'สื่อฝรั่งได้' ทำไม 'สื่อไทยอด'?


เพิ่มเพื่อน    

      ในโลกของ "ข่าวสาร"

      เหตุการณ์ "๑๓ หมูป่าติดถ้ำ" ผมว่าเป็น "ข่าวแรก" ของโลก

      ที่สื่อทั่วโลก รวมทั้งสื่อไทย......

      รายงาน-วิพากษ์วิจารณ์ ด้วยทัศนคติและแง่มุม "เป็นบวก" ตั้งแต่ต้นยันจบ

      ทั้งกับเรื่องราว ทั้งกับเมืองไทย-คนไทย และทั้งกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ ทุกคน-ทุกช็อต

      ก็นึกย้อนดูซี.........

      ตั้งแต่ ๒๓ มิ.ย.ที่หมูป่าติดถ้ำ ยัน ๑๐ กรกฎา ที่หมูป่าชุดสุดท้ายได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำ รวม ๑๘ วัน

      มีซักข่าว-ซักวิจารณ์มั้ย จากสื่อโลกและสื่อไทย ที่นำเสนอในทำนองติติง หรือวิจารณ์ในแง่มุมเป็นลบ?

      ไม่มีเลย!

      แม้สื่อจะถูก ผบ.เหตุการณ์ "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร" เล่นบทเข้ม

      กักกันพื้นที่ทำข่าว และตัวนักข่าวถูกสังคมค่อนแคะต่างๆ นานาสาหัส

      แต่ก็ไม่มีนักข่าวคนไหน ของขึ้น...กูสื่อ แล้วใช้จิตวิญญาณทราม รายงานข่าวชนิด "เอาคืน"

      เรียกว่า นักข่าวทุกคน-ทุกสำนัก.......

      เข้าใจสถานการณ์รวม ยินดีเป็นไพร่พลใต้คำสั่งแม่ทัพณรงค์ศักดิ์ "ซ้ายหัน-ขวาหัน" ขอให้สั่ง พร้อมปฏิบัติ

      ด้วย "เข้าใจและเต็มใจ"!

      เป็นครั้งแรกในโลกเช่นกัน ที่เกือบทุกสำนักข่าวต่างประเทศ ส่งนักข่าวระดับ "ขุนพลข่าว" ลงสนาม

      ในการสัประยุทธ์ข่าว สถานการณ์ใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่ "แม่ทัพใหญ่" ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ จะห้ามทัพนักข่าวเลย

      ต่อให้ฟ้าก็ห้ามนักข่าวไม่ให้ซอกแซกเข้าไปเจาะข่าวตรงนั้น-ตรงนี้ไม่ได้!

      ห้ามนั้น ห้ามได้.........

      แต่ไม่มี "นักรบข่าว" สำนักไหนสนใจหรอก!

      ก็มีครั้งนี้ นักข่าวทุกสำนัก "เป็นใจ" และ "พร้อมใจ" เอาไหน-เอากัน สั่งมาเลย พร้อมปฏิบัติ

      ถึงแม้จะถูกไล่เหมือนหมู-เหมือนหมา อยู่ตรงนี้ ให้ไปอยู่ตรงนั้น จากตรงนั้น ไล่อีก...ต้องย้ายไปตรงโน้น

      ก็ไม่มีใครคิดเป็นอื่น!

      ครั้งแรกของโลกอีกนั่นแหละ ที่นักข่าวในสนาม ต้องแหงนหน้ามองเมฆ

      แล้วดั้นเมฆรายงานข่าว ห่างจากจุดเกิดเหตุ ๓-๕ กิโล

      ขนาดสำนักข่าวระดับโลกของสหรัฐฯ ยังต้องระเห็จไปตั้งกล้องอยู่ในดงสับปะรดนั่นเลย!

      แต่ทั้งหมด-ทั้งมวล ข่าวออกมาดี๊...ดี

      ดีกับทั้งผู้ปฏิบัติการ กับทั้งสถานการณ์ และกับทั้งภาพลักษณ์ "ประเทศไทย"!

      ขนาด "โซเชียลมีเดีย" ที่ปกติ พอใจ-ไม่พอใจอย่างไร "ใส่กันไม่ยั้ง"

      แต่กับปฏิบัติการ "ทีมนานาชาติ+ทีมไทย" ลำเลียง ๑๓ หมูป่าจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

      ขุนศึกโซเชียลทั้งหลาย เทใจร่วม "เอาไง-เอากัน" อันไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน

      อย่างตอนนี้ ทุกอย่าง "จบ"........

      ชนิดคนทั้งโลก ปรบมือให้กับทีมไทย+ทีมนานาชาติ และการ "ผนึกเป็นหนึ่ง" ของคนไทย

      เมื่อจบแล้ว ทางรัฐ ขอร้องบรรดาสื่ออย่าไปเจาะตัว ๑๓ หมูป่า ตลอดถึงบรรดาญาติ มานำเสนอเป็นข่าวอีกเลย

      ปล่อย ๑๓ หมูป่า "คืนธรรมชาติ"

      อย่าไปเติมสีสันด้านบวก-ลบ ด้วยคำถามที่อาจทำให้ครรลองชีวิตเด็กๆ ต้องเกิดบาดแผลทางสำนึกเลย!

