พี่สาว'บูม'มอบตัว พ่อแม่ส่อโดนด้วย


เพิ่มเพื่อน    

    พี่สาว "บูม" เข้ามอบตัวกองปราบฯ ปฏิเสธร่วมตุ๋นบิตคอยน์ แต่รับพี่ชายโอนเงินเข้าบัญชีตนเองถึง 200 ล้าน โดยที่ไม่รู้ว่าเงินมาจากไหน และเอาไปซื้อที่ดินส่วนหนึ่ง ตำรวจคุมตัวขออำนาจศาลฝากขังข้อหาร่วมฟอกเงิน "ไมตรี" เผยได้หลักฐานพ่อแม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน อยู่ระหว่างพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา     
    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 สิงหาคมนี้ ที่กองบังคับการปราบปราม น.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่สาวนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต ดารานักแสดง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญข้อหาร่วมกันฟอกเงิน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกออกหมายจับพร้อมนายจิรัชพิสิษฐ์ และนายปริญญา จารวิจิต พี่ชาย ที่อยู่ระหว่างหลบหนีไปต่างประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 797 ล้านบาท
    คดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ว่าถูกผู้ต้องหาพร้อมกับพวกร่วมกันหลอกลวง และร่วมกันวางแผนชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล ในชื่อ dragon coin (DRG) โดยหลอกลวงให้ซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) มีผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลจำนวนหนึ่งเข้าไปกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา รวมเป็นเงิน 5,564.44650956 เหรียญบิตคอยน์ คิดเป็นสกุลเงินบาทไทย 797,408,454.33 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดเวลานัดหมายที่จะได้รับส่วนแบ่งจากการลงทุน ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือเงินปันผลแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความร่องทุกข์ที่กองปราบฯ
    พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า น.ส.สุพิชย์ฌาได้เข้ามอบตัวตามที่ทนายได้ติดต่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ โดยเฉพาะประเด็นการรับโอนเงินจากนายปริญญา พี่ชาย ตามเส้นทางการเงินในบัญชี ซึ่ง น.ส.สุพิชย์ฌารับว่านายปริญญาได้โอนเงินเข้ามาในบัญชีของตนเองจริง แล้วก็โอนออกไป หมุนข้า-หมุนออกมียอดเงินประมาณ 200 ล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าเงินมาจากไหน เข้าใจว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการเล่นหุ้น อย่างไรก็ตาม น.ส.สุพิชย์ฌายอมรับว่านำเงินที่ได้รับโอนส่วนหนึ่งไปรับซื้อฝากที่ดินเอาไว้
    ผบก.ป.กล่าวว่า ในส่วนของผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นนักธุรกิจในตลาดหุ้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองปราบปรามได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของพ่อและแม่ของบูม-จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เบื้องต้นพบเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ซึ่งพ่อหรือแม่ของบูมจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับพ่อและแม่นายบูมฐานฟอกเงินด้วย
    สำหรับครอบครัวจารวิจิต ก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุมตัวบูม-จิรัชพิสิษฐ์ ซึ่งศาลให้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์ 2 ล้านบาท มีเงื่อนไขห้ามเดินทางไปต่างประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ส่วนนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องและพนักงานสอบสวน บก.ป.เตรียมออกหมายจับมีอยู่ราว 5-6 คน
    เวลา 14.30 น. พนักงานสอบสวนควบคุมตัว น.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน ไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-26 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมอีก 10 ปาก และรอเอกสารทางการเงินของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับรอผลการตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือจาก สตช. โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
    คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ (Mr.aarni Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ซึ่งประกอบธุรกิจซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของผู้ต้องหา กับพวก กรณีที่ได้ร่วมกันหลอกลวงเอาเงินของนายอาร์นีไปโดยทุจริต จำนวน 797,408,454.33 บาท จากการหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอล (dragon coin หรือ DRG) และการซื้อหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย
    แต่หลังจากนั้น นายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหา กับพวก ได้นำเหรียญบิตคอยน์ที่ได้รับโอนมาจากผู้เสียหาย ทยอยขายออกไปแล้วถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ของกลุ่มพี่ชายผู้ต้องหารวม 7 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหนังสือรายงานความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไปยังเลขาธิการสำนักงาน ปปง. ขอให้ตรวจสอบพิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่ง ปปง.สรุปรายงานแจ้งว่านายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา, นายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหาอีกรายซึ่งเป็นน้องชาย และตัวผู้ต้องหานี้ได้รับเงินจากการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ เป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ 
    ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
    ขณะที่ทนายความของ น.ส.สุพิชฌาย์ ผู้ต้องหา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขังนี้
    ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องขอประกันตัวดังกล่าว ก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไประหว่างการฝากขัง พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
    ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 คน จากคดีแชร์ลูกโซ่, บิตคอยน์, แชร์เหล็ก และโอดี แคปปิตอล เดินทางมารวมตัวกันเขียนคำร้องเพื่อขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายประเสริฐ กาญจนอุทัย อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือประชาชนเฉลิมพระเกียรติ (สคช.) เป็นผู้แทนอัยการให้คำปรึกษา
    นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีแชร์ลูกโซ่ทั้งหมด 3 คดี และมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับเงินคืน แม้ผู้ต้องหาจะถูกจับกุม อย่างคดีที่ จ.ชลบุรี พนักงานสอบสวน สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี กลับทำสำนวนคดีบิตคอยน์เป็นคดีฉ้อโกง ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วคดีดังกล่าวเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน 
    ส่วนนายประเสริฐ อัยการ สคช. เปิดเผยว่า ผู้เสียหายจะมายื่นคำร้องทั้งหมด 3 เรื่องต่ออัยการสูงสุด ซึ่งหากดูแล้วที่เข้าข่ายจะยื่นคำร้องได้อาจจะไม่ทั้งหมด เนื่องจากบางเรื่องยังไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการ อย่างไรก็ตาม ทางเราก็จะพิจารณาให้คำปรึกษาทั้งหมดตามประสงค์ของผู้ยื่น ซึ่งตนก็แนะนำไปว่าการยื่นคำร้อง ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันให้ยื่นมาด้วยกันคำร้องเดียว หากยื่นเป็นรายบุคคลอาจจะมีการตอบกลับที่ล่าช้า และเมื่อได้รับคำร้องแล้วก็จะส่งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"