‘ป้อม’ดีดปาก‘แม้ว’ ถามปลุกสู้แล้วใครตาย-ติดคุก/พท.ไปฮ่องกงแห่เยี่ยม‘นช.’คึกคัก


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กป้อม" ตีปาก "ทักษิณ" พูดอะไรคิดให้มาก และหัดรับผิดชอบคำพูดด้วยว่าปลุกคนมาสู้แล้วใครได้รับผลกระทบ ถามใครต้องเจ็บตายติดคุก  วันนี้ขอเพราะผ่านอะไรมามากกว่า ส่วนมหกรรมเยี่ยมนักโทษ-ผู้ต้องหาที่ฮ่องกงยังคึกคัก เพื่อไทยแห่ไปแน่น "แม้ว" คุยโวอีก มีวิธีทำให้เพื่อไทยไม่แพ้ อนาถ! สามมิตรดูดไม่เลือก กับ "หมอเปรม" ก็ไม่เว้น

    เมื่อวันเสาร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลุกพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงให้สู้ โดยระบุว่าถ้าเรายังสู้อยู่ เราก็จะไม่แพ้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้ คำว่าแพ้มีได้ 2 กรณี คือแพ้เพราะตาย กับแพ้เพราะยอมไปเอง ว่าไม่อยากพูดหรือแสดงความเห็นอะไรในเรื่องนี้ แต่อยากเตือนสติว่าใครที่พูดอะไรออกมา ต้องรู้จักคิดให้มาก และหัดรับผิดชอบในคำพูดของตัวเองบ้าง ว่าการปลุกให้มีการต่อสู้ คนที่จะได้รับผลกระทบคือใคร
    "ใครต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ หรือต้องติดคุก และประเทศชาติจะได้รับผลกระทบอย่างไร จึงขอให้คิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดี ผมไม่อยากจะพูดอะไรให้ต่อความยาวสาวความยืด แต่วันนี้ผมขอแล้วกัน เพราะที่ผ่านมาคงไม่มีใครพูดเตือนสติ ผมขอพูดหน่อยในฐานะผู้สูงวัย ผ่านอะไรมามาก"
    พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อยากให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าใคร จะพูด จะคิด จะทำอะไร ขอให้คิดถึงประเทศชาติเป็นที่ตั้ง อย่านึกถึงแต่ตัวเอง เพราะประเทศชาติไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ ตนให้ความเห็นนี้เพื่อเป็นการเตือนสติเท่านั้น ไม่ได้เป็นการตอบโต้หรือขัดแย้งกับใคร 
    นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังมีคนที่คาดหวังกับตัวนายทักษิณอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ห้ามกันได้ยาก บางทีนายทักษิณอาจคิดว่ายังมีความคาดหวัง
    เมื่อถามว่า ยังคงมีเรื่องความแค้นอยู่หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ต้องถามนายทักษิณ เพราะเวลาผ่านมานานแล้ว และเท่าที่ดูนายทักษิณก็มีความสุขดี ครอบครัวอบอุ่น เป็นคุณปู่มีหลานแล้ว ตอนนี้ดูสบายๆ ไม่เครียดเท่าตอนบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ปัจจัยในการบริหารประเทศมีมาก ความต้องการของประชาชนก็มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งถือว่าเปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนมาก
    รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมายังเกาะฮ่องกงว่า วันที่ 10 ส.ค.  นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ร่วมรับประทานอาหารกับอดีต ส.ส.ภาคอีสานประมาณ 40 คน และมีแกนนำพรรคเข้าร่วมด้วย อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล 
    การพบปะจัดขึ้นที่ Ye Shanghai Restaurant โรงแรม Macro Polo Hongkong โดยภายในงานมีการจัดโต๊ะจีน 12 ที่นั่งไว้ 4 โต๊ะ เพื่อรองรับนักการเมืองทั้งหมด
"แม้ว"มีวิธีชนะเลือกตั้ง
