'เทือก'ชู'หม่อมเต่า' แบะท่าร่วม'ปชป.-พปชร.' 'จตุพร'เตือนวิกฤติศรัทธา


เพิ่มเพื่อน    

     "จตุพร" ทำใจ ประตูสภาปิด ต้องพ้นโทษครบ 10 ปีถึงจะลงเลือกตั้งได้ ชี้ปัญหาบ้านเมืองคือวิกฤติศรัทธา เตือนจะเป็นเหตุนำไปสู่การยึดอำนาจล้มกระดานอีก "วัชระ" เหน็บช้ำหมดแล้วควรลาออกจาก ปธ.นปช. ให้ "ณัฐวุฒิ" เป็นแทน รปช.เชิด "หม่อมเต่า" นั่งหัวหน้าพรรค มั่นใจได้เป็นรัฐบาลพร้อมจับมือพลังประชารัฐ-ปชป. "เรืองไกร" ยื่นสถานทูตอังกฤษแก้ต่าง "ปู" เป็นคดีการเมือง ปชป.โต้อย่าบิดเบือน ย้ำเป็นคดีทุจริต
     เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมอภิวันท์ วิริยะชัย ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงจุดยืนกลุ่ม นปช. ต่อหน้ามวลชนเสื้อแดงกว่า 500 คน พร้อมถ่ายทอดสดผ่านรายการลมหายใจพีซทีวี สถานีโทรทัศน์พีซ และช่องทางต่างๆ ทางโซเชียลมีเดียว่า สภาพการณ์ขณะนี้เลวร้ายกว่าก่อนร่างรัฐธรรมนูญ 40 เพื่อปฏิรูปการเมือง ความน่ากลัวจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะดูดกันไปเท่าใด หรือการเลือกตั้ง แต่คือวิกฤติศรัทธา จะเป็นเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกมาจัดการกับฝ่ายการเมืองได้ 
    "ถ้าเรียกแบบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คือวงจรอุบาทว์ มีเลือกตั้ง ยึดอำนาจ มีประชาชนออกมาต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตาย ไม่ว่าใครจะขึ้นมามีอำนาจ ดังนั้นสิ่งที่พี่น้องมอบความหวังไว้กับ นปช. ขอให้สบายใจว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จะช่วยสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในชาติ ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา เราผ่านความตายนับไม่ถ้วน ซึ่งเราไม่มีวันลืมแน่" นายจตุพรกล่าว 
    จากนั้นนายจตุพรได้ร้องเพลงหัวใจผูกพัน เพลงชีวิตและอิสรภาพ ขับกล่อมมวลชน 
    นายจตุพรให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ เนื่องจากเคยถูกจำคุก ซึ่งตามกฎหมายจะต้องพ้นโทษครบ 10 ปีก่อน ดังนั้น ประตูสภาคงปิดสำหรับตน และเชื่อว่ากรอบเวลาการเลือกตั้งในขณะนี้ยังไม่ชัดเจน แต่หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ฝ่ายการเมืองต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกหยิบยกเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นสาเหตุนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะสิ่งที่ทำในวันนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาทำให้ล้มกระดานได้ตลอดเวลา จากนี้จะไม่จัดรายการผ่านสถานีโทรทัศน์พีซทีวีอีก แต่จะใช้สื่อสารผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์แทน ใช้วิธีอธิบายเรื่องต่างๆ แบบที่ลดโทนลงด้วย
     ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่นายจตุพรพ้นโทษจำคุก จากคำสัมภาษณ์ล่าสุดทำให้เห็นว่าเขายังต้องทำหน้าที่ประธาน นปช. และพูดการเมืองต่อไป แต่นายจตุพรต้องพึงระวัง อย่าให้ผิดกฎหมาย หรือเงื่อนไขการให้ประกันตัวในคดีก่อการร้ายและคดีอื่นๆ รวมถึงอย่าเอาทิฐิส่วนตัวมาอ้างว่าเป็นความต้องการของชาติ ขอให้ยึดธรรมะและกฎหมายเป็นที่ตั้ง รวมถึงไม่กลายเป็นปัญหาของประเทศชาติ นายจตุพรผ่านศึกหนัก ช้ำไปหมดแล้ว  ควรออกจากประธานกลุ่ม นปช.มาพักผ่อนกับครอบครัวต่างๆ และให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. รับตำแหน่งแทน เพราะนายณัฐวุฒิมีแววที่จะเป็นประธานกลุ่ม นปช.ได้ทันที ให้เหมือนกับการที่นายณัฐวุฒิบอกกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ขออาสาเป็นรัฐมนตรีแทนนายจตุพร อย่าให้นายจตุพรต้องรับบทหนักและชอกช้ำไปมากกว่านี้เลย
"หม่อมเต่า"นั่งหน.รปช.
    ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) มีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค โดย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ในฐานะประธานในที่ประชุม โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรค กล่าวว่า เราต้องการเห็นการปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน และเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าพร้อมกับการปฏิรูปประเทศ ยืนยันว่าทุกเขตเลือกตั้งของพรรค จะต้องมาจากการทำไพรมารีโหวต ประชาชนเป็นคนกำหนดตัวผู้สมัครของพรรค ทั้งนี้ ตนจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ทั้งระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ แต่จะขึ้นเวทีปราศรัยช่วยพรรคทั่วประเทศ
     "เชื่อมั่นว่าพรรคเราจะได้เป็นรัฐบาล ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่หมอดู แต่ด้วยความที่อยู่ในการเมืองมานาน และพรรคเราเป็นพรรคของประชาชนแท้จริง ใครๆ ก็อยากคบด้วย และภายหลังการเลือกตั้ง ไม่มีรัฐบาลพรรคเดียวแน่นอน แต่จะเป็นรัฐบาลผสม ถึงเวลานั้นก็รอรับขันหมากได้เลย ผมจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล ผมจะสนับสนุนนักการเมืองรุ่นใหม่ให้ขึ้นมาทำหน้าที่  โดยผมจะทำหน้าที่เป็นโค้ชและพี่เลี้ยง และนำประสบการณ์ของผมกว่า 40 ปีไปช่วยงานต่อไป" นายสุเทพกล่าว 
    ต่อมาที่ประชุมได้เข้าสู่กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคจำนวน 7 ตำแหน่ง โดยมีมติดังนี้ 1.ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าพรรค ด้วยคะแนนเสียง 331 คะแนน ทั้งนี้ ได้มีผู้ร่วมจัดตั้งพรรคเสนอชื่อนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นแคนดิเดตในตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่นายเอนกประกาศขอถอนตัว โดยระบุว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล มีความเหมาะสมมากกว่า 
    2.นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง อดีตอัยการ เป็นเลขาธิการพรรค 328 คะแนน 3.น.ส.จุฑาทัตต เหล่าธรรมทัศน์ เหรัญญิกพรรค 326 คะแนน 4.ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสถาบันอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต นายทะเบียนพรรค  315 คะแนน 5.พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ กรรมการบริหารพรรค 327 คะแนน 6.นายวีระชัย คล้ายทอง อดีตอัยการ กรรมการบริหารพรรค 326 คะแนน และ 7.นางสุเนตตา แซ่โก๊ะ กรรมการบริหารพรรค 324 คะแนน
    นายสุเทพกล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้จะทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งแรก จากนั้นจะมีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดถาวร โดยส่วนตัวอยากให้มีสมาชิกพรรคประมาณ 5-6 แสนคน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค
    ม.ร.ว.จัตุมงคลแถลงภายหลังการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคว่า จะขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทุกคนเพื่อจัดตั้งสมัชชาเพื่อให้ประชาชนเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดถาวรต่อไป ส่วนตัวเมื่อได้รับทาบทามให้มาทำงานกับพรรคนี้ ก็ตอบรับในทันที เพราะต้องการแก้ปัญหาประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่ามีโอกาสที่จะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบระบบเลือกตั้งเพื่อทำให้รัฐบาลมีหลายพรรคการเมือง ส่วนการสนับสนุนให้บุคคลใด หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ นั้น ยังไม่มีประโยชน์ที่จะคิดยาวขนาดนั้น เพราะยังไกลเกินไป เชื่อว่านายกฯ น่าจะมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ส่วนจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือไม่นั้น ยังมีเวลาคิด แต่ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์จะลงมาสมัครหรือไม่ ส่วนหากพรรคพลังประชารัฐได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาล คิดว่าเราก็น่าจะมีโอกาสได้ร่วมงาน
บิดเบือนคดีปูเป็นการเมือง
    เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจะมีโอกาสร่วมงานกันหรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า ถึงตอนนั้นจะยังมีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนตัวได้เรียนหนังสือกับพรรคเพื่อไทยหลายคน โดยทราบว่าหลายคนคิดจะแยกตัวไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ถ้าเป็นกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าน่าจะง่ายกว่า เพราะนายสุเทพออกมาจากพรรคก็ไม่ได้โกรธกัน และลูกของตนก็ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่เห็นก็ไม่มีอะไรขัดกัน 
    นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อแสดงหลักฐานเพิ่มเติมที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันจะนำไปสู่การพิจารณาได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกดำเนินคดีที่เข้าข่ายความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง ทั้งนี้ ที่พูดถึงสนธิสัญญานั้น ความจริงคือ สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ค.ศ.1911 หาใช่สนธิสัญญาแต่อย่างใด โดยสัญญาดังกล่าวข้อ 2 วรรคหนึ่ง ระบุความผิดซึ่งอาจจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ โดยมีเพียงโทษ 31 รายการเท่านั้น ซึ่งไม่มีการระบุถึงโทษคดีทางการเมืองไว้แต่อย่างใด โดยจะไปยื่นที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ในวันที่ 6 ส.ค. เวลา 10.30 น.
