ยึดคืนวัดบางคลาน ตรวจสอบทรัพย์สิน


เพิ่มเพื่อน    

    ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เปิดปฏิบัติการทวงคืนวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน นำกำลังนับร้อยบุกตัดกุญแจเข้าตรวจนับเงินบริจาคและทรัพย์สินมูลค่าหลายสิบล้านบาท ล่าสุดนับได้แล้ว 12 ตู้ร่วม 2 ล้าน ยังเหลืออีก 17 ตู้ ขณะที่วันอังคารจะมีการตรวจนับวัตถุมงคล รวมทั้งตรวจสอบเงินฝากในบัญชีที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน
    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ นายวิศิษฐ์ เบญจพิทักษ์กุล นายอำเภอโพทะเล จ.พิจิตร นายประพันธ์ ตั้นวัฒนา ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยนายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ได้เป็นผู้นำตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เกือบ 100 คน เข้าปฏิบัติการทวงคืนวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน หลังจากที่มีปัญหายืดเยื้อมาเกือบ 4 ปีเต็ม เป็นคดีฟ้องร้องในศาล ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีศาลปกครอง 
    สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ.2557 มีคำสั่งจากมติมหาเถรสมาคมสั่งปลดพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน สาเหตุจากหลายกรณี จากนั้นพระผู้ใหญ่ก็ได้แต่งตั้งพระพิสุทธวรากร เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน โดยมีสิทธิ อำนาจ หน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนับจากวันที่แต่งตั้งจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลาเกือบ 4 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน คือพระพิสุทธิวรากร ไม่สามารถเข้าวัดเพื่อปฏิบัติกิจของสงฆ์ หรือปฏิบัติหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสได้ เนื่องจากอดีตเจ้าอาวาสดื้อแพ่งไม่ยอมส่งมอบอำนาจ หน้าที่ ทรัพย์สิน ให้กับรักษาการเจ้าอาวาสที่พระผู้ใหญ่แต่งตั้งให้รับตำแหน่งโดยชอบด้วยกฎหมาย 
    อีกทั้งยังมีกลุ่มอิทธิพลที่เป็นผู้เคยมีผลประโยชน์ภายในวัดบางคลาน ในเรื่องการก่อสร้าง การจำหน่ายวัตถุมงคล รวมถึงเรื่องการเงินของวัด รวมกลุ่มกันคัดค้าน ต่อต้านไม่ให้รักษาการเจ้าอาวาสเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งยังมีคดีฟ้องร้องขึ้นโรงพัก ขึ้นศาลยุติธรรมในหลายคดี สร้างความเอือมระอาให้กับพุทธศาสนิกชน รวมถึงผู้ที่ศรัทธาหลวงพ่อเงิน ต่างหันหลังให้วัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลานแล้วไปท่องเที่ยวที่วัดอื่นๆ ที่มีรูปปั้นหรือรูปหล่อของหลวงพ่อเงินประดิษฐานอยู่ โดยความศรัทธาในหลวงพ่อเงินของชาวไทยและผู้ที่นับถือศาสนาพุทธจากทั่วโลกมิได้ลดลง 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีรายงานกระบวนพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ พ 765/2560 ศาลจังหวัดพิจิตร ลงวันที่ 17 ก.ค.2561 ความแพ่งวัดหิรัญญารามกับพวก 2 คน (รักษาการเจ้าอาวาสและกรรมการวัด) เป็นโจทก์ กับนายนัส หรือมนัส ด้วงแก้ว กับพวกรวม 8 คน ที่ตกเป็นจำเลย เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ศาลไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจนคดีสามารถตกลงกันได้ ว่าฝ่ายจำเลยตกลงยอมให้โจทก์ดำเนินการที่จะเปิดตู้บริจาคตรวจนับวัตถุมงคล และกิจอื่นๆ ตามอำนาจหน้าที่ของรักษาการเจ้าอาวาสที่พึงกระทำได้ โดยตกลงกันว่าเวลา 10.00 น.ของวันที่ 23 ก.ค.2561 ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อตกลงศาลไกล่เกลี่ยคู่ความ
    ดังนั้นกำลัง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จึงเป็นผู้นำพระพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม เพื่อจะเข้าไปที่วิหารหลวงพ่อเงิน แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง พบชาวบ้านจำนวนนับ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนแก่ อีกทั้งเป็นคนทั้งในและนอกพื้นที่มาคอยขัดขวางตะโกนโห่ร้อง ใช้ถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นานา ไม่ให้พระพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาส เข้าไปในวิหารหลวงพ่อเงิน ซึ่งมีตู้บริจาคอยู่มากถึง 27 ตู้ และถูกล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา อีกทั้งประตูทางเข้าวิหารหลวงพ่อเงินก็ถูกใส่กุญแจหลายชั้น ถึงแม้คู่กรณีที่เป็นจำเลยจะมอบกุญแจให้ แต่ก็ไม่สามารถไขกุญแจได้ ดังนั้นตัวแทนของรักษาการเจ้าอาวาสจึงใช้เครื่องตัดกุญแจ สามารถเข้าไปในวิหารหลวงพ่อเงินได้ 
    เจ้าหน้าที่ได้เปิดตู้บริจาคทั้ง 27 ตู้ ทยอยให้นักศึกษาจากวิทยาลัยชุมชนพิจิตรจำนวนเกือบ 100 คน ช่วยกันคัดแยกธนบัตรและช่วยกันนับ ล่าสุดนับเสร็จสิ้นแล้ว 12 ตู้ เป็นเงิน 1.7 ล้านบาทเศษ ยังคงเหลืออีก 15 ตู้ ที่จะต้องตรวจนับและนำเงินดังกล่าวไปเข้าบัญชีธนาคารของวัดหิรัญญารามต่อไป นอกจากนี้ ในวันที่ 24 ก.ค. รักษาการเจ้าอาวาสเตรียมจะให้มีการตรวจนับวัตถุมงคล รวมถึงตรวจดูสมุดบัญชีธนาคารอีกหลายเล่มที่มีเงินของวัดอยู่ประมาณ 50-60 ล้านบาท เพื่อจะได้นำเงินดังกล่าวมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ยังประเมินไม่ได้ว่าจะมีกลุ่มต่อต้านออกมาขัดขวางอีกหรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"