'คนไทยกับโลกธาตุสะเทือน'


เพิ่มเพื่อน    

    ระยะต่อจากนี้.........
    ใครไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศไปไหนไกลๆ
    "อยู่ในที่ตั้ง" ก่อนดีที่สุด
    เพราะช่วงนี้ เป็นช่วง "แกนโลก" ปรับสมดุล 
    ฉะนั้น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุ น้ำท่วม ฝนถล่ม หนาวจัด ร้อนจัด หิมะตก ไฟป่า คือ อะไรที่เรียก "ภัยธรรมชาติ"
    เกิดได้ตลอดเวลา!
    ถ้าถาม "รู้ได้ไง" ก็ขอตอบว่า "มั่วเอา" จากที่สังเกตและคิดเรื่อยเปื่อย
    ตามที่เราเรียน พื้นที่ ๓ ใน ๔ ส่วนของโลก คือน้ำ และโลกหมุนรอบแกนสมมุติแบบเอียงๆ ผ่านขั้วโลกเหนือและใต้
    สภาพนี้ เรียกว่า โลกอยู่ในจุด "สมดุล" ทางธรรมชาติ
    ทีนี้ ก็อย่างที่เห็นกันอยู่..........
    คือมนุษย์เรานี่แหละ เก่งเหนือมนุษย์-เหนือธรรมชาติทุกอย่าง 
    เหนือมนุษย์ด้วยกันพอว่า แต่ทีนี้ ไปข่มเหง-รังแก อยากเหนือธรรมชาติด้วย
    เหนือธรรมชาติจนเกิดภาวะเรือนกระจกบ้าง โลกร้อนบ้าง มลพิษภาวะเกินควบคุมบ้าง 
    ประเทศเล็กตาปริบๆ......
    ประเทศใหญ่ มหาอุบาทว์ชาติอุตสาหกรรมบอก "ช่างแม่งงง กูตีนใหญ่ ไม่สน"
    ดังนั้น เมื่อธรรมชาติถึงจุด "ขาดสมดุล"
    โลกจึงดิ้นรน.......
    โลกก็เหมือนมนุษย์ ไม่อยากตาย เมื่อไม่อยากตาย ก็ต้องดิ้นรน เราเรียกการดิ้นรนของโลกว่า
    การ "ปรับสมดุล" ทางธรรมชาติ!
    ตามหนังสือบอก ผมไม่ได้บอก น้ำเป็น ๓ ใน ๔ ส่วนของโลก 
    ธรรมชาติน้ำ หนักกว่าเนื้อ คือพวกวัตถุธาตุต่างๆ เช่น ดิน
    ปกติ ความเหลวของน้ำส่วนหนึ่ง ซ่อนอยู่ในรูปของแข็ง ในหิน ในดิน ในเหล็ก น้ำทั้งนั้น 
    ใครไม่เชื่อก็ไปสกัด ไปหลอมดูซี!?
    และโลกใบนี้ เป็นกัป เป็นกัลป์มาแล้ว ธรรมชาติให้อีกส่วนของน้ำ ดำรงในสภาพคงที่ ที่เรียก "น้ำแข็ง" แช่เย็นโลก
    ไม่ว่าบนยอดเขาสูงๆ อย่างหิมาลัย......
    หรือที่ราบ เช่นที่ ขั้วโลกเหนือ-ใต้ น้ำจะแข็งตัวอยู่ในสภาพ "แผ่นดิน" กว้างใหญ่
    ด้วยระนาบโคจรของโลกที่สัมพันธ์กับแกนหมุนแบบเอียงๆ มาตลอด โลกที่สมดุลในสภาพนั้น ก็เป็นไปตามฤดูกาล ดังเป็น
    แต่ศตวรรษที่ ๒๐ ย่างเข้า ๒๑ นี้.........
    มนุษย์เบื่อโลก เตรียมย้ายถิ่นพำนัก จะไปตั้งรกรากกันที่ "โลกพระจันทร์-โลกพระอังคาร" โน่น!
