เตือนสัมภาษณ์หมูป่า คุก6เดือนปรับ6หมื่น 


เพิ่มเพื่อน    

    นายกฯ ขอบคุณสื่อไทย ไม่เกาะแกะ ทีมหมูป่าฯ ขณะที่จังหวัดเชียงรายตั้งทีมช่วย 13 ชีวิตนอกถ้ำ เตือนใครสัมภาษณ์เด็กเจอคุก 6 เดือน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยยก "แม่จ่าแซม" เป็นแม่ดีเด่น ของผู้เสียสละ
    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักจิตวิทยา โดยไม่ไปสัมภาษณ์หรือรบกวนการใช้ชีวิตของเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน และครอบครัว ซึ่งถือเป็นการเคารพสิทธิส่วนบุคคลและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองเด็กด้วย
    "นายกฯ ระบุว่ากรณีของสื่อต่างชาติที่ไปสัมภาษณ์เด็กและพ่อแม่ถึงที่บ้าน ทราบว่าไม่ได้ประสานงานกับทางอำเภอแม่สายก่อน จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างมาก ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับสื่อมวลชนและสังคมได้เป็นอย่างดี"
    เขากล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำว่าไม่มีใครบังคับหรือจำกัดสิทธิของใครได้ แต่ถือเป็นดุลพินิจของแต่ละบุคคล ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ และหน่วยงานของรัฐได้ชี้แจงแนวทางอย่างชัดเจนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายดูแลกวดขันเรื่องการดูแลเด็กตามหลักสากล รวมถึงการติดต่อขอสัมภาษณ์เด็กและครอบครัวให้มากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้รับทราบว่าครอบครัวของเด็กก็ไม่สบายใจที่มีสื่อติดต่อขอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการเรียนและชีวิตส่วนตัว
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า จ.เชียงรายได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กทั้ง 13 คน ประกอบด้วยผู้แทนจากหลายฝ่าย เช่น นักจิตวิทยา นักพัฒนาสังคม ฯลฯ และมีนายอำเภอแม่สายเป็นหัวหน้าทีม จึงแนะนำให้ผู้ปกครองเด็กส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการของอำเภอ เพื่อช่วยพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป
    โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายกฯ ได้รับทราบว่า ขณะนี้มีบริษัทภาพยนตร์ต่างประเทศและบริษัทของไทยส่วนหนึ่งมีความประสงค์จะจัดสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการช่วยเหลือทีมหมูป่าฯ ออกจากถ้ำหลวง โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวที่รับรู้ไปทั่วโลก และจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ทุกอย่างจะต้องวางแผนเตรียมการให้ดี เพื่อให้เกิดผลได้มากกว่าผลเสีย จึงจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแลเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่ง ครม.จะได้พิจารณารายละเอียดในเร็วๆ นี้
    ด้านนายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้นายอำเภอแม่สาย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ประชุมส่วนราชการ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น และชุดรักษาความปลอดภัย และผู้ปกครองของน้องๆ ทีมหมูป่าฯ เพื่อกำหนดวิธีการดูแลและดำเนินการตามแนวทางช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 โดยผู้ปกครองและน้องๆ ทีมหมูป่าฯ รับปากว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด 
สัมภาษณ์หมูป่าคุก 6 เดือน
    จังหวัดเชียงรายมีความเป็นห่วง เนื่องจากน้องๆ ทีมหมูป่าฯ ยังอยู่ในการคุ้มครองตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยทีมสหวิชาชีพ พนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก จะดูแลคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ และจังหวัดเชียงรายมีกระบวนการในการคุ้มครองเด็กอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก โดยเฉพาะการคุ้มครองตามมาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครองโดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ 
    ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้มอบให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองเด็กอำเภอแม่สาย และทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ให้คำแนะนำกำกับดูแลการเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของสื่อต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เด็ก หรือการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก
    ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก มอบให้หน่วยงานของกองทัพบกที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี สรุปข้อมูลการปฏิบัติงานในภาพรวม ทั้งด้านการใช้ยุทโธปกรณ์ การบริหารจัดการกำลังพล วิธีการค้นหากู้ภัย เพื่อใช้ประโยชน์เป็นฐานข้อมูล เป็นแนวทางและวิธีการในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในโอกาสต่อไป รวมทั้งยกระดับมาตรฐานการบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพบกให้เท่าทันต่อเหตุวิกฤติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
    ทั้งนี้ ผบ.ทบ.มีนโยบายให้หน่วยทหารเร่งพัฒนาทักษะกำลังพลให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานในภาวะเสี่ยงและยากลำบากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง ในลักษณะเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ เพื่อให้สามารถนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวไปใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย หรือเหตุการณ์วิกฤติในอนาคต อาทิ การดำน้ำกู้ภัย การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุด้วยวิธีเฉพาะ เป็นต้น???
    อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสานต่อและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะวิกฤติ ตามแนวนโยบายข้างต้น ผบ.ทบ.มอบให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ระบบการจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤติ" ในวันที่ 24 ก.ค. 2561 ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี โดยเชิญผู้สัมมนาที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจค้นหากู้ภัยที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย อาทิ สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 13 (ทีมรังนกจากเกาะลิบง), ทีมสำรวจและขุดเจาะถ้ำ จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, บริษัท Chevron (Thailand), บริษัท Water Resource Engineering, บริษัท จีโอเมคคานิคอล เซอร์วิสเซศ จก., สมาคมกู้ภัยภูซางการกุศล จ.พะเยา (ฝ่ายสื่อสารภายในถ้ำ), จิตอาสาและอาสากู้ภัย (ฝ่ายลำเลียงสนับสนุนภายในถ้ำ), คณะที่ปรึกษาทางทหารสหรัฐประจำประเทศไทย, สถานทูตสหรัฐ, ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล, หน่วยงานภายในและกรมฝ่ายเสนาธิการของกองทัพบก เป็นต้น
เลือกแม่จ่าแซมแม่ของผู้เสียสละ
    โดยการสัมมนาประกอบด้วยการบรรยายและสาธิต "การจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤติ" โดยผู้แทนศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล, การบรรยายผลการปฏิบัติงานและบทเรียนที่ได้รับสู่การเตรียมความพร้อมในอนาคตโดยหน่วยที่ร่วมภารกิจ รวมทั้งการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น "ประชารัฐร่วมใจ ค้นหา/กู้ภัยทีมหมูป่า", "จัดการอย่างไรเมื่อต้องเอาชนะธรรมชาติและแข่งกับเวลา" และ "บทเรียน สู่องค์ความรู้ : Best Practice" ทั้งนี้ กองทัพบกเชื่อว่าการสัมมนาดังกล่าว จะช่วยสานต่อความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนในสถานการณ์วิกฤติต่อไป
    รายงานข่าวจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แจ้งผลการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2561 ว่า ในปีนี้ มีผู้ได้รับรางวัลรวม 225 คน โดยส่วนกลางมีจำนวน 115 คน ส่วนภูมิภาค 110 คน ซึ่งปีนี้มีการพิจารณารางวัลพิเศษ แม่ของผู้เสียสละ มอบให้แก่ นางสำราญ กุนัน มารดาของนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม อายุ 38 ปี อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล ซึ่งได้สละชีพกลางถ้ำหลวง ขณะไปปฏิบัติภารกิจร่วมช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
    สำหรับผู้ได้รับรางวัลในส่วนกลาง มีจำนวน 115 คน ประกอบด้วย 1.แม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม จำนวน 21 คน 2.แม่ของลูกผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ 15 คน 3.แม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร 16 คน 4.แม่ผู้เป็นเกษตรกร 18 คน 5.แม่ของผู้เสียสละ 5.1) แม่ของผู้เสียสละ ฝ่ายกองบัญชาการกองทัพไทย 2 คน 5.2) แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารบก 6 คน 5.3) แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารเรือ 3 คน 5.4) แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารอากาศ 5 คน 5.5) แม่ของผู้เสียสละฝ่ายตำรวจ 8 คน 5.6) แม่ของผู้เสียสละฝ่ายอาสาสมัครและแม่ผู้เป็นอาสาสมัคร 20 คน, สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 8 คน, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 6 คน,  มูลนิธิอาสารักษาดินแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 6 คน, ส่วนภูมิภาค (ประจำจังหวัด) จำนวน 98 คน, ส่วนภูมิภาค (ประจำภาค) จำนวน 12 ภาค 12 คน และแม่ของผู้เสียสละเสนอเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ นางสำราญ กุนัน อายุ 64 ปี
    ขณะที่ผลการคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2561 จำนวน 109 คน ใน 7 ประเภท ได้แก่ 1.นักเรียน นักศึกษา จำนวน 25 คน 2.นักกีฬา 3 คน 3.ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 19 คน 4.นักร้อง นักแสดง ศิลปิน 15 คน 5.สื่อมวลชน 5 คน 6.ประชาชนทั่วไป 30 คน และ 7.ลูกกตัญญูฯ ประจำภาคของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 12 คน
