีบหาหัวสู้สงครามเลือกตั้ง "สุเทพ" ปลุก ปชช.เป็นเจ้าของ รปช. บริจาควันละ 1 บาทเป็นทุนให้พรรค "ศุภชัย" แนะ 5 ว่าที่ กกต.ต้องเป็นกลางทางการเมืองส่วนอีก 2 คนเป็นดุลพินิจ กก.สรรหาฯ

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) กล่าวถึงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ว่าไม่ใช่การไปหาเสียง หรือมีนัยทางการเมืองอย่างที่มีกระแสวิจารณ์ ที่ผ่านมาได้เดินทางไปแล้วหลายจังหวัดเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ละจังหวัดต่างมีโครงการสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา หากสามารถดำเนินการได้ทันทีก็จะอนุมัติ หรือหากต้องปรับแผน ก็จะพิจารณาให้เกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้น 
    "การทำงานของนายกรัฐมนตรีคือการลงพื้นที่ ไม่ใช่อยู่บนหอคอยงาช้าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเพื่อใครหรือพรรคการเมืองใด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี จะนำโครงการใดไปสู่พื้นที่บ้างว่า ต้องไปสอบถามนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ส่วนที่บรรดานักการเมืองเตรียมต้อนรับและนำเสนอโครงการต่างๆ ไว้รอแล้วนั้น ตนไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงเหมือนกับที่ผ่านๆ มาตามปกติ คือจะมีการพูดคุยว่าปัญหาในท้องถิ่นคืออะไร จะให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรบ้าง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลกับท้องถิ่น ที่จะต้องคุยกันอยู่แล้ว 
    เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของนักการเมืองที่ว่ามีนัยทางการเมือง นายสมคิดกล่าวว่า “นักการเมืองก็คิดแต่การเมืองนั่นแหละ” ถามว่าแล้วจะมีการพูดคุยกับนักการเมืองหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่มีหรอก มันไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง มันเป็นเรื่องของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ต้องการไปเยี่ยมเยียนประชาชน
    ที่ จ.นครราชสีมา นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขาฯ กลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณีมีนักการเมืองโจมตี พล.อ.ประยุทธ์เตรียมนำ ครม.สัญจรพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.อำนาจเจริญ มีนัยทางการเมืองเพื่อไปดูดอดีตส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการมองที่สั้นและแคบ ไม่มีวิสัยทัศน์ การที่รัฐบาลไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดไหน จังหวัดนั้นก็จะได้รับประโยชน์ ได้รับการพัฒนา และปัญหาต่างๆ ก็จะได้รับการแก้ไข ถ้าตนเป็นนักการเมือง ยิ่งอยากให้นายกฯ นำ ครม.มาประชุมที่จังหวัดของตนทุกสัปดาห์ ยิ่งมายิ่งได้งบมาพัฒนา ใจของตนอยากให้รัฐบาลมีทำเนียบรัฐบาลอยู่ทุกภาคของประเทศ ครม.จะได้จัดประชุมประจำตามทำเนียบฯ ในแต่ละภาค 
    "พล.อ.ประยุทธ์จะไปดูด ส.ส.ได้อย่างไร เพราะท่านไม่ใช่หัวหน้าพรรคการเมือง ไม่มีหน้าที่จะไปหา ส.ส.เข้าพรรค มีแต่ไปรับฟังและแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านเพื่อให้จังหวัดนั้นๆ เจริญไปข้างหน้า ชาวบ้านชอบกันทั้งนั้น แต่นักการเมืองกลับโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่ายิ่งคิดยิ่งโง่" นายภิรมย์กล่าว       
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีต ส.ส.อีสานภาคกลางพรรคเพื่อไทยหลายคน อาทิ นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี, นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ, นายเจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาฯ และอดีต ส.ส.ชัยภูมิ, นายไชยา พรหมา อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธาน ส.ส.ภาคอีสาน และอดีต ส.ส.มหาสารคาม ได้นัดรับประทานอาหารที่ศูนย์การค้า Bee Hive ย่านเมืองทองธานี โดยมีการหารือประเด็นการเมืองหลายประเด็น ทั้งเรื่องในพรรคและนอกพรรค
พลังดูดขู่สลาย พท.
