คสช.ข้ามแม้ว ปชป.ถล่มยับ ‘นคร มาชิน’!


เพิ่มเพื่อน    

  รัฐบาล คสช.ไม่สนใจเสียงนักโทษหนีคุก  "ไก่อู" ยันก้าวข้ามทักษิณไปแล้ว เอาสมาธิไปทำงานดีกว่า ยันรัฐประหาร 2557 ต้องทำเพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นง่อย ส่วนประชาธิปัตย์ดาหน้าถล่ม "นคร มาฉิม" เละ   อย่าหลงไปยกย่องทรราชที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อย่าเห็นแก่เงินของคนชั่ว ชี้แค่หวังตำแหน่งทางการเมือง ขณะที่ นปช.ป้อง เชื่อเป็นทฤษฎีสมคบคิดระหว่าง ปชป.กับทหาร

    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวในงานเลี้ยงวันเกิดว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลมาจากการรัฐประหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ พยายามเลื่อนการเลือกตั้งออกไปว่า ก้าวข้ามนายทักษิณไปแล้ว จึงไม่สนใจสิ่งที่นายทักษิณพูด ถ้าเราไปให้ความสนใจคำพูดมากนัก ก็จะเสียสมาธิการทำงาน เอาสมาธิมาทำงานดีกว่า
    "ที่ว่าถ่วงเวลาเลือกตั้งขณะนี้ก็มีโรดแมปเลือกตั้งชัดเจน นายกฯ ก็บอกแล้วว่าจะมีขึ้นหลังพระราชพิธีสำคัญ"
    เขากล่าวว่า การที่บอกว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารนั้น การรัฐประหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นเรื่องเก่า เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าทำไมต้องมีการรัฐประหาร การรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ แต่เป็นเพราะขณะนั้นรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้เป็นเวลานาน และไม่มีทางออก ถ้าสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีอื่น เวลานั้นผู้ที่เกี่ยวข้องคงแก้ไปแล้ว ส่วนเรื่องการตามตัวนายทักษิณ ก็ถือเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย  
    โฆษกรัฐบาลยังกล่าวถึงกรณีที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กแฉกระบวนการสมคบคิดล้มรัฐบาลของนายทักษิณ  และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีทหารเข้าร่วมว่า ตนไม่ทราบ และไม่รู้จักนายนครเป็นการส่วนตัว ที่เขามาพูดเช่นนี้ไม่รู้ว่าต้องการอะไร และไม่รู้สึกว่ามีกระบวนการตามที่นายนครบอก เพราะเชื่อว่าสังคมเข้าใจเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหารที่ทำให้ทหารต้องออกมา 
    "ไม่รู้สึกว่าการพูดของนายนครเป็นการดิสเครดิตทหาร เพราะสังคมเข้าใจ วันนี้เราต้องเดินไปข้างหน้าและทำตามโรดแมปที่วางไว้" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
    ด้าน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์  ผบ.มทบ.11 ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของนายทักษิณหรือนักการเมืองต่างๆ เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนคนไทยสามารถรับฟังวิเคราะห์ได้ ว่าจากคำพูดดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่งรัฐบาลและคสช.คงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆเหล่านี้ แต่จะไม่โต้ตอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาการทำงานให้บ้านเมือง 
    "ใครจะพูดอะไรอย่างไรไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ คำตอบที่ดีที่สุดคือพี่น้องประชาชนดูจากการทำงานของรัฐบาลได้ว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลและ คสช.ได้ทำอะไรไปบ้าง แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สะสมมานาน จนทำให้ประเทศเกิดความเข้มแข็งภายใต้ความสงบสุขร่วมกัน มีรากฐานที่มั่นคงเข้มแข็งมากขึ้น"