    พร้อมกันนี้ ระหว่างการพูดคุย นายทักษิณได้กล่าวปลุกขวัญอดีต ส.ส.ว่า มีวิธีการที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่แพ้การเลือกตั้ง เพราะมั่นใจว่าชนะใจประชาชนได้ อีกทั้งรัฐบาลปัจจุบันก็มักก๊อบปี้โครงการต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย แต่ทำได้ไม่ดีเท่ากับที่เคยทำมา แม้แต่ท่านั่งบนเครื่องบินก็พยายามก๊อบปี้ แต่ทำได้ไม่เหมือน ซึ่งคำพูดของนายทักษิณเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ร่วมงานจนดังลั่น 
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่ 11 ส.ค.นี้ จะมีกลุ่มอดีต ส.ส.หนองคายและอุดรธานีบางส่วนเดินทางไปเข้าพบนายทักษิณ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ และวันที่ 12 ส.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเดินทางไปพบนายทักษิณเป็นลำดับต่อไป
    มีรายงานว่า หลังจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย จะเดินทางเข้าพบนายทักษิณด้วย จากนั้นเป็นคิวของนักธุรกิจและเพื่อนฝูงต่างประเทศ ก่อนที่นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปประเทศจีนต่อในสัปดาห์หน้า และใช้เวลาอยู่ที่ประเทศจีนประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น
    นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตามที่นายสุริยะใส กตะศิลา และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคน แสดงความเห็นว่านายทักษิณแพ้สงครามตลอดนั้น อยากเสนอความเห็นว่า นายทักษิณทำสงครามในนามพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาตลอด ไม่เคยแพ้ ได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเป็นครั้งแรก และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาตลอด
    นายทักษิณเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งคนแรก คนเดียว ที่อยู่ในวาระครบ 4 ปี และยังชนะการเลือกตั้งในครั้งต่อมาด้วยสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์รัฐสภาไทยด้วย 377 ที่นั่ง แสดงถึงการยอมรับจากประชาชนในฝีมือบริหารอย่างชัดเจน
    แม้ถูกทำลายด้วยอำนาจเผด็จการด้วยรัฐประหาร 2 ครั้ง ยุบพรรค 2 หน ตัดสิทธิ์แกนนำพรรคกว่า 100 คน ยัดข้อหายึดทรัพย์ และกีดกันให้ออกจากการเมือง ออกนอกประเทศ แต่พรรคของเขา คนของเขา ไม่เคยแพ้เลือกตั้ง แต่กลับสร้างประวัติศาสตร์มีนายกรัฐมนตรี 4 คนจากพรรคของเขาในช่วงเวลาแค่ 10 ปีเศษ
    นอกจากชนะสงครามการเมืองมาอย่างงดงามแล้ว ยังชนะสงครามเศรษฐกิจ สงครามความยากจน ด้วยปรากฏการณ์น่าสนใจ อาทิ ปลดหนี้ให้ประเทศจากไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด เศรษฐกิจขยายตัวในระดับสูงสุด (เมื่อเทียบในบริบทที่แตกต่าง) ฐานะการคลังของประเทศมั่นคง เงินสำรอง เงินคงคลังของประเทศอยู่ในระดับนานาชาติเชื่อถือ เชื่อมั่น จัดงบประมาณสมดุลติดต่อกัน 2 ปี (ซึ่งไม่มีรัฐบาลอื่นใดทำมาก่อน) เกิดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนซื้อง่ายขายคล่อง คุณภาพชีวิตประชาชนสูงขึ้นจากสวัสดิการรัฐ และสังคมปลอดยาเสพติด    
    เขากล่าวว่า นายทักษิณชนะสงครามเป็นที่น่าภูมิใจ คือการยอมรับจากประชาชนในประเทศผ่านการเลือกตั้งที่ไร้การกังขาจากนานาชาติ และได้รับความชื่นชมจากสังคมโลก โดยหลายประเทศได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญและพูดถึงความสำเร็จในหลายนโยบาย อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค (แม้แต่ผู้นำไทยบางคนยังแอบอ้างบนเวทีโลก)