    จึงเล่นแร่-แปรธาตุ เผาผลาญ-รุกรานธรรมชาติ แข่งชนะแข่งไปจับจองโลกใหม่กัน 
    อย่าว่าแต่ให้คิดถึง "วันข้างหน้า" เลย........
    "ชาติหน้า" พวกผลาญโลก มันก็ยังไม่คิด เพราะผยองว่า 
    ย้ายไปอยู่โลกใหม่ เวรกรรม นรก-สวรรค์ ตามไปสร้างรองรับไม่ทันแน่!
    การบริโภคธรรมชาติด้วยความโลภจนเกินพอดีนั้น ทำให้เกิดภาวะ "โลกร้อน" และภาวะ "มนุษย์ทุรน"
    น้ำที่แข็งอยู่ในรูป "แผ่นดิน" มานานนับ 
    กำลังละลายคืนสู่ "สภาพน้ำ" เกินสภาพยับยั้ง อย่างเห็นตอนนี้ 
    สรุปแล้ว โลกใบนี้ ผืนน้ำมากกว่าผืนดิน 
    ตอนนี้ น้ำคืนสู่น้ำ......
    แถบขั้วโลก ทั้งเหนือ-ใต้ กำลังขยายเป็น "มหาสมุทรจรดมหาสมุทร"
    เวิ้งว้างเป็นน้ำทั้งผืนหล่อโลก!
    เทือกเขาหิมาลัยที่ขาวโพลนจรดฟ้าชั่วตาปีสีตาชาติ บัดนี้ ความร้อนก็ลนน้ำแข็งจนละลายกลายเป็นสารพัดธารแยกลงจมเมือง-จมมนุษย์
    เมื่อ ๓ ใน ๔ ส่วนของโลก "คือน้ำ" คืนสภาพ
    คิดดูละกัน..........
    "แกนโลก" จะต้องแบกน้ำหนักเพิ่มจากเดิมขนาดไหน?
    เหมือนเราหิ้วของ ๑ กิโล ก็พอสบายๆ แต่พอเพิ่มเป็น ๒ กิโล ก็ยังหิ้วได้
    แต่ต้องปรับ "สมดุลใหม่"..........
    คือจากที่สบายๆ เป็นต้องเกร็งแขน เกร็งเอว เพื่อให้ร่างกายกับน้ำหนักของ อยู่ในจุดสมดุลกัน
    "แกนโลก" ก็เช่นนั้น
    คติโบราณบอก ถ้าธรรมชาติเกิดวิปริต แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุใหญ่ น้ำท่วม
    นั่นมาจาก "ปลาอานนท์" ที่หนุนโลก มันเมื่อย แล้ว "พลิกตัว"
    แต่ตามโลกวิทยาการ บอก การที่โลกธาตุสะเทือนเลื่อนลั่น.......
    แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุถล่ม ฝนตก ไฟไหม้ น้ำท่วม ฤดูกาลแปรเปลี่ยน อะไรพวกนี้
    ทั้งหลายนั้น.........
    เป็นผลมาจาก "แกนโลกปรับสมดุล"
    พูดง่ายๆ คือการดีดตัวของแกนโลก ปรับสภาพ เพื่อรองรับน้ำหนักใหม่ จากธรรมชาติ ที่ "ไม่เหมือนเดิม"
    ก็จะเห็น ปี-สองปีนี้ ภาวะ "ธรรมชาติลงโทษมนุษย์" ไล่เรื่อยมาจากทางตะวันตก ยุโรป-สหรัฐฯ ก่อน 
    ทั้งหิมะถล่ม ทั้งความร้อนเผาตาย ทั้งไฟป่า ทั้งภูเขาไฟระเบิด ทั้งน้ำท่วม ทั้งแร่ธาตุใต้พิภพหลอมละลาย เป็นธรณีกรรแสง
    และทั้ง ทอร์นาโด พายุ ลม ฝน แปรปรวนถล่มทั้งปี
    จนถึงตะวันออก ย่านเอเชีย ทั้งจีน ทั้งอินเดีย ทั้งรัสเซีย ทั้งญี่ปุ่น เรื่อยมาถึงอาเซียน 
    ไม่มีประเทศไหน ที่ไม่ได้รับผลจาก "แกนโลกดีดตัว" เพื่อปรับสมดุลครั้งนี้?
