เปิดเวทีแก้ปัญหาร้านเหล้าปทุมธานีรอบสถานศึกษา ที่สุด...ขอบังคับใช้คำสั่งคสช.


เพิ่มเพื่อน    

เปิดเวทีแก้ปัญหาร้านเหล้าปทุมธานีรอบสถานศึกษา ที่สุด...ขอบังคับใช้คำสั่งคสช.

                “จังหวัดปทุมธานี” กลายเป็นแหล่งที่มีสถานบันเทิง ร้านเหล้า ผับ บาร์ รอบสถานศึกษามากติดอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ไปแล้ว ซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นแหล่งอบายมุขที่ทำลายอนาคตเยาวชน และสร้างปัญหาในสังคมตามมาอย่างแน่นอน ทำให้ล่าสุด กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดปทุมธานี กรมการปกครอง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา และเครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า จัดเวทีเพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สถานบันเทิง ผับ บาร์ ภายใต้หัวข้อ “ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา รายใหม่ไม่เพิ่มร้านเดิมทำตามกฎหมาย...เราทำได้” เพื่อให้เข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา หรือโซนนิง รวมถึง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

                โดยงานนี้ได้เชิญผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นิสิตและนักศึกษา เข้าร่วมแลกเปลี่ยน งานดังกล่าวจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 

                เริ่มต้นที่นายอภิชาต จารุศิริ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สะท้อนผ่านเวทีครั้งนี้ว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่ง สคช.ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการลักษณะคล้ายสถานบริการนั้น ที่ผ่านมายังพบปัญหาคือ เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายขาดความรู้ ความเข้าใจ กฎหมายตามคำสั่ง คสช. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เวทีครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ ป้องกันการทำผิด รวมถึงจัดระเบียบสังคม ควบคุมสถานประกอบการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็ก เยาวชน ไม่ให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ตลอดจนแก้ปัญหาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่ใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพัก

                ด้านนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อกฎหมายว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ทราบกฎหมายดี แต่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำตาม เวลาเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ผู้กระทำผิดมักอ้างว่าไม่ทราบกฎหมาย ปฏิเสธว่าไม่ได้ขาย แต่ลูกค้าหิ้วมาเอง หรือหาว่าเจ้าหน้าที่ไม่บอกกล่าวก่อน ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานศึกษาในพื้นที่ปทุมธานีท้าทายคำสั่ง คสช. ถูกดำเนินคดีมากถึง 12 ครั้ง และขายโดยที่ไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากเวลาถูกจับสั่งปิดก็กลับมาเปิดใหม่ ให้ลูกจ้างหรือนอมินีเปลี่ยนหน้าเพื่อรับผิดแทน และจากข้อมูลของผู้ประกอบการระบุชัดเจนว่า ร้านเหล้าอยู่ได้เพราะมีกลุ่มลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งยังพบข้อมูล เช่น รอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจก่อนแล้วปล่อยเยาวชนเข้าหลัง 23.00 น. ขายเกินเวลา จ้าง รปภ.ดูต้นทาง มีห้องลับด้านล่างทำเป็นผับ บาร์ บางรายเปิดร้านนมบังหน้า 

                “ตอนนี้ร้านเหล้ารอบสถานศึกษาบางส่วนปิดไปบ้างแล้ว จะเหลือแต่ผู้ประกอบการรายเก่าที่มีใบอนุญาตขาย ดังนั้นหากสรรพสามิตงดต่อใบอนุญาตจะทำให้รอบสถานศึกษาปลอดร้านเหล้าได้จริง เช่น ร้านเดิมทำตามกฎหมายให้ขายจนกว่าจะคืนทุนหรือในระยะเวลา 2 ปี ขณะเดียวกันต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย คุมเข้มกฎหมาย เอาจริงเอาจัง ทำผิดต้องลงโทษให้เข็ดหลาบ ส่วนผู้ประกอบการต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก เยาวชน ขอให้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา” นายรณรงค์กล่าว  

                พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี มองว่า ในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานีมีมหาวิทยาลัยมากที่สุดถึง 13 แห่ง จึงทำให้มีร้านจำหน่ายแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัยจำนวนมาก สำหรับบทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย ได้ยึดแนวทางตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติม 46/2559 ควบคู่กับ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 ในภาคสังคมเราได้ร่วมกับผู้แทนจากทุกมหาวิทยาลัยในจังหวัดปทุมธานี เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการในเขตรอบรั้วมหาวิทยาลัย หรือเขตโซนนิง ซึ่งจากการลงพื้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการเข้าใจในข้อกฎหมายและปฏิบัติตามในระดับหนึ่ง แต่ภายหลังจากที่ความถี่ในการลงพื้นที่น้อยลง ทางเราได้ตรวจพบผู้ประกอบการรายใหม่หลายรายที่ฝ่าฝืนกฎหมายขายเหล้าในเขตโซนนิง หลังเข้าจับกุมให้ข้อมูลว่าเซ้งร้านมาจากผู้ประกอบการเก่า จึงไม่แน่ใจว่าผู้ประกอบการใหม่ทราบหรือไม่ว่ากำลังทำผิดกฎหมาย

                “อุปสรรคในการจับกุมผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพอมีอยู่บ้าง เช่น กรณีตรวจพบลูกค้านั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านค้าเขตโซนนิง เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุม ผู้ประกอบการกลับปฏิเสธว่าลูกค้าซื้อมาจากที่อื่นและนำเข้ามาดื่มในร้านเอง โดยยื่นบิลแสดงเป็นหลักฐาน เหตุการณ์ดังกล่าวผู้ประกอบการต้องการเลี่ยงกฎหมาย แต่แม้ผู้ประกอบการไม่ได้เป็นผู้จำหน่าย แต่ยินยอมให้ลูกค้านำเข้ามาดื่มในร้าน ต้องรับโทษตามกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ เข้มงวดกวดขัน มุ่งหวังให้ปทุมธานีเป็นเขตโซนนิงโมเดลนั้นคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าว

                รศ.ดร.สุจิระ ขอจิตต์เมตต์ รองอธิบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในฐานะตัวแทนสถาบันการศึกษาในเขตจังหวัดปทุมธานี สะท้อนว่า สถานศึกษาในเขตจังหวัดปทุมธานีได้ร่วมบูรณาการกับกรมพินิจฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรอบรั้วมหาวิทยาลัย หรือเขตโซนนิง เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐตามคำสั่ง คสช.และตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง

                ทั้งนี้ เหตุที่ทางสถาบันการศึกษาได้เข้ามามีบทบาท เนื่องจากก่อนมีคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัยได้เปิดอย่างเสรี ทำให้เยาวชนเข้าถึงง่าย จนเกิดผลกระทบตามมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ พบนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น และพบคดีถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบล้วนเป็นเยาวชนเสียส่วนใหญ่

                “ผมในฐานะอาจารย์ไม่อยากเห็นลูกศิษย์ต้องมาจบชีวิตเพราะเมาเหล้าไม่ได้สติอีก ดังนั้นผมจึงอยากให้นักศึกษานำบทเรียนที่ผ่านมาใช้เป็นกรณีศึกษาตัวอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดการก้าวพลาดซ้ำ” รศ.สุจิระกล่าว

                ขณะที่ทางฝั่งของผู้ประกอบการอย่าง “จักรกริช สิริวัฒนาศาสตร์” อายุ 31 ปี ผู้ประกอบการร้านเหล้า มองว่า ชอบบรรยากาศของงานวันนี้ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมรับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งในแง่ของกฎหมาย ยอมรับว่าภายหลังจากที่หัวหน้า คสช.ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 โดยมีมาตรการบังคับในข้อ 6 ห้ามมิให้มีสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา หรือหอพักบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษานั้น ทำให้ตัวเองและผู้ประกอบการรายอื่นได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากที่เคยขายดี กลับมีรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการในละแวกใกล้เคียงหลายร้านทนไม่ไหวจนถึงขั้นปิดร้านก็มี 

                นายจักรกริชกล่าวด้วยว่า ในมุมมองส่วนตัว คิดว่าการจัดระเบียบโซนนิงลดปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะถึงมีการจัดระเบียบนักดื่มหน้าเก่า ต้องออกไปแสวงหาร้านใหม่เช่นเดิม จึงไม่แน่ใจว่าการมีโซนนิงเป็นการผลักดันให้เยาวชนออกไปดื่มไกลกว่าเดิมและเสี่ยงกว่าเดิมหรือไม่ และจากประสบการณ์ที่ทำร้านอาหารมากว่า 10 ปี พบปัญหาที่เกิดจากการดื่มสุราของนักศึกษาคือการทะเลาะวิวาทมากกว่าเมาแล้วขับ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องออกมาทบทวนว่ามาตรการดังกล่าวแก้ปัญหาตรงจุดแล้วหรือไม่ 

                ที่สุดแล้วการร่วมไม้ร่วมมือกันจากทุกฝ่ายจะเป็นแรงหนุนสำคัญ ทำให้ร้านเหล้ารอบสถานศึกษาหายไปในที่สุด.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"