    ชนะสงครามในมิติที่บางคน บางกลุ่ม บางพรรควิเคราะห์ไม่ถูก คือแม้ทักษิณจะถูกกลั่นแกล้งให้พ้นจากการเมือง ออกนอกประเทศ แต่ทักษิณยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง ทางความคิดต่อคนทุกระดับ โดยเฉพาะชั้นผู้นำ ฝ่ายตรงข้าม ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ทิศทางของหลายกลุ่มหลายฝ่าย ในลักษณะก้าวไม่ข้าม หรือเกิดอาการปากกล้าขาสั่นอยู่เนืองๆ
ชนะอย่างเลือดเย็น
    ชนะสงครามโดยทำลายคู่ต่อสู้และฝ่ายตรงข้ามอย่างเลือดเย็นและไม่รู้สึก โดยสร้างให้คนเหล่านั้นเกิดภาวะโทสะ โมหะ ริษยา โลภ โกรธ หลง แล้วแสดงออกในอาการเสียการสมดุลทางความคิดและกระทำการนอกครรลอง นอกหลักนิติรัฐ นิติธรรม   รัฐบุรุษต้องกลายเป็นโมฆบุรุษ
    "นักการเมืองเจ้าหลักการกลายเป็นไร้หลักการ นักกฎหมายชั้นครูกลายเป็นนักกฎหมายที่ลูกศิษย์สลดใจ นักวิชาการชั้นแนวหน้ากลายเป็นผู้ทรยศต่อหลักวิชา ทำให้นายทหารที่องอาจชาติชายกลายเป็นนักรบกระจอก ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ ทำให้นักเคลื่อนไหวไม่น้อยเดินถนนผิดสาย กลับบ้านไม่ได้ ไร้ญาติขาดมิตร และนักการเมืองในอดีต ปัจจุบัน หลายคนถูกตีตราว่าผู้ทรยศ"
    นายสุทินกล่าวว่า มีปรากฏการณ์เดียวที่คนเข้าใจว่าทักษิณแพ้คือ ทักษิณถูกโค่นจากอำนาจ ทักษิณเข้าประเทศไม่ได้ ทักษิณเป็นนักโทษหนีคดี แต่หากจะพิจารณาโดยสติ จะเข้าใจได้ว่า นั่นคือการแพ้ที่ชนะยิ่งกว่า แพ้ในกติกาป่าเถื่อน แต่ทักษิณชนะในกฎเกณฑ์ที่โลกยอมรับและต้อนฝ่ายตรงข้ามบนเวทีโลก จนนักการทูตหลายคนกลายเป็นตัวตลก และประการสำคัญที่ยืนยันว่าทักษิณชนะสงคราม คือการสำรวจความเห็นของคนไทยทั้งสำนักไทยและต่างชาติ ทักษิณคือนายกรัฐมนตรีที่คนไทยนิยมที่สุดนับแต่มีมา
    ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชนะศึกสงคราม ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงไปสู้รบปรบมือ เพียงแต่ชี้ให้ประชาชนเห็นว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ชีวิตความเป็นอยู่ จะกินอิ่ม นอนอุ่น ศักดิ์ศรีประเทศได้รับการยอมรับ หากอยู่ฝ่ายเผด็จการหรือแนวร่วม หรือเป็นพันธมิตรกับเผด็จการ ชีวิตความเป็นอยู่และศักดิ์ศรีของประเทศก็จะเป็นอย่างที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับอยู่ในขณะนี้
    เขากล่าวว่า ที่นายทักษิณให้ความเห็นกับผู้ไปเยี่ยมเยียนท่านที่ฮ่องกงนั้น ถ้าสังเกตให้ลึก จะเห็นเจตนาของท่านชัดเจนว่าต้องการที่จะเห็นประเทศไทยกลับมาเจริญรุ่งเรือง มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรีอีกครั้ง พวกเราเข้าใจดีว่าท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ย่อมห่วงบ้านห่วงเมืองเป็นธรรมดา และในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกกระทำแล้วกระทำอีกดังกล่าว ท่านก็จำเป็นที่จะต้องให้กำลังใจ เพราะกระแสพลังดูด ตลอดจนการเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองรุนแรงมาก การให้กำลังใจของผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรค ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในสังคมไทยให้ความสำคัญกับความกตัญญูรู้คุณ
ไม่มีใครครอบงำพรรค
