อดีตผู้พิพากษาฯชื่นชม 'อธิบดีผู้พิพากษาภาค2' นำล่ารายชื่อถอดถอนก.ต.


เพิ่มเพื่อน    

 

11 ส.ค.61 - นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า....รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทยฉบับปัจจุบัน มาตรา ๑๘๘ วรรคสองบัญญัติว่า ผู้พิพากษาและตุลาการย่อมมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง

.....หมายความว่า ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีโดยไม่ว่าใครจะเป็นบุคคลภายนอกหรือบุคคลภายในศาลยุติธรรมจะเข้ามาก้าวก่ายหรือแซกแทรงการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ว่าการพิจารณาพิพากษาคดีต้องเป็นตามรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมาย จะกระทำการโดยอิสระหรือตามอำเภอใจโดยไม่ยึดตามรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมายไม่ได้ ทั้งการพิจารณาพิพากษาคดีต้องให้เป็นโดยรวดเร็วที่มีความหมายชัดเจนอยู่แล้ว เป็นธรรมและปราศจากอคติทั้งปวงคือไม่มีความลำเอียงจากเหตุ ๔ ประการคือ ๑ ฉันทาคติ ความรักใคร่ชอบพอ ๒ โทสาคติ ความเกลียดชังไม่พอใจ ๓ ภยาคติ ความกลัวว่าตนเองจะได้รับความเดือดร้อน และ ๔ โมหาคติ ความโง่เขลาหลงผิด

.....บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวนอกจากเพื่อคุ้มครองผู้พิพากษาและตุลาการให้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ต้องหวั่นเกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะเข้ามาก่าวก่ายแทรกแซงแล้ว มีเหตุผลสำคัญที่สุดก็คือปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้มีอรรถคดีขึ้นสู่ศาลให้ได้รับการพิจารณาและพิพากษาไปโดยรวดเร็วและได้รับความยุติธรรมตามบทบัญญัติของกฎหมาย

.....แม้การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลยุติธรรมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่ในขณะเดียวกันตุลาการศาลยุติธรรมก็ต้องห้ามมิให้เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการท่านอื่นตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๖๖ ซึ่งบัญญัติว่า ข้าราชการตุลาการต้องไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการพิจารณา พิพากษาคดีของข้าราชการตุลาการอื่น หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้การพิจารณาพิพากษาคดี ของข้าราชการตุลาการอื่นขาดความเป็นอิสระหรือความยุติธรรม

.....รวมทั้งตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ หมวด ๕ ว่าด้วยจริยธรรมเกี่ยวกับการดํารงตนและครอบครัวข้อ ๓๗ ที่กําหนดให้ผู้พิพากษาจักต้องไม่ก้าวก่ายหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาอื่น

.....ตุลาการศาลยุติธรรมมีหน้าที่ต้องยึดถือปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมโดยเคร่งครัด หากข้าราชการตุลาการท่านใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ย่อมเป็นการประพฤติผิดวินัย ส่วนจะร้ายแรงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ

.....มีข่าวว่าในการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดแห่งหนึ่งมีผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ผู้ทรงคุณวุฒิด้วย และมีความเกี่ยวพันเป็นสามีพี่สาวของโจทก์กับเป็นพี่ของทนายโจทก์ด้วย ได้การเข้าไปนั่งในห้องพิจารณาคดีตรงที่นั่งของทนายโจทก์และได้แนะนำการซักถามพยานให้แก่ทนายโจทก์ตลอดเวลา ทั้งมีการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นให้บันทึกคำพยานตามที่ตนต้องการโดยมีการข่มขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะร้องเรียนและจะตั้งกรรมการสอบสวนให้ถึงไล่ออก ฯลฯ