ไม่มีเวลาตอบโต้ใคร
    ถามว่า นายทักษิณระบุว่ารัฐบาล-คสช.พยายามถ่วงการเลือกตั้ง พล.ต.ปิยพงศ์ตอบว่า ต้องเข้าใจว่า เวลานี้รัฐบาลไม่สามารถตอบเป็นอย่างอื่นไปได้ รัฐบาลยืนยันตามโรดแมปเดิม ไม่สามารถตอบเป็นอย่างอื่นได้ เพราะไม่มีประเด็นอื่นที่จะมาเป็นปัจจัยในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ทุกคนในรัฐบาลและ คสช.ต่างทำงานในหน้าที่เต็มขีดความสามารถ เพราะมีงานข้างหน้าที่รออยู่อีกมาก งานใดๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นล้วนเป็นงานสำคัญที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ทั้งนี้ เพื่อทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดความสงบสุขร่มเย็น
    “ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามการทำงานของรัฐบาลและ คสช. ซึ่งจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เราทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจทำงานตอบสนองประชาชน เพราะเราตั้งใจเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข จึงไม่มีเวลาที่จะไปโต้ตอบใคร เพราะการตอบโต้ใดๆ จะไม่เกิดประโยชน์อะไร เอาเวลามาทำงานให้ประเทศชาติจะดีกว่า”
    พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ในช่วงเวลามหามงคลนี้ ตนอยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยร่วมกันสร้างบุญสร้างกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ร่วมใจเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำบุญในเทศกาลวันเข้าพรรษา ซึ่งจะทำให้เกิดอุ่นไอของความรักชาติรักแผ่นดิน เพราะสภาพโดยรวมขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่าบ้านเมืองปกติสุขสงบเรียบร้อย กิจกรรมต่างๆ ที่รัฐบาลมอบหมายหน่วยงานฝ่ายต่างๆ ได้รับการตอบสนองความร่วมมืออย่างเต็มที่ รัฐบาล-คสช.มีความมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของประชาชนตลอดเวลา มีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในประเทศ จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่ออารยประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาการประมงที่ถูกต้องตามหลักสากล (IUU) การบินพลเรือน (ICAO) การค้ามนุษย์ที่อยู่ในระดับที่ดีขึ้น (TIP Report) รวมถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ รัฐบาลสามารถสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ โดยเฉพาะกรณีการส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือ สปป.ลาวที่เกิดภัยพิบัติเขื่อนแตก สิ่งต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาล-คสช.มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
    ขณะที่นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต ส.ส.ปชป.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเคยไปช่วยนายนครหาเสียงสมัยที่อยู่วัดใกล้ๆ บ้าน คล้ายๆ เป็นเด็กวัด เป็นคนที่มีหน่วยก้านใช้ได้ แต่ตอนหลังได้ข่าวว่าลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ต้องเข้าใจว่าเรื่องการเมืองนี้ต้องมีจิตใจหนักแน่น อย่าไปหวั่นไหว ถ้าเรามีอุดมการณ์สนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ต้องอยู่ในพรรคนั้น 