        “ผมขอยืนยัน ในฐานะที่ทำงานอยู่ส่วนกลางของพรรคคนหนึ่ง การตัดสินใจทางการเมืองอยู่ที่หน้างาน คือ กรรมการบริหารพรรค ไม่มีใครมาครอบงำได้ เพราะผู้ที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย คือ กรรมการบริหารพรรค วิญญูชนจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแนวทางการทำงานการเมืองของพรรค ซึ่งทั้งหัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคได้ยืนยันต่อสาธารณะมาตลอดถึงแนวทางการทำงานการเมืองของพรรคที่ยึดแนวทางสันติดังกล่าวข้างต้น การต่อสู้กับเผด็จการ อาจดูเหมือนกับการทำศึกสงคราม แต่เราไม่มีทางที่จะเอาอาวุธไปสู้รบปรบมือกับผู้ถืออาวุธได้ นอกจากใช้ปัญญาและแนวทางที่ถูกต้อง คือแนวทางประชาธิปไตยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ขอยืนยันว่า ในการทำงานการเมืองเพื่อบ้านเมือง พท.ใช้แนวทางสันติแน่นอน และด้วยแนวทางนี้ ตนมั่นใจว่าจะถูกใจประชาชน จนนำมาซึ่งชัยชนะอย่างถล่มทลายดังเช่นที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้กำลังใจมาดังกล่าว” นายชวลิตกล่าว
    วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้าและแกนนำกลุ่มสามมิตร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยนายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้พบปะและรับฟังปัญหาจากตัวแทนประชาชนในเขตอำเภอแก้งสนามนาง, อำเภอบัวใหญ่ และอำเภอใกล้เคียง รวม 8 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา มีชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ครู อาจารย์ กว่า 1,000 คน นำโดยนายคำพันธ์ บุญยืด ตัวแทนกลุ่มประชาชน อ.บัวใหญ่ ได้เสนอให้กลุ่มสามมิตรติดตามทวงถามรัฐบาลกรณีอำเภอบัวใหญ่และอีก 7 อำเภอ ขอแยกตัวออกจากจังหวัดนครราชสีมาตั้งเป็นจังหวัดบัวใหญ่ โดยให้เหตุผลเรื่องของการคมนาคมที่ห่างไกลจากตัวจังหวัดนครราชสีมากว่า 100 กม.
    อีกทั้งจังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่การปกครองถึง 32 อำเภอ ซึ่งกว้างใหญ่และการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาก็ไม่ครอบคลุมทั่วถึง ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวแทนชาวอำเภอบัวใหญ่และอำเภอใกล้เคียงเคยยื่นหนังสือขอแยกเป็นจังหวัดบัวใหญ่ต่อกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหาย โดยนายคำพันธ์ได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 ประกาศตั้งจังหวัดบัวใหญ่ในเร็ววันนี้
    นอกจากนี้ นายเสรี นามพิบูลย์ กำนันตำบลโนนเพชร อ.ประทาย ตัวแทนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เรียกร้องให้กลุ่มสามมิตรผลักดันให้รัฐบาลประกาศขึ้นเงินเดือนให้กับกำนันเป็น 15,000 บาท, ผู้ใหญ่บ้านเป็น 12,000 บาท และผู้ช่วยใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และแพทย์ประจำตำบลทั่วประเทศ เป็น 9,000 บาท เพื่อให้เพียงพอกับค่าครองชีพและรายจ่ายที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน
ดูด"หมอเปรม"
    ทั้งนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทำงานหนักให้กับส่วนราชการทุกกระทรวง จึงเห็นควรปรับขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนอย่างยิ่ง โดยตัวแทนของประชาชนระบุว่า  ถ้ากลุ่มสามมิตรสามารถผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการทั้งสองเรื่องนี้ได้ ชาวอำเภอบัวใหญ่และอีก 8 อำเภอจะเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์และกลุ่มสามมิตรเข้าสู่สภาอย่างถล่มทลายอย่างแน่นอน ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนที่มาร่วมฟังอย่างกึกก้อง
    นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงแผนการเดินทางไปพบปะกับนักการเมืองและกลุ่มอาชีพต่างๆ ว่า ในสัปดาห์นี้กลุ่มสามมิตรมาที่ จ.นครราชสีมา และจะไป อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยจะใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานอีก 2 สัปดาห์ จากนั้นจะไปทางภาคเหนือและภาคกลาง ตามที่มีหลายกลุ่มโทร.มาตาม อยากจะแลกเปลี่ยนและนำเสนอปัญหากับกลุ่มสามมิตร  
    ส่วนการเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า มาถึงวันนี้เรื่องของพรรคการเมืองยังไม่ชัดเจน เพราะยังมีข้อกฎหมายอะไรหลายๆ อย่างที่พรรคเขาจะต้องดำเนินการ ถ้ากลุ่มสามมิตรไปพัวพันกับพรรคการเมือง ก็จะทำให้เกิดความยุ่งยากกับพรรคการเมืองนั้นๆ ไปอีก รวมถึงเรื่องวันเวลาของการเลือกตั้งก็ยังไม่ชัดเจน 
    "ถ้ามีความชัดเจนเมื่อไหร่ เราตัดสินใจไม่นาน วันเดียวก็จบ แล้วเรื่องการสังกัดพรรคเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่เรื่องที่ใหญ่คือการช่วยกันแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในชนบท ถ้ากลุ่มสามมิตรสามารถเก็บประเด็นปัญหาได้ทั้งหมด ก็จะทำให้รัฐบาลช่วยประชาชนได้ตรงเป้าหมาย งบประมาณปีหนึ่ง 3 ล้านล้านเศษ ถ้าเอามาช่วยพี่น้องเกษตรกรแค่ 10% หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ก็จะสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งกลุ่มสามมิตรก็จะเป็นตัวแทนของประชาชนนำเสนอปัญหานี้ต่อรัฐบาล" นายสมศักดิ์กล่าว
    ด้านนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตร กล่าวว่า กลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เดินทางไปยังห้องประชุมประชาเมืองใหม่ เทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อร่วมกับนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พบปะกับประชาชนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังปัญหาของตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างๆ ในอำเภอบ้านไผ่และอำเภอใกล้เคียงกว่า 200 คน เพื่อเก็บข้อมูล 
    จากนั้นช่วงบ่าย คณะของนายสมศักดิ์เดินทางไปยัง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ร่วมกับนายโกศล คาดพันโน รองนายก อบจ.มหาสารคาม เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาจากกลุ่มประชาชนและเกษตรกรเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นกลุ่มสามมิตรก็จะสรุปประเด็นปัญหานำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปหาแนวทางแก้ไขต่อไป
สามมิตรเชียร์บิ๊กตู่ลั่น
     นายภิรมย์กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่ากลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ และถ้าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนใดย้ายไปตามแรงดูดเพราะต้องการเงินจะสอบตกแน่นอนนั้นว่า กลุ่มสามมิตรไม่ได้คำนึงถึงว่าใครจะสอบได้ สอบตก แต่เราให้ความสำคัญเรื่องของปากท้อง ความมีอยู่มีกินของประชาชนมากกว่า 
    "มาถึงวันนี้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์สามารถตอบโจทย์เรื่องดังกล่าวได้เป็นเบื้องต้นแล้ว โอกาสข้างหน้าถ้าสร้างความเข้มแข็งให้กับคนยากคนจน เขาก็จะอยู่ได้ ซึ่งก็จะเป็นดัชนีชี้วัดว่ากลุ่มสามมิตรทำงานแล้วประสบความสำเร็จ"
