ประชาธิปไตยกับความเบื่อหน่าย


เพิ่มเพื่อน    

      หมดเรื่องหมูป่า...ท่าทางคงหนีไม่พ้นต้องวนไป-วนมากับเรื่อง ดูด อีกนั่นแหละ ทำไงได้...หนีไม่ออก!!! เพราะเท่าที่ดูจากข่าวคราว ก็ยังคงบ๊วบไป-บ๊วบมากันซะเหลือเกิน เรียกว่า...ขนาดท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่อยู่ในแวดวงการเมืองแท้ๆ ท่านยังเบื่อที่จะพูด ไม่อยากเสียเวลาเอ่ยถึงต่อไปอีกแล้ว แต่กระนั้น...อะไรต่อมิอะไรมันก็ยังด๊วบๆ ดู๊ดๆ ไปตามเรื่อง ตามราว...

                                                                ------------------------------------------------

      คือแม้ว่าการ ดูด จะถือเป็น ธรรมชาติทางการเมือง ชนิดหนึ่งก็ตาม...แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันออกจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อ น่ารำคาญ มิใช่น้อย และทำให้สิ่งที่เรียกว่า การเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยแบบเดิมๆ นั้น พลอยเป็นอะไรที่น่าเหนื่อยหน่าย ควบคู่ไปด้วยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งเมื่อ ดูด เจอ ดึง เย่อกันไป-เย่อกันมา เหมือนอย่างที่เคยเย่อๆ กันมาโดยตลอด ตั้งแต่ไม่รู้กี่ทศวรรษต่อกี่ทศวรรษมาแล้ว ชนิดมืดมนอนธการไปเป็นทศวรรษๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็ยังมิวายดูดๆ-ดึงๆ กันอย่างเป็นกิจการ เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันน่าจะเบื่อ น่าเหนื่อยหน่ายเท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว...

                                                                  -----------------------------------------------

      เรียกว่า...ขณะที่ ฝ่ายดูด ตั้งหน้า ตั้งตาดูด อย่างไม่คิดจะบันยะบันยัง ไอ้ ฝ่ายดึง ที่ไม่น่าจะมีเรี่ยว มีแรงอะไรมาดึง แทบไม่เหลือลมดึง ลมตึง ใดๆ ได้อีก แต่ก็ยังอุตส่าห์โพสต์โน่น โพสต์นี่ ขยันโพสต์ชนิดถี่ๆ อย่างเป็นพิเศษ จะเพื่ออวดโชว์ลมตึง ลมดึง หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ แต่ก็ส่งผลให้บรรยากาศการหวนคืนกลับไปสู่ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะครึ่งใบ ค่อนใบ หรือเสี้ยวใบก็ตามแต่ มันเลยออกจะน่าขยิดเขยียน น่าปวดหัว วิงเวียน ซะเหลือเกิน คือเป็นอะไรที่วนไป-วนมาอยู่กับสิ่งเดิมๆ ฉากเดิมๆ  ช็อตเดิมๆ ไม่ได้คิดจะ 4.0-5.0 อะไรกับใครเค้ามั่งเลย...