    ไม่ใช่อาเพศ อาถรรพณ์ ใต้อิทธิพลมนต์-มายาใด ที่ไหนหรอก
    โลก เจริญสุด ด้วยมนุษย์วิทยาการ
    โลก วิบัติสุด ก็ด้วยมนุษย์วิทยาการนี่แหละ!
    ตราบใดที่ นิยาม "เจริญสุด" ของมนุษย์โลก อยู่ที่วัตถุ ตราบนั้น "วิบัติสุด" ของมนุษย์โลก ก็มาจากโลภวัตถุ
    ฉะนั้น มาถึงจุดนี้ วันนี้.......
    ไม่ต้องไปโทษใคร เราทุกคนนี่แหละ มีส่วนร่วมในการ สร้าง "วิบัติโลก"
    ปลงกันซะเถอะ 
    ส่วนใครจะก้มหน้าหรือเงยหน้า "รับสภาพ" วันนี้ ก็เชิญตามถนัด 
    ส่วนใครจะหนัก-จะเบา ขึ้นอยู่กับหนัก-เบาแห่งเวรกรรมที่แต่ละคนก่อ
    วันนี้ "ยากแก้ไข"
    แต่วันหน้า แก้ไขได้ ด้วย "สำนึก" โดยเปลี่ยนโลภวัตถุ เป็นโลกธรรม!
    ขอเตือนนะ.......
    อย่าให้คนไทยต้องสอบโทเฟล ทำวีซ่า เพื่อเดินทางไปเรียนวิปัสสนากรรมฐานในประเทศตะวันตกเลย ขอบอก
    ตอนนี้ ชาติตะวันตก เขาเริ่มตื่นแล้ว 
    ในขณะที่เรา เริ่มจะหลับ 
    "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่พ่อเราสอนไว้นั่นน่ะ เป็นโลกธรรม ด้วยวิปัสสนากรรมฐานทางอาชีวปฏิบัติ 
    เข้าถึงได้ ใช้ได้ และได้ผลจริง ในวิถีชีวิตประจำวัน 
    เป็นบาท-เป็นฐาน "ต่อยอด"........
    สู่ความเป็นคนไทย "รวยอย่างมีเหตุผล" ไม่ใช่โกงแบ่งกันรวย ไม่ใช่กู้แล้วโกงรวย ซึ่งแบบนั้น ไม่ใช่วิถีไทย
    "นรก" น่ะ พูดกันตรงๆ
    ไม่ได้มีไว้สำหรับคนไทย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ เป็นคนใจบุญ มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์
    เห็นใครลำบาก ตกทุกข์ ได้ยาก คนไทยต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ โดยไม่เกี่ยงงอนใดๆ
    ข้อนี้ เป็น "จุดดี-จุดเด่น" รับรู้กันทั้งโลก และด้วยความเป็นคนดีของโลก ของคนไทย 
    ดี+ดี มากๆ ดังที่เห็น.....
    เป็นอานิสงส์ประเสริฐหนุนให้บ้านเมืองไทยเราตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ 
    ใครคิดร้ายต่อบ้านเมืองไทย ลงท้าย ฉิบหายวายวอดสถานเดียว ทุกราย
    ใครคิดดี-ทำดีต่อบ้านเมือง คราอับจน ก็ไม่จม มีกุศลคนหนุน คราร่ำรวย ก็จะยิ่งรวย-ยิ่งเจริญ
    ก็อยากบอกว่า........
    โลกธาตุภาวะ "แกนโลกดีดตัว" นี้ ยังไม่จบ ฉะนั้น อย่าใช้ชีวิตประมาท เงาแผ่นดินไทยคุ้มครองคนไทยได้
    อย่าไปไหนกันไกลบ้าน-ไกลเมืองให้มากนักก็แล้วกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"