ดาวอังคารกับดวงเมือง


เพิ่มเพื่อน    

        ต้องเรียกว่า...อ่วมอรทัยกันไปเป็นแถบๆ ไม่ว่าลาว กัมพูชา พม่า หรือไทย ที่ต้องตกน้ำป๋อมแป๋ม มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ เจอกับน้ำท่วม โคลนถล่ม จนแทบไม่รู้จะเรียกหาใครไปช่วยใคร แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าลองมีใจคิดจะช่วยกันซะอย่าง ไม่ว่าบ้านไหน เมืองไหน จังหวัดไหน พื้นที่ไหน คงต้องหาทางช่วยๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                 ---------------------------------------------------

        นอกจากเรื่องน้ำท่วมที่เล่นเอาปั่นป่วนไปทั้งภูมิภาคแล้ว...เห็นว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดาวอังคารที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ ท่านได้หมุนวนโคจร เหวี่ยงตัวมาใกล้โลกอย่างเป็นพิเศษ คือใกล้ประมาณ 57.6 ล้านกิโลเมตร จนน่าจะมองเห็นได้ชัดเจนด้วยสายตา และคงเป็นที่สนใจต่อบรรดานักดาราศาสตร์ ที่จะศึกษา หาความรู้ กันได้ถนัดๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ...งานนี้ คงหนีไม่พ้นไปจากมือ-ตีน และปาก ของบรรดานักโหราศาสตร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะในบ้านเรา ที่เริ่มขยับๆ ออกมาทำนายทายทัก ปรากฏการณ์ในลักษณะที่ว่ากันไปคนละทาง-สองทาง...

                                  ---------------------------------------------------

        คือด้วยเหตุเพราะ ดาวอังคาร ท่านถูกถือเป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ ของอะไรต่อมิอะไรที่ออกไปทางการทหาร การสงครามการเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กับโลกอย่างเป็นพิเศษ จึงทำให้การหยิบเอาเรื่อง ทหาร มาพูดคุย ทำนาย ทายทัก กันในช่วงนี้ จึงถือเป็นการ เข้าทาง หรือ เข้าตีน บรรดาโหรทั้งหลาย อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ส่วนจะเป็นไปในแง่บวก หรือลบ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า โหรรายนั้นเป็นใคร? และออกไปในแนวไหน? ถ้าลองเป็นประเภทที่ชอบตั้งคำถามว่า มีทหารเอาไว้ทำอะไร อันนั้นแทบไม่ต้องผูกดวง ไม่ต้องวัดเรเดียน วัดองศา ลิปดา พิลิปดา เอาเลยก็ได้ เพราะยังไงๆ...ต้องออกมาในแง่ลบ อยู่แล้วแน่ๆ...

                                  ---------------------------------------------------

        แต่การพูดถึงบทบาทของ ทหาร ในช่วงนี้...อันที่จริงก็น่าจะพอเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม บ้านเมือง ประเทศชาติอยู่บ้างตามสมควร โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองกำลังใกล้สิ้นสุด โรดแมป และอาจจะต้อง โรดหมับ กันต่อไปอย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือในระยะผ่าน ระยะต่อ ระยะเคียง ทำนองนี้นี่แหละ การวางตัว วางบทบาทของทหาร ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับฉากสถานการณ์ที่กำลังเป็นไป ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้ใกล้เกินไป และไม่ให้ไกลเกินไป กับความชุลมุนวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ต้องอุบัติขึ้นมาอยู่แล้วแน่ๆ จะหาจุดที่พอเหมาะ พอดี ที่ลงตัว กันในแบบไหน? แนวไหน?...