    นายสมคิด เชื้อคง ยอมรับว่ามีการนัดหารือกันจริงพูดคุยกันเรื่องไพรมารีโหวต เรื่องผู้นำพรรค เรื่องผู้ว่าฯ กทม. เรื่องอดีต ส.ส.ในพื้นที่ ใครจะอยู่ ใครจะไปบ้าง ส่วนใหญ่มองไปถึงหลังปลดล็อกนักการเมือง พรรคการเมือง จะต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นหัวหน้าพรรค ที่สมาชิกต่างอยากให้เกิดความชัดเจน ถ้าเลือกโดยเร็วก็ดี จะได้มีหัว แต่ไม่ได้มีการระบุถึงใครเป็นพิเศษ ส่วนตัวมองว่ามีหลายท่าน อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายจาตุรนต์ ฉายแสง,  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ทำงานกับพรรคมานาน ก็มีความเหมาะสม แต่ผลจะเป็นอย่างไรคงแล้วแต่กรรมการบริหารและสมาชิกพรรคเลือก  
    “กระแสข่าวการดูดนั้นก็ยังมี เท่าที่รู้มายังมีการส่งเจ้าหน้าที่ เพื่อนฝูง หรือคนที่สนิทสนมรู้จัก ส.ส.มาชักชวนให้ไปอยู่กับอีกฝ่าย แต่ไม่ครึกโครม เพราะมีบทเรียน โดยพูดกันว่าออกไปเถอะ ยังไงเพื่อไทยก็สลายอยู่แล้ว เขาต้องทำให้สลาย การเลือกตั้ง หน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด อำเภอ จะดูแลช่วยเหลือเต็มที่ในการทำงานการเมือง ซึ่งคนที่มาพูดคุยต่างย้ำเรื่องการจะย่อยสลายพรรคเพื่อไทยทำให้เล็กลง มีการใช้อำนาจรัฐมาล่อให้ไปอยู่อีกฝ่าย การดูดยังทำอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนวิธีไปบ้าง เชื่อว่าจะยังมีไปจนถึงใกล้วันรับสมัครรับเลือกตั้ง พวกเราต่างอยากให้มีการปลดล็อกการเมืองโดยเร็ว จะได้เตรียมตัวกันในการเดินไปสู่สงครามการเลือกตั้ง”
    นายสมคิดกล่าวอีกว่า นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ยังได้สะท้อนออกมาว่า ก่อนหน้ามีความพยายามจากบางฝ่ายมาดึงอดีต ส.ส.ในพื้นที่ไป พวกที่จะออกไป ยังเป็นรายชื่อเก่าๆ ที่เคยมีข่าวออกมา แต่ตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว ส่วน จ.อุบลราชธานี ก็อาจมีบางพวกที่เป็นข่าวน่าจะไป ถึงขนาดจะพากันไปต้อนรับนายกฯ ที่จะลงพื้นที่ไปประชุม ครม.สัญจรช่วงปลายเดือนนี้ นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์เหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะท่านมีประสบการณ์  
    เมื่อถามถึงความกังวลหลังมีกระแสข่าวจะมีการเช็กบิลอดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยในเร็ววัน นายสมคิดกล่าวว่า ไม่กังวล ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการ ในวงไม่ได้หารือกันเรื่องนี้ ก็ขอให้ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องประเด็นคลิปนายทักษิณ ที่เข้าข่ายคนนอกมาสั่งการเรื่องในพรรคที่ กกต.ก็สอบสวนอยู่ ถ้าจะโยงไปถึงการยุบพรรคมันก็ทำได้ แต่ทำแล้วจะถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ แล้วกับอีกฝ่ายดูดกันโครมๆ  ถ้าจะยุบพรรคก็ต้องทำพรรคใหม่ แต่คิดว่าคงไม่น่า 
    ที่อาคารทูแปซิฟิคเพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมือง ว่า วันนี้เจตนารมณ์ของกฎหมายพรรคการเมืองต้องการให้พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองของกลุ่มเล็กๆ หรือของครอบครัว จึงได้กำหนดตัวเลขขั้นต่ำสำหรับการที่จะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคหรือจัดตั้งพรรคอย่างน้อย 500 คน ในส่วนของพวกเรา เราตระหนักดีว่าเงิน 5 หมื่นบาทไม่ใช่เงินเล็กน้อยสำหรับพี่น้องประชาชน  แต่เราเชื่อว่าคนที่มีความรัก มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง อยากจะเห็นพรรคการเมืองของประชาชนเกิดขึ้น ก็คงสามารถที่จะเสียสละทรัพย์สินจำนวน 5 หมื่นบาทนี้มาเป็นทุนประเดิมในการตั้งพรรคได้ 