    ส่วนคนที่มีอุดมการณ์ชัดเจนว่าเป็นนักการเมืองแล้วแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง เพื่อตระกูล เพื่อครอบครัวแล้ว เราควรที่จะถอยห่าง หากเราไปคลุกคลีกับเขาสักวันหนึ่ง ประชาชนก็จะตัดสินเองว่าคนนี้ดีหรือไม่ดี ฉะนั้นต้องระมัดระวังให้ดีนักการเมืองทั้งหลาย ไม่เฉพาะนายนคร นักการเมืองทุกคนต้องพึงระวัง ถ้าเราเป็นนักการเมือง มีอุดมการณ์เพื่อประชาชนจริง 
ต้องเจ็บแค้นแทนประชาชน
    "อย่าลืมว่าเราต้องเจ็บแค้นแทนประชาชน ในเมื่อประชาชนเดือดร้อน เราต้องเดือดร้อนแทนประชาชน นี่คือนักการเมืองของประชาชน ส่วนนักการเมืองพวกแสวงหาผลประโยชน์ ก็เหมือนกับเราเป็นลูกฟุตบอล เขาจะเตะไปเตะมาจนเราน่วม แล้วเขาก็ทิ้ง ต้องระมัดระวังไม่ว่าจะเป็นใคร"
     นายสัมพันธ์กล่าวว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นายนครไปอยู่กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมเฉพาะกิจ กิจกรรมวันนั้นเป็นกิจกรรมเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อปูทางการเมืองให้จัดสรรคนดีๆ เข้ามาบริหารบ้านเมือง เพราะฉะนั้นกิจกรรมจบไปแล้วก็จบกัน แล้วก็ปูทางได้แค่ไหน สะพานปูนหรือสะพานไม้ ซึ่งสะพานเหล่านั้นอาจจะมีไม้ผุบ้างก็ได้ เราต้องซ่อมแซมต่อไป เพื่อเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางของระบอบประชาธิปไตย 
    "การเมืองวันนี้ต้องระวังทุกพรรค มีการถ่ายเทบ่อยๆ อย่างผมอยู่พรรคใดก็มีคนรักทุกพรรค แต่ผมก็อยู่ ประชาธิปัตย์เราต้องพิจารณาว่าออกจากประชาธิปัตย์เพราะอะไร ผมไม่เคยประกาศว่าผมออกจากประชาธิปัตย์หรือทิ้งประชาธิปัตย์ แต่ผมมีเหตุผล ต้องถวายงานในพระราชวัง จึงต้องลาออกจากพรรคการเมือง แต่ใจผมก็ยังอยู่ประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ไม่ได้เกี่ยวกับดีหรือไม่ดี หากพรรคไม่ดีผมจะอยู่มาได้อย่างไรตั้งแต่ปี 2512 จนมาถึงปัจจุบันนี้ พรรคดี แต่คนในพรรคอาจจะไม่ดีมันมี ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ศาสนาดีแต่พระบางรูปไม่เข้าท่า ผิดแบบหลักคำสอน" นายสัมพันธ์กล่าว
    ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากพูดถึงนายนคร เพราะว่าได้ออกจากพรรคไปนานแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนตั้งใจจะเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปถึงนายนคร แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
      อย่างไรก็ตาม การที่นายนครออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนก็ไม่รู้ว่านายนครอยากจะไปอยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคไหน แต่เขากลับมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว ถ้ามาก็อยู่ยาก
    เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณกล่าวในงานเลี้ยงวันเกิด 69 ปี โดยระบุว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลมาจากการรัฐประหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ พยายามเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า แน่นอนการพูดดังกล่าวถือเป็นการดิสเครดิตทหาร เพราะว่าเขาเป็นคนที่ยึดอำนาจ ซึ่งเราคงย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เพราะเดินกันไปไกลแล้ว
โทษทหารทำเสียของ
        ถามว่า ดูเหมือนนายทักษิณยังมั่นใจว่ายังครองหัวใจประชาชนคนไทยได้อยู่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า ตามผลโพลก็เป็นความจริงอย่างนั้น เขาก็ยังมาเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นความผิดของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ไม่แจ้งความจริงขณะนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง รวมถึงนายกฯ ยังพูดว่านักการเมือง จึงทำให้เขารู้จุดอ่อนของรัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลยึดอำนาจตั้งใจแก้ปัญหา ซึ่งหากรัฐบาลไม่สืบต่ออำนาจ เชื่อว่านายทักษิณต้องแพ้ แต่พอรัฐบาลคิดจะอยู่ต่อ เขาก็กลับมาชนะ 