.....การกระทำของผู้พิพากษาท่านนี้เป็นการกระทำฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๘ วรรคสอง เพราะทำให้ผู้พิพากษาไม่มีอิสระในการพิจารณาคดีและก่อให้เกิดภยาคติหรือความเกรงกลัวแก่ผู้พิพากษาท่านนั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมมาตรา ๖๖ และประมวลจริธรรมข้าราชการตุลาการข้อ ๓๕ ที่กําหนดให้ผู้พิพากษาต้องเคารพและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด อยู่ในกรอบศีลธรรม สุภาพ สํารวมกิริยามารยาท มีอัธยาศัยยึดถือจริยธรรมและ ประเพณีอันดีงามของตุลาการ ทั้งพึงวางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป และข้อ ๓๗ ดังกล่าวข้างต้นอย่างชัดแจ้ง ทั้งยังเข้าข่ายเป็นการขัดขวางการพิจารณาคดีของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๘ ด้วย ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ศาลยุติธรรมของประเทศไทย

.....มีคณะผู้พิพากษาที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มผู้พิพากษาผู้พิทักษ์ สถาบันศาลยุติธรรม โดยมีท่านสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๒ เป็นผู้นำ ท่านพงษ์ศักดิ์ ตระกูลศิลป์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และท่านมณี สุขผล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันทำหนังสือถึงผู้พิพากษาทั่วประเทศขอให้ร่วมเข้าชื่อกันถอดถอนกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔๒

.....ในฐานะอดีตผู้พิพากษาข้าราชการตุลาการบำนาญ ขอยกย่องชื่นชมท่านสืบพงษ์ ท่านพงษ์ศักดิ์และท่านมณีอย่างสูงยิ่งด้วยใจจริงและขอให้กำลังใจที่ท่านทั้งสามมีกล้าหาญเด็ดเดี่ยว กล้ากระทำในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง ไม่เกรงกลัวว่าตนเองจะได้รับภัยพิบัติใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครแม้เป็นผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่และเป็น ก.ต. ด้วย เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงการปฎิบัติหน้าที่พิจารณาคดีของผู้พิพากษาเพราะถ้าขืนปล่อยให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นผู้พิพากษาย่อมไม่มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อผู้พิพากษาไม่มีอิสระและต้องปฏิบัติตามความต้องการของผู้ที่เข้าก้าวก่ายสั่งการ ประชาชนผู้มีอรรถคดีขึ้นสู่ศาลก็ย่อมยากที่จะได้รับความยุติธรรม

.....ทั้งในขณะตนเองยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ราชการได้เคยต่อสู้เพื่อความถูกต้องในศาลยุติธรรมมาตลอด ไม่ว่าในส่วนที่เกี่ยวกับหน่วยงานหรือกลุ่มบุคคลภายนอกและในวงการศาลยุติธรรมเอง จึงใคร่ขอเรียกร้องท่านผู้พิพากษาทั้งหลายว่า โปรดแสดงความกล้าหาญโดยไม่ต้องหวั่นเกรงต่อสิ่งใดในการที่ท่านจะช่วยกันกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ร่วมเข้าชื่อกันถอดถอน ก.ต. ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามหนังสือเชิญชวนของท่านสืบพงษ์กับพวก เพื่อรักษาสถาบันศาลยุติธรรมให้ดำรงความเป็นอิสระปราศจากการก้าวก่ายแทรกแซงของบุคคลหนึ่งบุคคลใดให้เป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป โปรดอย่านิ่งดูดายหรือคิดว่าธุระไม่ใช่ขออยู่เฉยๆ ดีกว่า ถ้าคิดเช่นนั้นก็เท่ากับว่าท่านซึ่งเป็นผู้พิพากษาแต่กลับส่งเสริมสนับสนุนให้บุคคลอื่นเอาเยี่ยงอย่างกระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ประพฤติผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการกันเพิ่มขึ้นอีกด้วย

.....อยากให้ท่านผู้พิพากษาทุกท่านได้โปรดระลึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระมหากษัตริย์ ก่อนท่านเข้ารับหน้าที่ซึ่งทุกท่านควรต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามถ้อยคําที่ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายทุกประการ”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"