งานเลี้ยงทีมช่วยหมูป่า
    ทั้งนี้ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2561 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ ไปยัง รร.เซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2561 ซึ่งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 
    นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานเลี้ยงขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือนำ 13 เยาวชนทีมหมูป่า อะคาเดมีว่า งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ระหว่างเวลา 18.00-21.00 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชานุญาตให้ใช้พระลานพระราชวังดุสิต และพระราชทานอาหารจัดเลี้ยงด้วย ซึ่งรัฐบาลรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ 
    และนายกฯ ได้สั่งการมาว่า ให้รัฐบาลและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดงานนี้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้รัฐบาลจะจัดงานนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานหลายพันคน หรืออาจจะถึงหมื่นคนด้วยซ้ำ โดยนายกรัฐมนตรีและ ครม.จะไปร่วมงานด้วยทั้งหมด และยังมีหัวหน้าส่วนราชการที่มีเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ และผู้บริหารภาคเอกชน ที่ลงไปทำงานช่วยเหลือ หรือบางส่วนอาจจะบริจาคเครื่องมือต่างๆ
    “งานดังกล่าวนี้จะใช้ชื่อว่า “รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน” หรือ united as one เพื่อสื่อถึงความผูกพัน ความเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็นการจัดงานที่เรียบง่าย ประหยัดและเหมาะสม แต่จะสื่อในเรื่องของความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยเฉพาะคนไทย จะสื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ ลงมาจนถึงปวงชนชาวไทยที่อยู่ใต้ร่มพระบารมี”
เชิญใครบ้าง?
    สำหรับการเชิญนั้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่า จะทำหนังสือเชิญทั้งหมดทุกภาคส่วน คือ 
    1.ผู้ปฏิบัติงานคนไทยทั้งหมด ทั้งภาคราชการ เอกชนและประชาชน ซึ่งจะมีรายชื่อจากที่คนเหล่านี้ได้มาลงทะเบียนไว้ในพื้นที่ตอนที่มาทำงานที่ถ้ำหลวง และหากมีตกหล่นอยู่บ้าง ก็จะให้ทางจังหวัดเป็นผู้ประสานงานติดต่อเพื่อไม่ให้ตกหล่น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พลเรือน อาสาสมัคร จิตอาสา มูลนิธิ องค์กร และภรรยา น.ต.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 
    2.ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นชาวต่างประเทศ เอกอัครราชทูตทั้งที่ลงไปช่วยงานและแสดงความจำนงที่พร้อมให้การช่วยเหลือ สำนักงานผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีรายชื่อไว้หมดแล้ว  
    3.สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จะมีหนังสือเชิญไปยังสำนักข่าวต่างๆ  ส่วนสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวในงานนี้ ทางกรมประชาสัมพันธ์จะมีการประสานไป 
    4.เป็นกลุ่มประชาชนที่มีส่วนสนับสนุน หรือที่เรียกว่าปิดทองหลังพระ เช่น กลุ่มเกษตรกรที่เสียสละเอาที่นาเป็นที่รองรับน้ำจากถ้ำหลวง กลุ่มขับรถรับ-ส่ง กลุ่มคนที่รับซักผ้า และกลุ่มที่มาบริการนวด ซึ่งจะมีการประสานกับทางจังหวัดและองค์กรต่างๆ ทั้งนี้ จะมีการจัดรถรับ-ส่ง โดยกระทรวงคมนาคมร่วมกับทางจังหวัดจัดรถรับ-ส่งให้ และจัดที่พักให้ด้วย โดยเตรียมสถานที่ที่อาคารใหม่ พุทธมณฑลไว้ โดยสามารถรองรับคนได้ถึง 1,000 คน และยังมีอาคารจากส่วนราชการต่างๆ ที่สามารถรองรับคนได้อีก
     นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า สำหรับอาหารจะมี 2 ส่วน คือ อาหารพระราชทาน และอาหารที่รัฐบาลจัดเพิ่มเติม โดยจะมีการจัดในลักษณะค็อกเทล มีซุ้มอาหาร และอาจมีโต๊ะนั่งบ้าง เพื่อต้องการให้รองรับคนที่มาร่วมงานให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้จะมีการประชุมเพื่อดูรายละเอียดและความพร้อมทั้งหมดอีกครั้ง ที่ห้อง 108 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เวลา 13.00 น.