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า รู้สึกเหนื่อยใจกับคนพรรคเพื่อไทยที่พยายามบิดเบือนเกี่ยวกับคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าถูกดำเนินคดีเพราะถูกยึดอำนาจถูกพิพากษาให้จำคุก เพราะการดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือคนจนทั้งที่ความจริงถูกพรรค ปชป.ตรวจสอบในระบบรัฐสภาร้องต่อ ป.ป.ช. ผ่านอัยการสูงสุด และจบลงที่ศาลฎีกาฯ แม้แต่ศาลท่านก็ยังพูดเลยว่าศาลไม่ก้าวล่วงตัวนโยบาย แต่ปัญหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คือเรื่องการทุจริตปล่อยให้มีการโกง สุดท้ายกลับไม่กล้าฟังคำตัดสิน หนีไปต่างประเทศ พวกที่หนีอย่างนี้หรือคือนักประชาธิปไตย คนที่หลอกลูกน้องให้มาติดคุก แต่ตนเองกลับหนี ไม่มีใครเขาเห็นใจ คนที่น่าเห็นใจน่าจะเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ มากกว่า นอกจากถูกหลอกแล้ว ยังมีเรื่อง "กูพูดไม่ได้" อีกส่วนเรื่องการรัฐประหารที่เกิด ถ้ารัฐบาลที่ผ่านมารู้จักทำเพื่อประชาชน ไม่เหิมเกริมในอำนาจ เคารพกระบวนการกฎหมาย ไม่ก้มหน้าก้มตาโกง เทิดทูนสถาบัน จะไม่มีใครทำอะไรได้เลย อย่าเอาแต่โทษคนอื่น 
    นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า คดีนี้แม้ไม่มีการปฏิวัติ คดีนี้ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติของกระบวนการยุติธรรม การปฏิวัติไม่ได้มีผลกระทบต่ออำนาจตุลาการ และคณะตุลาการไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อคดีนี้โดยเฉพาะศาลฎีกาฯ นี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 เป็นผู้พิพากษาอาชีพ ที่บางฝ่ายอ้างว่าเป็นคดีการเมือง ต้องชี้แจงว่าไม่จริง เป็นคดีอาญาปกติ คือคดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้งทางการเมือง รัฐบาลต้องกล้าอธิบายความจริงว่าคดีนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร และควรชี้แจงรัฐบาลประเทศอังกฤษ ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงของคดีนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมมาก
คสช.ใช้สมองส่วนไหนคิด
    นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวถึงกรณี บก.ปอท.ออกหมายเรียกนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่ถูก คสช.กล่าวหาจากการพูดในงานเสวนา ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนฯ ว่า ค่อนข้างประหลาดใจที่นายพิชัยถูกหมายเรียกอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นการกระทำและสั่งการแบบไร้สมองคิด การจัดงานเสวนา แก้ปัญหาคอร์รัปชัน ชาตินี้หรือชาติหน้า เป็นหัวข้อเดียวที่ใช้มาตลอดเกือบ 2 ปี รวม 38 ครั้ง ประชาชนต่างชื่นชอบและชื่นชมที่ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงและรายงานการตรวจสอบการทุจริต เป็นการให้ความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นหลัก ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง เพื่อให้ตระหนักว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กองทัพใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล 
    "การเสวนาตรวจสอบเพื่อสกัดการคอร์รัปชันจึงเป็นผลดีต่อรัฐบาลเองด้วย และก็เพื่อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ จึงไม่ทราบว่าคนสั่งการดังกล่าวใช้สมองส่วนไหนคิด หากยังมีการดำเนินคดีกับวิทยากรดังกล่าว เราต้องดำเนินการด้วยมาตรการที่เหมาะต่อไป จึงขอฝากไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้กรุณาสั่งการให้แก้ไขยกเลิกการฟ้องร้องทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก" นายอดุลย์กล่าว
    เมื่อเวลา 07.42 น. ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 131 ปี ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวแทนศิษย์เก่านักเรียน จปร. วางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เสร็จ สื่อมวลชนได้สอบถามว่า อารมณ์ดีรึยัง และขอให้ร่าเริงแจ่มใส ยิ้มหน่อย จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยิ้มกลับ ก่อนจะหันมาทักทายนายทหารที่มารอส่งและพูดกับสื่อมวลชนว่า “สวัสดีทุกคน ไม่มีอะไร ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ และการแต่งตั้งเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีไม่ใช่สื่อมวลชน” ต่อมาได้ขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับ กทม.ทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"