      สื่อทุกสำนักก็ร่วมมือดี ไม่มีใครไปวอแว ไปแย่งตัวเด็กๆ มาออกรายการ มาสัมภาษณ์เจาะ ได้แต่จ้องตาละห้อย

      ในขณะที่สื่อไทยนั่งพับเพียบเรียบร้อย.......

      ปรากฏว่าสื่อฝรั่ง ดันไปนั่งขัดตะหมาดสัมภาษณ์เด็ก แล้วยิงข้ามโลก ไปออกจอที่สหรัฐฯ

      สื่อไทยเกาหัวแกรก พากันระบายลมในท้อง-ในไส้ใส่รัฐบาล

      อย่างนี้หมายความว่าไง "ฝรั่งได้-ไทยห้าม" ๒ มาตรฐานมั้ยเนี่ย?

      เรื่องนี้ ผมทั้งเห็นใจและเข้าใจสื่อไทย

      แต่ขอเหอะ...........

      ในฐานะเรา "เจ้าภาพ" อย่าเอาความผิด-ความถูกเข้าจับไปทุกเรื่อง-ทุกสถานการณ์เลย!

      ไหนๆ ทุกอย่างก็ออกมาดีและสวยงามตั้งแต่ต้นแล้ว

      เมื่อถึง "ตอนจบ"

      ก็ให้นักข่าวต่างประเทศเขาจบ ด้วยการคุยกะเด็กเป็น "บทจาก" ที่สวยงามเถอะ

      เขาจะได้ประทับความรู้สึก ดีๆ ซึ้งๆ ที่มีกับบ้านเรามาแต่ต้น ให้อุ่นอยู่ในอกเขาตลอดไป

      เมื่อจะพูดถึงบ้านเมืองไทยในคราวต่อๆ ไป.....

      เขาจะได้พูดผ่านความรู้สึกดีๆ ซึ้งๆ นั้น ต่อสังคมโลก!

      ผมพูดผ่านความรู้สึกว่า "สื่อไทย" ก็คือ "เจ้าภาพร่วม" ผู้หนึ่งในเหตุการณ์นี้

      ฉะนั้น ในความเป็นเจ้าภาพ เราก็ให้สิทธิ์-ให้โอกาส "สื่อต่างประเทศ" ที่เป็นแขกเหรื่อมาช่วยงานเขาบ้าง ไม่มีอะไรเสียหายหรอก

      ที่สื่อนอกเขาคุยกับเด็กและญาติไปนั้น ดูแล้ว...เขาก็คุยและนำเสนอด้วยทัศนคติและเจตนาบวก

      ไม่มีตรงไหนเสีย "ทั้งเด็ก-ทั้งผู้ใหญ่" มีแต่ "ได้" ในภาพรวม

      พูดกันจริงๆ แล้ว..........

      ทั้งสื่อไทย-สื่อเทศ จากเหตุการณ์นี้ สร้างคุณอนันต์ให้แก่ประเทศไทยและคนไทย ชนิดต้องพูดว่า

      "คุ้มเกินคุ้ม"!

      ทั้ง CNN, BBC, ABC และอีกหลายแห่ง จำไม่หวาด-ไม่ไหว รวมทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ทั่วโลก

      อย่างนักข่าว ABC หลงเสน่ห์ "ความเป็นไทย" ใครๆ เขากลับคืนสำนักไปหมดแล้ว แต่นักข่าวหนุ่ม  ABC ยังไม่กลับ

      เห็นอะไร แกก็ชอบ เก็บทำเป็นข่าวหมด กระทั่งจะกลับยังบ้าน-ยังเมืองเขา

      จิตยังมีเยื่อใย ตามไปลาเด็กและญาติๆ ที่บ้าน และตามวิสัยนักข่าว ที่คุยนั่น-คุยนี่กัน จะทิ้งทำไม

      เก็บ "เป็นข่าว" ไปด้วยซะเลย!

      ก็เลยเป็นที่โวยวาย "ฝรั่งได้-ไทยไม่ได้" กลายเป็นกระแสอย่างที่เห็นกันขณะนี้

      ฝ่ายรัฐ ก็อย่า "บ้าจี้" กางกฎ-กางตำรา เอาเป็นเรื่องราวกับสื่อฝรั่งที่ตามไปคุยกะเด็กเลย

      มันไม่ผิดกฎบัตร-กฎหมายอะไรหรอก เพียงสื่อไทย "เสียความรู้สึก" บ้างเท่านั้น

      พิเคราะห์จาก "ตัว ๑๓ หมูป่า" จากวันที่ออกมาเรียงแถวตอบคำถามสื่อทั้งโลกเมื่อ ๑๘ กรกฎาแล้ว

      การ "ติดถ้ำ" ร่วมครึ่งเดือน

      ด้วยความไร้เดียงสาของเด็กๆ โลกใบนี้ "ยังสวย" สำหรับหมูป่าทั้ง ๑๒+๑ "เหมือนเดิม"

      ที่หวั่นกันว่า จิตใจเด็กๆ จะมีบาดแผล เอาเข้าจริง มีแค่ ๒ อย่าง..........