    วันเดียวกันนี้ นายเอกพล จันทะวงษ์ อายุ 25 ปี หรือโค้ชเอก ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี ที่เข้าไปติดในถ้ำหลวง จ.เชียงราย พร้อมสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี 12 คน นานถึง 18 วัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และจิตอาสา ต้องร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือ ได้อัพเดตข้อความแนะนำตัว ว่า "ขอขอบพระคุณคนทั้งโลกครับ ขอบพระคุณครับ จากใจ เอกพล จันทะวงษ์
"เฉลิมชัย"เร่งปั้นจ่าแซม
    ที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย พร้อมด้วยอาจารย์สราวุฒิ คำมูลชัย ศิลปินปั้นมือหนึ่ง ได้นำศิลปินชาวเชียงรายหลายคนรับโฟมต้นแบบรูปปั้นนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม อดีตทหารเรือหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยชีล ที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีแม่สายจำนวน 13 คน ณ ถ้ำหลวง 
    โดยโฟมต้นแบบดังกล่าวส่งมาจากร้านเอฟซ่ากัดโฟม อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ไปยังโรงเหล็กภายในวัดร่องขุ่นดังกล่าว เพื่อให้ศิลปินชาวเชียงรายได้ใช้ปั้นเป็นต้นแบบเพื่อจะทำการหล่อด้วยสำริดสำหรับนำไปตั้งหน้าหน้าศาลาพิพิธภัณฑ์ภายในวนอุทยานฯ ดังกล่าว 
    ขณะที่ภายในโรงเหล็ก ทางอาจารย์สราวุฒิได้จัดเตรียมดินน้ำมันอย่างดี อุปกรณ์ปั้น และชุดประดาน้ำครบรูปแบบของนาวาตรีสมาน เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการปั้นให้เป็นดินน้ำมันอย่างเต็มรูป ซึ่งทุกคนที่พบเห็นต่างตื่นตะลึงในถังออกซิเจนซึ่งมีน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัม และจ่าแซมต้องแบกเข้าไปในถ้ำ 3 ถังเหมือนหน่วยซีลคนอื่นๆ ที่ต้องแบกเข้าไปคนละ 3 ถังเพื่อปฏิบัติการดังกล่าว
     อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า หลังจากได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแล้วทางศิลปินก็ได้เริ่มดำเนินการสร้างรูปปั้นดังกล่าวโดยทันที โดยอาจารย์สราวุฒิได้ปั้นตัวแบบและส่งไปยังทำโฟมต้นแบบที่ จ.นครปฐมดังกล่าว และนับจากนี้จะเป็นขั้นตอนการนำดินน้ำมันทำการปั้นขึ้นรูป โดยจะมีการเพิ่มเติม ตัดต่อ และตกแต่งให้มีความสวยงาม พอดี สมจริงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะต้นแบบครั้งแรกที่ทำขึ้นมีเวลาจำกัด จึงใช้เวลาทำอย่างรวดเร็ว ทำให้ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร โดยการปั้นด้วยดินน้ำมันจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนครึ่ง ด้วยการระดมศิลปินไปทำวันละอย่างน้อย 5 คนต่อ 1 สัปดาห์ หมุนเวียนกัน โดยมีอาจารย์สราวุฒิ คำมูลชัย รับผิดชอบคุมงาน จากนั้นจะส่งไปยังร้านเอเชียไฟอาร์ตที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อทำแบบพิมพ์ ก่อนจะทำการหล่อโลหะ ใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน แล้วจึงยกไปตั้งที่หน้าศาลาภายในวนอุทยานฯ ตามรูปแบบต่อไป
     เขาบอกว่า รูปปั้นจะสูงประมาณ 2.60 เมตร ไม่รวมฐาน โดยฐานและส่วนประกอบด้านล่างจะสูงประมาณ 3.50 เมตร ทำให้ทั้งหมดจะมีความสูงจากพื้นประมาณ 5.10 เมตร โดยตั้งอยู่หน้าศาลาที่มีความกว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 20 เมตร และมีห้องน้ำชายและหญิงยาวประมาณ 10 เมตร แยกกันเป็น 2 อาคาร ตอนนี้กำลังส่งให้กรมทรัพย์พิจารณาแบบ ซึ่ง ภายในศาลาก็จะนำภาพวาดยาว 13 เมตร กว้าง 3 เมตรไปจัดแสดง โดยปัจจุบันภาพดังกล่าวยังคงวาดไปเรื่อยๆ เพราะได้มีการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เข้าไปปฏิบัติที่ถ้ำหลวง ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ หน่วยซีล  เพื่อให้รายละเอียดของภาพคือการปฏิบัติการที่แท้จริง ดังนั้นที่ผ่านมาจึงตัดภาพบางส่วนออก และเพิ่มเติมลงไป ทำให้ยังไม่นิ่งพอ และแก้ไขกันไปเรื่อยๆ 