                                                                  ---------------------------------------------------

      จะด้วยเหตุทำนองนี้ หรือด้วยองค์ประกอบอื่นๆ ที่สอดแทรกอยู่ในแต่ละสังคม แต่ละประเทศ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ มันเลยทำให้ ความเป็นประชาธิปไตยในโลกยุคนี้ ออกอาการตกต่ำ เสื่อมโทรม ลงมาเรื่อยๆ ถึงขั้นที่บรรดาประเทศ เผด็จการทั้งหลาย ชักเริ่มๆ คิดเอาไปตบแต่ง ต่อยอด โฆษณาประชาสัมพันธ์ ถึงคุณความดี ความเหมาะสม สอดคล้อง ของ ความไม่เป็นประชาธิปไตย (โดยเฉพาะแบบเดิมๆ หรือแบบตามมาตรฐานตะวันตก) กันบ้างแล้ว ขณะที่ นักประชาธิปไตยในบ้านเราดันมัวแต่งมโข่งอยู่กับสิ่งเก่าๆ สิ่งเดิมๆ โดยไม่ได้คิดจะมองโลก มองสภาพแวดล้อมรอบข้าง เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                  ------------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...ขนาดที่ประเทศ เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ หรือ ทุนนิยมเผด็จการ หรือ สังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะ อย่างคุณพี่จีน ท่านฉวยโอกาสระหว่างที่ประชาธิปไตยอเมริกา ประชาธิปไตยยุโรป ออกอาการเดี้ยงไป-เดี้ยงมา ออกป่าวประกาศโฆษณารณรงค์หวังจะให้เกิด ธรรมาภิบาลโลก เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยอาศัยต้นแบบ อย่างจีนๆ นี่แหละเป็นพื้นฐานแนวทาง แต่สำหรับบรรดานักประชาธิปไตย ในบ้านเรา กลับยังดึงๆ ดูดๆ ยัง ข้ามไม่พ้นทักษิณ เอาเลยแม้แต่นิด ไม่เพียงแต่ไม่ได้คิดสนใจธรรมาภิบง ภิบาล ยังพร้อมเสมอที่จะ โกงก็ไม่เป็นไร...แต่ขอให้แบ่งกันมั่ง อะไรทำนองนั้น...

                                                                   ---------------------------------------------------

      อันนี้...มันก็เลย มีแต่...ตาย...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!! ไม่ว่าจะ ดึง กันแบบไหน อย่างไร สุดท้าย...ย่อมหนีไม่พ้นต้องถูก ดูด ไม่ว่าทางใด ก็ทางหนึ่ง และเมื่อต้องดึงๆ ดูดๆ แบบไม่คิดจะไปไหน เอาแต่วนมา-วนไปกับการดูดๆ-ดึงๆ ชนิดไม่บันยะบันยังเอาเลยแม้แต่น้อย ความน่าเบื่อ น่ารำคาญ น่าเหนื่อยหน่าย มันจึงกลายเป็นบรรยากาศที่ซึมซ่าน แผ่ขยาย ครอบคลุมไปยังความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ที่ไม่อยากจะสนใจกับการ แบ่งขั้ว-แบ่งฝ่าย, แบ่งเหลือง-แบ่งแดง ไปจนแม้กระทั่ง แบ่งประชาธิปไตย-แบ่งเผด็จการ เอาเลยก็ยังมี!!! หันไปสนใจคุณน้อง ตูน บอดี้สแลม หรือหันไปสนใจ หมูป่าอะคาเดมี กันแทนที่ ยังสบายใจกว่ากันเป็นไหนๆ...

                                                                        ----------------------------------------------------

      ทั้งๆ ที่บรรยากาศทำนองนี้นี่แหละ...ที่มันคงต้องคิดให้มากๆ คิดให้หนักๆ เข้าไว้ เพราะอย่างที่อภิมหานักเขียนชาวเยอรมัน เจ้าของรางวัลโนเบล ไพรซ์ ชื่อว่านาย Heinrich Boll ท่านเคยพูดเอาไว้น่าคิด น่าสนใจ ไม่น้อย ด้วยวาทะประมาณว่า พื้นฐานแห่งการปฏิวัติ...มีที่มาจากความเบื่อหน่าย ทำนองนั้น ดังนั้น...แม้ความเบื่อหน่าย เหนื่อยหน่าย ที่มันกำลังแผ่สยาย ซึมซ่าน อยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้ มันคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการปฏิวัติที่เบ็ดเสร็จเรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียน คสช.มานานแล้ว แต่มันจะส่งผลให้การหวนคืนไปสู่ ความเป็นไปประชาธิปไตย ในโอกาสต่อไป จะออกไปแนวไหน อย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคิดๆ เอาไว้ให้จงหนัก ไม่ใช่เอาแต่ดูดๆ ดึงๆ กันลูกเดียว...

                                                                           ---------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Carlyle... The greatest of faults, is to be conscious of none.- ความบกพร่องที่หนักหนาสาหัสที่สุด คือความไม่สำนึกในความบกพร่องใดๆ เลย...

                                                                            -----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"