5 ว่าที่ กกต.ต้องเป็นกลาง
    "ตอนนี้ รปช.รวบรวมผู้มีอุดมการณ์เดียวกันได้กว่า 400 คนแล้ว และมั่นใจภายในเดือน ก.ค.นี้เราจะมีผู้ร่วมก่อตั้งได้เกิน 500 คน หลังจากนั้นเราก็จัดการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค เลือกคณะผู้บริหารชุดแรกประมาณต้นเดือน ส.ค. แล้วจะนำหลักฐานการประชุมไปจดทะเบียนให้เป็นพรรคการเมืองที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จากนั้นจะรณรงค์ให้ประชาชนมาเป็นเจ้าของร่วม หรือเป็นสมาชิกพรรค โดยขอให้แต่ละท่านเสียสละเงินคนละ 1 บาทต่อวัน หรือปีละ 365 บาท เป็นเงินทุนสำหรับพรรค ในการดำเนินงานทางการเมืองให้มีความสมบูรณ์ แข็งแรงเพียงพอในการรับใช้บ้านเมืองต่อไป" นายสุเทพกล่าว
    นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงหน้าตาของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน ที่ผ่านการพิจารณาของ สนช.ว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าทั้ง 5 ท่านที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถกำกับดูแลการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นกลางได้ เพราะเราก็ได้เห็นภาพสองคนที่ไม่ได้รับเลือกว่ามีความเป็นมาอย่างไร ส่วนคนที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 5 คน เมื่อเห็นประวัติและภูมิหลังแล้ว ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีพื้นฐานที่ดี เราก็ต้องให้โอกาสเขาได้ทำงาน และเชื่อว่าทั้ง 5 ท่านจะไม่ทำอะไรที่นอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติ คงจะดำเนินการทุกอย่างไปตามหลักของกฎหมาย เพราะเวลานี้สังคมต่างจับตาคนที่จะมากำกับดูแลการเลือกตั้ง เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเอาอนาคตมาเสี่ยงเพราะความไม่เป็นกลางหรอก
    นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับว่าที่ กกต.ชุดใหม่ทั้ง 5 คนที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้เตรียมงานไว้รองรับ กกต.ชุดใหม่ไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระเบียบ ประกาศ วัสดุอุปกรณ์ เชื่อว่าการทำงานไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกทั้งพนักงาน ผู้บริหารสำนักงานมีประสบการณ์มาก เชื่อว่าจะช่วยทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงอยากฝากให้ กกต.ชุดใหม่ศึกษาข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด 
    “อยากฝากทุกคนที่มาทำหน้าที่เป็น กกต. ขอให้อดทน อดกลั้น ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก มีความเป็นกลางทางการเมือง ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ต้องศึกษาข้อกฎหมายเยอะๆ เพราะเรามาอยู่ตรงนี้ มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาก หากเราไม่เป็นกลางก็จะเจ็บตัวได้” ประธาน กกต.กล่าว และว่า แม้ขณะนี้จะได้รายชื่อว่าที่ กกต.เพียง 5 คน ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาในการทำงาน ส่วนอีก 2 คนที่จะต้องมีการสรรหาใหม่นั้น เป็นเรื่องของกรรมการสรรหาจะใช้ดุลยพินิจ อย่ามองว่า 2 คนที่จะเข้ามาทีหลังจะกลายเป็นปลา 2 น้ำ เพราะเข้ามาภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน อีกทั้งอนาคต กกต.ก็เกษียณไม่พร้อมกัน ทำให้ต้องมีการสรรหาเข้ามาใหม่อยู่ดี.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"