ยัวะ! ผมเก่งอย่ามายุ่ง
    สำหรับโครงการดังกล่าวนั้น ตนจะไม่รับเงินบริจาคจากผู้ใดทั้งสิ้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายหลัง โดยเฉพาะมักมีการพูดโอ้อวดทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ว่าได้บริจาคเงินจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตนไประดมเงินจากชาวบ้านมาสร้างแล้วก็นินทากันไปต่างๆ นานา ทำให้ตนเสียหาย ดังนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะเงินเท่านั้น แต่รวมถึงปูน หิน ดิน ทราย หรืออื่นๆ ตนก็จะขอรับบริจาค แต่หากมาในรูปแบบอื่นๆ เช่น เอฟซ่ากัดโฟมที่ จ.นครปฐม หรือร้านเอเชียไฟอาร์ตที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตนไปว่าจ้างให้ทำแล้วกลับไม่รับเงินเลย ทั้งยังนำมาส่งและติดตั้งให้ถึงที่ จ.เชียงราย โดยระบุว่าต้องการมีส่วนร่วมในการทำบุญครั้งนี้ด้วย ตนก็จะยอมและขอขอบคุณด้วยเป็นอย่างยิ่ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปความในใจของอาจารย์เฉลิมชัย โดยในคลิปอาจารย์เฉลิมชัย ออกมาพูดถึงการสร้างอนุสาวรีย์จ่าแซมว่า ไม่ขอรับเงินบริจาคจากใครทั้งสิ้น หลังจากที่ได้ประกาศมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะใช้งบประมาณส่วนตัวจำนวน 10 ล้านบาท ในการดำเนินการโครงการนี้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าหากรับเงินบริจาคมาดำเนินการแล้ว จะเกิดข้อครหาทำนองว่าตนไม่ได้ควักกระเป๋า แถมได้กำไรจากงานนี้อีก
    ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่ต้องการบริจาคติดต่อให้เงินให้ทอง ให้หิน ปูน ทราย ให้โน่นให้นี่สมทบโครงการนี้ แต่ตนขอประกาศเลยว่า ไม่รับอย่างเด็ดขาด เพราะตนกลัวคนไทยที่ชอบพูด บางคนอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ชอบพูด ถ้ารับเงินบริจาค จะมีการนำไปพูดต่อกันว่า คนนั้นคนนี้มีส่วนสนับสนุนร่วมบริจาคเงินแสนบ้าง สองแสน-สามแสน ฯลฯ สุดท้ายก็จะมาว่าตนไม่ได้ควักกระเป๋า แถมได้กำไร ทำให้ตนเสียหายอีก
    “ผมประกาศไปแล้วว่าจะใช้งบ 10 ล้านบาทในการดำเนินการ ถ้ารับเงินบริจาค คนก็จะไปพูดว่าผมทำเพราะผลประโยชน์ หาว่าผมรับมาเป็นร้อยล้าน เอามาทำแค่สิบล้าน ได้กำไรอีก เพราะพี่น้องคนไทยชอบพูด ดังนั้นจึงขอประกาศไม่รับเงินบริจาคในโครงการนี้ และต้องขอขอบคุณผู้ที่ต้องการร่วมบริจาคด้วย”
    นอกจากนี้อาจารย์เฉลิมชัย ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับร่างแบบอนุสรณ์สถาน (อนุสาวรีย์) จ่าแซม ว่าเราก็รู้กันดีว่านักเลงคีย์บอร์ดบ้านเรามี 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสร้างสรรค์ อีกฝ่ายทำลายชาติ จ้องแต่ทำลาย แม้แต่ร่างอนุสรณ์สถานที่ตนทำ ก็ตำหนิติติงกันไปทั่ว ตนจึงขอถามว่า จะตำหนิทำไม..มีความรู้เท่าตนหรือไม่ บอกว่าอนุสาวรีย์ น่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้..ก็มาทำเอง
    “ผมเก่ง เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่ง งานนี้เขากำลังสเกตช์กันอยู่ ยังทำไม่เสร็จ เขารีบสเกตช์เพื่อให้เห็นว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้น แต่ทุกอย่างมันยังไม่จบ ดังนั้นพวกนักเลงคีย์บอร์ดฝ่ายชั่วไม่ต้องมายุ่งอะไรกับผม ขอร้องเงินก็ไม่ต้องเอามาให้ผม นักเลงคีย์บอร์ดฝ่ายชั่ว ก็ขอให้หยุด เมื่อผมสร้างเสร็จค่อยมาดู แต่ความรู้เรื่องความงาม เรื่องศิลปะน้อยกว่า อย่ามายุ่ง”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"