    เขากล่าวว่า กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวเพื่อสะท้อนปัญหาให้ประชาชนได้ประโยชน์ และนำไปสู่การแก้ไข นี่คือผลประโยชน์ที่สามมิตรได้รับ มาวันนี้สามมิตรกล้าที่จะแข่งทำความดีกับพรรคเพื่อไทย และคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ประชาชนว่าจะไว้วางใจให้ใครเข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ชาวบ้านระบุว่าได้ประโยชน์จากโครงการของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการบัตรคนจนที่ชาวบ้านพอใจเป็นอย่างมาก แต่อยากให้รัฐบาลเร่งเพิ่มร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตรคนจนด้วย รวมทั้งอยากให้เพิ่มบัตรคนจนขึ้นอีก เพราะยังมีคนจนอีกมากที่ยังไม่ได้รับบัตรคนจน 
    ขณะที่การช่วยเหลือชาวนาล่าสุดรัฐบาลทำให้ราคาข้าวขยับสูงขึ้นเป็นตันละ 8,000 บาทนั้น ชาวนาพึงพอใจอย่างมาก รวมถึงยังช่วยในเรื่องของค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ และค่าฝากเก็บยุ้งฉางอีกตันละ 1,500 บาทด้วย ที่ทำให้ราคาข้าวอยู่ในเกณฑ์ที่ชาวนาพึงพอใจ ทั้งนี้ การลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นในครั้งนี้ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และนายปัญญา ศรีปัญญา อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน ได้เดินทางมาเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรด้วย
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “จดหมายจาก นพ.วรงค์ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคิดว่าคงไม่สายเกินไป ที่จะมีจดหมายเพื่อเตือนสติอย่างน้อยชีวิตหลังวันเกิด ในบั้นปลาย อาจจะเห็นช่องทาง และถ้านายทักษิณเปิดใจที่จะรับฟังความเห็นที่ต่างออกไป โดยเฉพาะคำว่าประชาธิปไตย ที่พูดถึงบ่อยๆ อาจจะเป็นประโยชน์ นำมาซึ่งความสุขของคนไทยในประเทศก็ได้ เพราะการมาเปิดประเด็นสงคราม โดยเฉพาะสงครามเพื่อประชาธิปไตย ฟังดูก็เข้าท่าดี 
    "แต่โดยปกติแล้ว รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย จะไม่มีคำว่าแพ้ ต่อให้มีทหารหรือกองกำลังไม่ทราบฝ่าย รัฐบาลประชาธิปไตยจะไม่มีคำว่าแพ้แน่นอน เพราะประชาชนเขาจะหนุนและช่วยกันปกป้อง แต่นายทักษิณแพ้มาตลอด เพราะประชาชนเขาไม่ยอม แสดงว่าคำว่าประชาธิปไตยของนายทักษิณกับของพวกเรานั้นไม่ตรงกัน"
     นพ.วรงค์ระบุอีกว่า นายทักษิณควรต้องสำรวจตนเองว่าเป็นอย่างไร ปรับปรุงตนเองได้หรือไม่ ถ้าปรับปรุงได้ ก็ขอโทษประชาชน ว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก และยอมเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย นายทักษิณก็จะมีโอกาสเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริงกับเขาบ้าง แต่ถ้าไม่สนใจ ทำผิดพลาดซ้ำซาก แม้จะมาจากการเลือกตั้ง เขาจะไม่เรียกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่เขาเรียกว่าฝ่ายทุนสามานย์ ซึ่งก็คือเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง และขอบอกเลยว่า ถ้ายังคิดแบบเดิมๆ ถือว่าหมดเวลา ซึ่งทางที่ดีนายทักษิณต้องอย่าฟังแต่ลูกน้องมากเกินไป สุดท้ายนี้ ประชาชนทุกคนต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ต้องการทุนสามานย์ ที่อาศัยแค่การเลือกตั้ง ทุกอย่างอยู่ที่นายทักษิณจะตัดสินใจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"