อานิสงส์ในประเทศ


เพิ่มเพื่อน    

      หลังจากสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทำตลาดทุนปั่นป่วนไปไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แค่โดนปลายหางนิดๆ ยังเซไปมากเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้กระแสได้เริ่มซาลงไปมากแล้ว เพราะตอบรับข่าวไปมากแล้ว จึงย้ายไปโฟกัสปัจจัยภายในประเทศที่จะมีผลกระทบต่อดัชนีหุ้นบ้าง

        ที่ผ่านมาได้มีการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 2 ปี 61 โดยกลุ่มที่เป็นที่จับตาคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากรายได้ค่าธรรมเนียมเต็มๆ จากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล แต่พลิกความคาดหมาย เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ด้วยเพราะทางธนาคารหันไปเน้นการทำกิจกรรมอื่นเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปแทน จึงทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

        ขณะที่ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.ถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มกลับมาซื้อสุทธิแล้ว หลังจากที่ผ่านมาอยู่ในสถานะขายสุทธิเกือบ 200,000 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อว่าจะกลับมาซื้อเพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ดีอย่างต่อเนื่องของไทย ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยกลับมาปรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยนางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือน ส.ค.ได้รับปัจจัยบวกจากการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2 พร้อมการประกาศจ่ายปันผลถึงกลางเดือน ส.ค.นี้

        นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันอยู่ในกรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการส่งออกของซาอุดีอาระเบียที่ลดลง และคาดสต็อกน้ำมันของตลาดโลกในไตรมาส 3/61 มีแนวโน้มลดลง จากความต้องการใช้น้ำมันจำนวนมาก รวมถึงความผันผวนของเงินสหรัฐโดยเฉพาะในช่วงที่อ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่าไตรมาส 2/61 มีการขยายตัวมากกว่า 4.0% หลังไตรมาสแรกเติบโต 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี ทั้งนี้ คาดจีดีพีปีนี้จะขยายตัว 4.4% สูงสุดในรอบ 6 ปีตามการส่งออก คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และการท่องเที่ยวคาดรายได้เติบโต 11%

        ที่ขาดไม่ได้คือปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้ มาจากกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิตลอด 7 เดือนแรกของปีนี้ จำนวน 190,699 ล้านบาท ส่วนในเดือน ก.ค.ยอดขายสุทธิชะลอตัวลงเหลือประมาณ 10,622 ล้านบาท ดีขึ้นจากเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 30,013 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา คือ วันที่ 8 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ต่อปี แต่อาจมีการเริ่มส่งสัญญาณลดการใช้นโยบายผ่อนคลายลง หลังเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมาย คาดอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 62

        ด้าน นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของตลาดหุ้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องภาษีสหรัฐกับจีน หลังจากจีนได้ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มอีก 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นท่าทีของสหรัฐต่อข่าวดังกล่าวพร้อมจะเป็นทั้งบวกและลบต่อตลาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ มีการขายน้อยลง ขณะเดียวกันบางจังหวะเริ่มกลับมาซื้อหุ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ถือเป็นสัญญาณที่ดีของตลาด แต่คาดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศจะยังไม่กลับเข้าตลาดหุ้นอย่างจริงจัง

        สำหรับปัจจัยในประเทศ การรายงานผลกำไรของ บจ.ไตรมาส 2 ณ วันที่ 3 ส.ค. บริษัทใน SET รายงานมาแล้ว 51 บริษัท มีตัวเลขที่ 90,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งช่วงก่อนสัปดาห์สุดท้ายคาดว่าจะนำส่ง 50% ของทั้งหมด มองว่ากำไรอาจไม่แย่อย่างที่เคยคาดถือเป็นอีกปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะเริ่มเห็นการออกมาตรการมากขึ้น ทั้งการช่วยผู้มีรายได้น้อย กระตุ้นการลงทุนโครงการสาธารณูปโภค และการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง ทั้งค้าปลีก นิคมฯ และรับเหมาก่อสร้าง

      ถึงแม้จะมีปัจจัยลบเข้ามากดดันบ้าง แต่ยังมีแรงหนุนในประเทศเป็นส่วนใหญ่เข้ามาเสริม ทำให้ดัชนีหุ้นไทยไม่ดิ่งลงไปมาก ถึงอย่างไรก็ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะแรงกดดันยังคงมีอยู่ตลอดเวลา แค่รอว่าจะมีใครจุดประเด็นขึ้นมาเท่านั้น.

ปฏิญญา มั่งคั่ง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"