บล.บัวหลวงชี้ปัจจัยต่างประเทศกดดันหุ้นไทยถึงสิ้นปี


เพิ่มเพื่อน    

บล.บัวหลวงชี้ปัจจัยต่างประเทศกดดันหุ้นไทยถึงสิ้นปี คงเป้าดัชนีปีนี้ที่ 1,760 จุด พร้อมลุยบล็อกเทรด ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำตลาด ยันโปรแกรมอัตโนมัติไม่กระทบภาวะตลาด

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยจากต่างประเทศจะกดดันตลาดหุ้นไทยไปจนถึงสิ้นปี 61 เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐยังคงเดินหน้ามาตรการต่างๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสหรัฐในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นจะกลับมาเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวอยู่ที่ 1,730 จุด โดยยังคงคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,760 จุด และกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้เติบโตที่ 9.6%

สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยมองว่าส่วนใหญ่กังวลรายได้ค่าธรรมเนียมหลังจากยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล แต่รายได้ส่วนนี้มีสัดส่วนทั้งปีแค่ 3% เท่านั้น นอกจากนี้ การเลื่อนใช้มาตรฐานบัญชี (ไอเอฟอาร์เอส9) ยังส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหม่ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรส่วนต่างราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะอยู่ที่ 10%

“ผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐกับจีน มองว่าผลกระทบจะไม่เห็นชัดเจนในปีนี้ และอาจจะชัดเจนในปีหน้า แต่ต้องดูขนาดว่าจะจบที่เท่าไหร่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงในมูลค่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมีผลกระทบกับจีดีพีจีนเพียง 0.1-0.2% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ 6.6-6.8% ต่อปี”

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดการซื้อข่ายผ่านบล็อกเทรด ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เนื่องจากปัจจุบันตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ด้านมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 12% จากปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 12% ใกล้เคียงคู่แข่ง ซึ่งช่วง ม.ค.61 มีมูลค่าธุรกรรมบล็อกเทรด เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นถึง 60,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายบล็อกเทรดต่อวันอยู่ที่เฉลี่ย 5% ของมูลค่าการซื้อขายตลาดรวม ถือว่ายังต่ำมาก เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศที่ 30% หากประเมินของบริษัทมูลค่าการซื้อขายบล็อกเทรดมีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 200% ในปี 59 เมื่อเทียบกับปี 60 ส่วนตลาดรวมเติบโตได้ 50% โดยจุดเด่นของบริษัท มีอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 0.10 บาทต่อมูลค่าการซื้อขาย จากอุตสาหกรรมอยู่ที่ 0.11% ส่วนดอกเบี้ยบัญชีมาร์จิ้นของบริษัทอยู่ที่ 5.06%ต่อปี เทียบกับดอกเบี้ยของอุตสาหกรรม 6-7% และเงินปันผลบริษัทให้กับนักลงทุน 100% เมื่อเทียบกับรายอื่นให้เพียง 80% เป็นต้น

“ปัจจุบันการใช้โปรแกรมอัตโนมัติ เชื่อว่าไม่กระทบต่อภาวะตลาด เพราะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ตรวจสอบโปรแกรมกับผุ้ประกอบการอย่างถี่ถ้วน ก่อนที่จะให้บริการกับลูกค้า แต่ประเด็นที่ต้องกังวลคือการซื้อขายโดยตรงผ่านระบบการเชื่อมต่อจากต่างประเทศ จากบริษัทหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เนื่องจากไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ทำให้ตลท.เข้าไปตรวจสอบไม่ได้”
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"