สะพัดเสียงแตก ชิง'รองปธ.ฎีกา' เชื่อไม่เอกฉันท์!


เพิ่มเพื่อน    

     เผยพฤติการณ์ผู้พิพากษาระดับสูงเข้าชิงเก้าอี้ “รองประธานศาลฎีกา” ลุ้น ก.ต.โหวต 6 ส.ค. จะให้ขึ้นตำแหน่งใหญ่หรือไม่ หลังถูกร้องเรียนจนที่ประชุม  อนุ ก.ต.เสียงแตก โหวตไม่เอกฉันท์
     ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่มีการร้องเรียนผู้พิพากษาระดับสูงในศาลฎีกา ที่จ่อคิวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองประธานศาลฎีกาเพิ่มขึ้นอีก ในการพิจารณาการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 13/2561 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ส.ค. 
    มีรายงานว่า มีกลุ่มผู้พิพากษาศาลชั้นต้นเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับมติอนุ ก.ต.ศาลยุติธรรม 13:6 เสียงที่เห็นควรให้เลื่อนตำแหน่งผู้พิพากษาผู้ใหญ่ที่มีปัญหาให้สูงขึ้น โดยมีการส่งไลน์กันในหมู่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์ของผู้พิพากษาระดับสูง อันมีใจความดังนี้ 
    “เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สอบถามมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา มีข้อเท็จจริงอย่างไร ขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริงให้ทุกท่านนะคะว่า ในคดียักยอกคดีหนึ่ง ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ ซึ่งเพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งเมื่อ 1 เมษายน 61 ได้รับการจ่ายสำนวนต่อจากเจ้าของสำนวนเดิม เป็นคดีข้อพิพาทภายในครอบครัวของเจ้าของธุรกิจกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องเอง โจทก์และจำเลยต่างเป็นพี่น้องกัน คู่ความฝ่ายโจทก์มีท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ในศาลฎีกา เป็นสามีของพี่โจทก์ นอกจากคดีที่ศาลจังหวัดชลบุรีแล้ว ยังมีคดีอื่นในศาลนี้ และคดีอื่นในศาลแห่งอื่นอีกรวม 22 คดี 
    ในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน นัดสืบพยานในคดีส่วนใหญ่ซึ่งรวมทั้งคดีที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ร่วมไปนั่งฟังการพิจารณาทุกครั้ง โดยจะนั่งบริเวณที่นั่งของคู่ความฝ่ายตนในห้องพิจารณาคดี สำหรับคดีนี้ ท่านนั่งอยู่บริเวณที่นั่งคู่ความฝ่ายโจทก์ ในการซักถามพยานฝ่ายโจทก์ท่านจะเป็นผู้ให้คำแนะนำถึงคำถามแก่ทนายความฝ่ายตนโดยตลอด ในวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งมีตัวจำเลยมาศาล ระหว่างทนายโจทก์ถามค้านพยานปากตัวจำเลย ท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนบอกคู่ความว่าประเด็นคำถามที่ถามนั้นไม่เกี่ยวกับประเด็นในคดี เพราะเป็นการถามถึงความประพฤติของบิดาจำเลยในขณะมีชีวิตอยู่ ไม่เกี่ยวกับประเด็น  ท่านอาจารย์ผู้พิพากษาผู้ใหญ่ได้ลุกขึ้นโต้แย้งในห้องพิจารณาคดีว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าไม่เกี่ยว ผมว่ามันเกี่ยว ท่านมีหน้าที่จดคำตอบจากพยาน หากท่านไม่จดผมจะตั้งกรรมการสอบท่าน” พร้อมทั้งชี้หน้าต่อว่าผู้พิพากษา และกล่าวอ้างว่าตนเป็น ก.ต. เคยสอบคดีวินัย เนื่องจากศาลใช้ดุลพินิจไม่ชอบมาเเล้ว