                                  -------------------------------------------------------

        ซึ่งถ้าดูจากแนวโน้มการโยกย้าย ปรับทัพ ปรับกระบวน ของบรรดาทวยทหารเท่าที่ผ่านมา และเท่าที่กำลังเป็นไปอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะ ลงตัว ภายในหมู่ทหารด้วยกันเอง อย่างไม่พึงต้องสงสัย แค่เปิดโผแง้มรายชื่อผู้ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. คนใหม่ ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาตั้งคำถามใดๆ อีกต่อไป คือน่าจะ เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียน จปร. อย่างมิอาจปฏิเสธนั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ...การ ลงตัว ภายในหมู่ทหารด้วยกันเอง มันคงยังไม่ถึงกับเป็นอะไรที่ถือเป็นหลักประกัน ความมั่นคง ปลอดภัย ไปได้แบบถ้วนทั่วไปด้วยกันทั้งหมด โดยเฉพาะสำหรับโลกยุคใหม่ สังคมยุคใหม่ ที่มันมีความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ มากไปกว่าโลกยุคเดิม สังคมยุคเดิม ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...

                                  ------------------------------------------------------

        นอกเหนือไปจากความลงตัวในหมู่ทหารด้วยกันเอง การหาทางให้เกิดความลงตัวระหว่าง ทหาร กับ สังคมยุคใหม่ อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ เป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างหลักประกัน ความมั่นคง ปลอดภัย ในระดับทั่วทั้งสังคม ได้แบบยั่งยืน ถาวร แบบจริงๆ จังๆ และการกำหนดระยะห่าง ระยะเคียง ระหว่าง ทหาร กับ การเมือง นั่นแหละ ถือเป็นโจทย์เริ่มแรก ที่จะต้องทำให้สายใยยึดโยงระหว่างฝ่ายทั้ง 2 มันไม่ใกล้จนเกินไป และไกลจนเกินไป ไม่ถึงกับต้อง ถลำตัว เข้าไปติด บ่วงทางการเมือง จนแก้ยังไงก็แก้ไม่ออก ชนิด ทหารการเมือง พังเมื่อไหร่ กองทัพพลอยยู่ยี่ ยับเยิน ตามไปด้วย แต่ก็ไม่น่าจะไกลกันจนผู้คนต้องกู่ก้อง ร้องตะโกน กลายมาเป็นสำบัด สำนวน ประเภท หลับเถิดทหารกล้า...ปวงประชาจะปกป้องคุ้มครองท่านเอง อะไรประมาณนั้น...

                               ---------------------------------------------------------

        พูดง่ายๆ ว่า...สายใยความสัมพันธ์ระหว่าง ทหารยุคใหม่ กับ สังคมยุคใหม่ มันคงต้องไปด้วยกันอย่างชนิดแทบไม่มีช่องว่างนั่นแหละ มันถึงจะพอก่อให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัย แบบยั่งยืน ถาวร ขึ้นมาได้จริงๆ อะไรที่มันออกไปทาง ย้อนยุค กลับไปสู่ช่วงจูราสสิคพาร์ค กลับไปสู่ยุค ซักกางเกงในให้คุณนาย อะไรทำนองนั้น คงต้องหาทางขจัดกวาดล้างให้หมดๆ ไปซะโดยไว ให้เกิด ทหารไอที ที่สามารถแจมเข้ากับ พลเมืองไอที ในโลกเสมือนจริง และโลกแห่งความจริง ได้แบบลื่นไหล เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จน จิตอาสา กับ จิตวิญญาณแห่งความเป็นทหาร กลายเป็นจิตดวงเดียวกัน อย่างมิอาจแยกออกจากกันได้ อันนั้นนั้นแหละ...ถึงแม้ ดาวอังคาร จะหมุนโคจรมาใกล้โลกกันในระดับไหน แบบไหน ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปด้วยดี หรือเป็นไปในทางที่ดี ไม่ต้องตกเป็น เหยื่อโหร กันในวันนี้ หรือในวันข้างหน้า...

                                 ---------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Helmuth Von Moltke... “The Army is the most outstanding institution in every country, for it alone makes possible the existence of all civic institutions.- กองทัพเป็นสถาบันสำคัญยิ่งในทุกๆ ประเทศ ด้วยเหตุเพราะโดยตัวของมันเองเพียงลำพัง ก็สามารถทำให้สถาบันพลเรือนทั้งหลายตั้งมั่นขึ้นมาได้...”

                                 ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"