ตร.โต้ดคีลูกลุงกระโดดตึกศาล สำนวนไม่อ่อนเพราะอัยการสั่งฟ้อง


เพิ่มเพื่อน    

24 ก.ค.61-พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายศุชภัย คัฬหสุนทร กระโดดศาลอาญาเสียชีวิต ที่ไม่พอใจศาลชั้นต้นมีความพิพากษายกฟ้องผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าลูกชายเสียชีวิต เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2559 พื้นที่ สน.ดินแดงซึ่งญาตริระบุว่าคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งชั้นพนักงานสอบสวนว่า เบื้องต้นทราบว่าคดีดังกล่าว ในชั้นพนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ชั้นพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องตามพนักงานสอบสวน

ขอเรียนว่าในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น มีการสอบสวนและตรวจสอบสำนวนคดีอย่างครบถ้วน เนื่องจากการดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งมีอัตราโทษ ประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 - 20 ปี เมื่อพนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนและสรุปสำนวนมีความเห็น “ควรสั่งฟ้อง หรือ ควรสั่งไม่ฟ้อง” นั้น จะมีการเสนอผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นเพื่อพิจารณาสั่งการ ตั้งแต่ระดับ หัวหน้างานสอบสวน , หัวหน้าพนักงานสอบสวน(สถานีตำรวจ) และ ระดับกองบังคับการ ซึ่งการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน ยึดตาม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่กำหนดไว้ โดยอาศัยพยานหลักฐานทางคดี ไม่ว่าจะเป็น พยานวัตถุ พยานบุคคล และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นสำคัญ ซึ่งถือได้ว่าในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น มีการตรวจสอบถึงความถูกต้อง  รัดกุม เรียบร้อย ของสำนวนคดีตามกรอบของกฎหมายเป็นอย่างมาก

สำหรับคดีดังกล่าวศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เหตุผลโดยสรุป คือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น แต่พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏในชั้นศาลนั้น เห็นแต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

ในประเด็นที่สังคมมองว่าพนักงานสอบสวนทำสำนวนอ่อนนั้น ต้องขอเรียนว่า คดีดังกล่าวพนักงานอัยการเป็นโจทก์แทนผู้เสียหาย โดยพนักงานอัยการเป็นผู้ร่างฟ้องและอาศัยพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนประกอบสำนวนคดี ซึ่งต่อมาประจักษ์พยาน ไม่ได้มาแถลงต่อศาลด้วยมีอาการทางจิต รักษาตัวที่โรงพยาบาลและพยานอื่นๆมีน้ำหนักไม่เพียงพอเป็นเหตุให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นสำนวนอ่อนแต่อย่างไร เพราะพนักงานสอบสวน ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าพนักงานอัยการมมีความเห็นควรสั่งฟ้องตามพนักงานสอบสวน  อย่างไรก็ตามเมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้อง พนักงานอัยการในฐานะฝ่ายโจทก์ ก็ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสู้ตามกฎหมายได้จนไปถึงศาลฎีกา ซึ่งขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เสร็จสิ้นแต่อย่างใด

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า เพื่อป้องกันความสับสนของสังคม ในประเด็นที่ว่าสำนวนในชั้นพนักงานสอบสวนอ่อนนั้น เรียนว่าหากสำนวนในชั้นพนักงานสอบสวนอ่อนจริง ชั้นพนักงานอัยการก็คงสั่งไม่ฟ้องและคงไม่ถึงชั้นพิจารณาของศาลแล้ว ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความยุติธรรม และสามารถตอบคำถามสังคมได้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ได้เรียกตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าว ว่าการสอบสวน มีความรอบคอบ รัดกุม เพียงใด หรือ มีข้อบกพร่อง หรือไม่อย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"