      ๑.กลัวแม่ด่า

      ๒.อยากกินข้าวกะเพรา!

      เด็กๆ เหล่านี้ ไม่รู้จักผิด-ถูก, ไม่มีสำนึกในการกระทำ อย่างนั้นหรือ?

      ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อฟังเด็กๆ เล่า จับประเด็นได้ว่า ถ้ำนี้ พวกเขาเคยเข้าไปประจำ

      เข้าไปจนถึง "เนินนมสาว" โน่นแน่ะ!

      ก็แสดงว่า การเข้าๆ ออกๆ ถ้ำหลวง เป็น "เรื่องปกติ" พวกเขา

      การลุยน้ำ ลอดรู ในถ้ำมืด ชนิดต้อง "รีดตัว" เข้าไปลึกๆ จนถึงเนินนมสาว

      ชิลๆ สำหรับ ๑๓ หมูป่า!

      บังเอิญ วันนั้น มันซวย เข้าไปแล้ว น้ำมันท่วมเข้ามาเท่านั้น

      ที่พวกเด็กไม่กลัว ไม่ตกใจ อย่างที่พวกเรากลัวนั้น ฟังที่เด็กบอก เพราะพวกเขามีความหวัง เพราะรู้

      "น้ำลด...เดี๋ยวก็ออกได้"!

      เผอิญ น้ำมันไม่ลด มีแต่เพิ่ม เลยต้องติดถ้ำนาน จนหิวข้าวกะเพราและกลัวแม่ด่านั่นแหละ

      ด้วยความเข้าใจนั้น เด็กๆ จึงไม่คิดว่า การติดถ้ำของพวกเขาจะเป็นเรื่องใหญ่ไปทั้งโลก

      และเมื่อติดอยู่ข้างใน จึงไม่รู้ว่า "คนข้างนอก" เขาทำอะไรกัน

      แม้ถึงวันออกจากถ้ำ ก็ถูกอุ้มขึ้นเรือบินไปเข้าโรงพยาบาลในตัวเมือง

      สรุป เด็กๆ แทบไม่รู้เรื่อง "โลกอกแตก" ด้วยเป็นห่วงพวกเขาเลย

      จะรู้ ก็แค่ที่ "พี่หน่วยซีล" เล่าให้ฟัง ตอนเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้น!

      ด้วยเหตุนั้น เด็กจึงไม่ตีค่าการติดถ้ำเป็น "ความผิดฝังใจ" เพียงรู้สึก ตกใจ-แปลกใจ บ้าง เมื่อได้รับฟังเรื่องราว

      และเสียใจ......

      เมื่อทราบ "นาวาตรีสมาน กุนัน" เสียสละเพื่อพวกเขา!

      สรุปแล้ว เหตุการณ์นี้.......

      ที่ ๑๓ หมูป่า ไม่เป็นอะไรเลย ก็ด้วย "ความคิดบวกต่างมุม"

      คือ ๑๓ หมูป่า คิดบวกในมุมต่างว่า "รอน้ำลด" ก็ออกได้ จึงอยู่ในถ้ำโดย "สติไม่แตก" และไม่คิดมาก

      ส่วนทีมนานาชาติ+ทีมไทย คิดบวกในอีกมุมต่างว่า "ขืนรอ" ฝนยิ่งตก-น้ำยิ่งท่วม "ตายแน่"

      จึงต้องลงมือ "ปฏิบัติการช็อกโลก" มุดเข้าไปนำตัวออกมา

      เพราะ "ความคิดบวก" กับคุณสมบัติชาติ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" นั่นแหละ

      จึง แฮปปี้ เอนดิ้ง ทุกฝ่าย ทั้งไม่ทิ้งบาดแผลให้เกิดทั้งกายและใจเด็กๆ

      ๑๓ หมูป่า ตอนนี้ เกิด "จุดขาย" ในหลายด้าน ที่ฝ่ายรัฐควรทั้งป้องกัน และทั้งควรบริหารให้เด็กๆ  คือ

      "อามิส-สินจ้าง-รางวัล" ที่หลั่งไหลเข้ามา

      มันจะเป็น "มายาหลอกล่อ" ลากให้หลงไปกับมัน "ชั่วมื้อ-ชั่วคราว"

      ถ้าปล่อยถลำ........

      นั่นแหละ "บาดแผลลึก" สำหรับ ๑๓ หมูป่าแท้จริง!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"