    ท่านเจ้าของสำนวนได้จดถ้อยคำพยานไปตามที่ท่านต้องการ หลังจากนั้นได้รายงานพฤติกรรมของท่านผู้พิพากษาผู้ใหญ่ไปยังภาค เพื่อขอให้อธิบดีผู้พิพากษา หรือรองอธิบดีฯ ไปร่วมนั่งพิจารณาคดี เนื่องจากมีผู้พิพากษาผู้ใหญ่มาคุมการพิจารณาคดีให้คู่ความฝ่ายตนในห้องพิจารณาคดีโดยตลอด ในขณะเดียวกันคู่ความฝ่ายจำเลยที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีอยู่ด้วยก็ร้องเรียนความประพฤติของท่านอาจารย์ผู้พิพากษาผู้ใหญ่ท่านนั้นไปยัง ก.ต. จนที่ประชุม ก.ต.มีมติให้พิจารณาความเหมาะสมของท่านให้การดำรงตำแหน่งสำคัญ หลังจากนั้นท่านผู้พิพากษาผู้ใหญ่ท่านนั้นได้ร้องเรียนผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมร่วมกับฝ่ายจำเลย ไม่เป็นธรรมในการพิจารณาคดี และขู่ว่าจะดำเนินคดีกับท่านในข้อหาทุจริตต่อ ป.ป.ช. (ซึ่งคาดว่าอาจอยู่ระหว่างดำเนินการตามคำขู่ของท่าน) 
    หากท่านเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีนี้ หรือเป็นผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมที่รักองค์กร เมื่อท่านทราบเรื่องดังกล่าวท่านจะทำอย่างไร? ภายใต้หลักอิสระตุลาการท่านว่า การกระทำดังกล่าวชอบด้วยประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อว่า การประชุม ก.ต.ศาลยุติธรรม วันที่ 6 สิงหาคม ในที่สุด ก.ต.ศาลยุติธรรมจะวางบรรทัดฐานการแต่งตั้งผู้พิพากษาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างไร??”
    นอกจากนี้ มีรายงานกระแสข่าวว่า ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรู้สึกหวั่นไหวต่อการพิจารณาคดีดังกล่าว แต่อีกกระแสหนึ่งก็มีการเคลื่อนไหวพูดถึงการใช้สิทธิถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรมอีกด้วย
    ด้านนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำรงตำแหน่งใดๆ ที่ประชุม ก.ต.ชุดใหญ่ทั้ง 15 คน ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน จะพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน และหากมีข้อมูลใดหรือการร้องเรียนใดที่เป็นผลร้ายต่อผู้พิพากษาที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ตามระเบียบฯ ก.ต.ก็จะให้โอกาสบุคคลนั้นชี้แจง อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เบื้องต้นมีการข้อมูลเสนอมาตามลำดับชั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 6 ส.ค. การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายจะเป็นอย่างไรต้องรอผลการประชุม โดย ก.ต.ทั้ง 15 คนเป็นผู้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา
    ผู้สื่อข่าวรายงานในวันดังกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ชั้นอนุ ก.ต. ที่ตรวจสอบความเหมาะสมของผู้พิพากษาเพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกาและประธานแผนกคดีในศาลฎีกา เพื่อจะทำบัญชีรายชื่อผู้พิพากษาเสนอให้ ก.ต.ชุดใหญ่ 15 คน พิจารณาและลงมติเห็นชอบในวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.นั้น มีผู้พิพากษาคนหนึ่งในบัญชีอนุ ก.ต.เสียงไม่เป็นเอกฉันท์ โดยเสียงข้างมาก 13 เสียงให้ผ่าน แต่มีเสียงข้างน้อย 6 เสียงเห็นว่าไม่ผ่านความเหมาะสม จากที่มีคู่ความร้องเรียนผู้พิพากษาคนนั้นมีปัญหาความเหมาะสมเเละจริยธรรม กระทั่งมีการเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้พิพากษาคนดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ ในปี 2561 นี้ ลักษณะเเทรกเเซงการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น รวมทั้งการแสดงกิริยาลักษณะแสดงอำนาจว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่านั้น ไปยังผู้บริหารศาลยุติธรรมตามลำดับชั้นแล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"