    "ต้องโทษทหารที่ทำเสียของ ฉะนั้นถ้าไม่ระวังตัวคิดจะอยู่ต่อ ความน่าเชื่อถือจะหมดลง เพราะไหนจะเรื่องไปดูดนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ก็เกิดความไม่ชอบธรรมแล้ว จึงทำให้ผลสวิงกลับมาสู่ฝ่ายยึดอำนาจ" นายนิพิฏฐ์กล่าว
      นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่นายนครเขียนอวยพรนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นสิทธิของนายนคร แต่การใส่ความเท็จพรรคประชาธิปัตย์นานาประการ ไม่แน่ใจว่านายนครมีสติดีหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีการประชุมวางแผนใดๆ ให้ทหารมายึดอำนาจอย่างที่นายนครกล่าวหา หรือจาบจ้วงกล่าวอ้างไปถึงตุลาการระดับสูงบางคน ส่งผลให้สถาบันศาลได้รับความกระทบกระเทือน ซึ่งไม่เคยมามีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในทางการเมืองเลย 
    เขากล่าวว่า นายนครเขียนโยงใยไปถึงตุลาการระดับสูงเพื่อผลประโยชน์อะไร เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตุลาการหรือไม่ นายนครเคยด่าว่าวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณไม่มีชิ้นดีกลางสภา แล้ววันนี้มายกยอปอปั้นสรรเสริญในวันเกิด
    "อนิจจา คนหนอคน ยืนยันว่าสิ่งที่คุณนครเขียนนั้นเป็นเท็จ และกล่าวร้ายให้พรรคประชาธิปัตย์และวงการตุลาการเสียหาย ผมพร้อมเผชิญหน้ากับคุณนครทุกเวลา ให้เอาสัจจะความจริงมาพูดกัน อย่าหลงไปยกย่องทรราชที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อย่าเห็นแก่เงินของคนชั่ว" นายวัชระกล่าว
    นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองว่าไม่ได้มีเหตุตามที่นายนครอ้าง ตนอยู่พรรคประชาธิปัตย์มานาน ผ่านการเมืองมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องนี้คงจะต้องให้ประชาชนใช้พิจารณาว่าสิ่งที่นายนครพูดออกมาเจตนาพูดเพื่ออะไร
    นายนราพัฒน์กล่าวอีกว่า อยากจะบอกนายนครว่าอย่ายกเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เพื่อจะเอาใจ เพื่อทำให้ตัวเองมีบทบาท หรือเอาใจอดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้พิจารณาคำพูดของตัวเอง และจะต้องออกมารับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคเองคงจะต้องให้ทีมฝ่ายกฎหมายดูว่าประเด็นไหนที่นายนครพูดออกมาบิดเบือนความจริง จะต้องมีการฟ้องร้อง เพราะทำให้พรรคเสียหาย ที่ผ่านมาพรรค ปชป.เองไม่ได้ให้ความสำคัญกับนายนครอยู่แล้วหลังจากไปอยู่พรรคอื่น
หวังตำแหน่ง
    “การที่นายนครออกมาพูดแบบนี้เพื่อหวังตำแหน่งทางการเมือง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอำนาจวาสนาว่าจะได้หรือไม่ ผมมองว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ต้องรอดูกันยาวๆ โดยนายนครเป็นเพียงอดีต ส.ส.ปชป. และออกจากพรรคไปแล้ว เพื่อไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา หลังจากนั้นนายนครก็ถูกดูดไปอยู่พรรคเพื่อไทย” นายนราพัฒน์กล่าว
    ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หากมองย้อนตั้งแต่ปี 2548 ตอนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ จนถึงปัจจุบันอย่างยอมรับความจริง จะเห็นว่าสิ่งที่นายนคร พูดคือคำอธิบายที่ตรงไปตรงมาถึงทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองที่ นปช.และอีกหลายคนพูดมาตลอด เมื่อยืนยันโดยอดีต ส.ส.หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำให้เรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้น 
    เขากล่าวว่า บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการยึดอำนาจทั้ง 2 ครั้งเป็นแบบเดียวกัน คือร่วมมือกับกลุ่มจัดตั้งเพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาล บอยคอตการเลือกตั้ง เดินเกมเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และรอรับดอกผลจากการเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งด้วยกติกาของฝ่ายยึดอำนาจ เพียงแต่คราวนี้ คสช.บอกว่า คมช.ทำเสียของ จึงกำหนดให้มีนายกฯ คนนอกได้ และมีแนวโน้มว่าผู้มีอำนาจจะไปต่อ สถานะของพรรคประชาธิปัตย์จึงเปลี่ยนจากชิ้นส่วนหลักเป็นเพียงอะไหล่ แกนนำหลักอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งออกตัวมาไกลจึงต้องแปลงสภาพตัวเองเป็นหุ้นส่วนอำนาจกับคณะรัฐประหาร 
    "ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งที่นักการเมืองที่ถือกำเนิดจากวิถีทางประชาธิปไตย เป็นไส้ศึกทำลายประชาธิปไตยเสียเอง" 
กูไม่กลัว
    นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว กลุ่มพลังฝ่ายอนุรักษนิยมทั้งหลายที่ถูกพูดถึงก็ควรทบทวนตัวเอง การใช้อำนาจบิดเบือนหลักการต้องยุติ ถ้าวิธีนี้ดีจริงบ้านเมืองคงเจริญไปแล้ว มาตรฐานแบบชื่นชมการเลือกตั้งในมาเลเซีย แต่ประณามคนอยากเลือกตั้งในไทย ไม่ได้อธิบายว่าคนฐานะดี การศึกษาสูง จะมีสำนึกเรื่องประชาธิปไตยมากกว่าชาวบ้านคนธรรมดา ความเชื่อว่าคนเท่ากันและเคารพในความเป็นมนุษย์ต่อกันต่างหาก คืออนาคตที่งดงามของสังคมไทย
    นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจ ฝ่ายประชาธิปไตยเข้าใจเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว เพราะการเมืองไทยยิ่งกว่าสิ่งที่เรียกว่ารัฐพันลึก เป็นการเมืองที่ระยะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยมีความยืดยาว และยังไปไม่ถึงเป้าหมาย จึงทำให้ท่ามกลางความยืดยาวของระยะเปลี่ยนผ่านจะมีเรื่องราวจากคนที่เคยเชื่อแบบหนึ่งอย่างที่นายนครเขียนแทงทะลุออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะทัศนะที่ยังไม่ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชนของเครือข่ายชนชั้นนำอนุรักษนิยม อำนาจนิยม 
    "ที่ผ่านมาเราจึงเห็นความพยายาม 2 ด้านดำรงอยู่ในสังคมไทย ด้านหนึ่ง ต้องการก้าวไปสู่อำนาจประชาชน กับอีกด้านหนึ่ง ความพยายามที่จะเหนี่ยวรั้งการไปสู่อำนาจประชาชน"
    นางธิดาเชื่อว่าคนที่รู้อย่างนายนครมีอีกมาก แต่อาจจะไม่มีฐานะทางการเมือง เป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เหมือนอย่างที่นายนครมี เนื้อหาที่นายนครเขียน จะทำให้มีผลกระทบต่อตัวนายนครมาก โดยมีทั้งชีวิตจริงและชีวิตทางการเมืองเป็นเดิมพัน ดังนั้นคงไม่มีใครทำ ถ้าจะตายด้วยการโกหก 
    "นี่แสดงว่าจะต้องมีอะไรที่หนักหนาสาหัสทางการเมือง จนกระทั่งต้องออกมาเปิดโปงโดยมีนัยว่ากูไม่กลัว อีกทั้งยังมีนัยขู่นิดๆ ด้วยว่าเขารู้เบื้องหลัง ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องตัดสินว่าคำพูดของใครฟังขึ้นหรือไม่ขึ้น โดยใช้ผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นตัวตั้ง” แกนนำ นปช.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"